บทที่ 70
Ink Stone_Romance
* * *
อาซได้ยินข่าวลือของอาเรียตอนที่เธอไปคาสิโนเป็นครั้งที่สอง เพราะเธอเดาไพ่ถูกติดกันถึงสองครั้งในเกมไพ่รูเล็ตต์ ซึ่งเป็นเกมที่โอกาสชนะไม่สูงด้วยความที่ต้องเดาไพ่เพียงใบเดียวจากทั้งหมด 52 ใบ
แถมยังในแค่ครั้งเดียวอีกต่างหาก ไม่มีทางที่ข่าวลือจะไม่มาถึงหูของอาซผู้รับผิดชอบคาสิโนหรอก อาซเกิดสนใจเรื่องที่มีคนเอาชนะเกมที่ไม่สามารถแอบเล่นตุกติกได้ จึงเอาแต่เฝ้ารอการปรากฏตัวของตัวเอกผู้ชนะรวดที่คาสิโน
แน่นอนว่าอาซไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเอกชนะรวดก็คืออาเรียจนถึงตอนนั้น แต่ทันทีที่เผชิญเข้ากับใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากาก เขาก็รู้ตัวจริงทันที เพราะไม่ว่าเธอจะพยายามซ่อนใบหน้าด้วยหน้ากากสักเพียงไหน ก็ไม่อาจปิดบังดวงตาสีมรกตอันสดใสคู่นั้น และผมบลอนด์วาวเป็นประกายได้ รวมถึงริมฝีปากอันมีเสน่ห์ที่ดูอย่างไรก็ไม่เข้ากับอายุของเธอ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เลย
“8 ข้าวหลามตัด”
ใบหน้าด้านข้างของอาเรียที่ปะปนไปกับฝูงชนและวางพนันด้วยชิปที่เป็นประกายนั้น ช่วงชิงสายตาเขาไป เสื้อผ้าและการแต่งหน้าที่พยายามให้ดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่นั้นช่างเข้ากับเธอเสียจนกระทั่งเขาอดยิ้มเยาะออกมาไม่ได้เมื่อนึกอายุจริงของเธอออก
ในตอนนั้นที่ถูกช่วงชิงสายตาไปครู่หนึ่ง เขาก็เลยไม่ทันได้ระวังว่าเขาอาจจะคลาดสายตาปล่อยให้อาเรียไป ทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับอันตราย เขาจึงรีบไปช่วยเธอ แต่เธอก็เกือบถูกพวกบ้าพนันจับได้ และเกือบจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเสียแล้ว
‘ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณหญิงตระกูลโรสเซนต์ถึงมากอบโกยเงินที่คาสิโน แต่เธอต้องกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ’
เขาอยากส่งคนไปติดตามเธอ แต่ก็ไม่อยากโดนจับได้และถูกเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็น
หลังจากนั้นไม่นาน ซอร์ค อัศวินที่ติดตามอาเรียไป ก็กลับมา
“กระผมเฝ้ารอดูจนกระทั่งรถม้าออกตัวไปเรียบร้อยแล้วครับ”
“ดีมาก แล้ววิการ์ล่ะ”
“ดูเหมือนว่าเขาจะโน้มน้าวดึงคนที่ซื่อสัตย์ต่อพรรคชนชั้นสูงมาได้คนหนึ่งครับ กระผมได้ยินมาว่าเขาจะมาสังเกตการณ์ภายในวันนี้ เขาน่าจะมาถึงแล้วครับ ว่าแต่ท่านตั้งใจจะขายกิจการคาสิโนจริงๆ หรือครับ”
“ใช่”
อาซตัดสินใจที่จะขายคาสิโนต่อตามที่อาเรียพูด เขาพยายามลองกำจัดข้อเสียทิ้ง แล้วปล่อยให้มันอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ แต่ลองคิดดูแล้ว มันคงจะดีกว่าถ้าขายต่อไปตอนนี้
แรกเริ่มเดิมทีมันก็เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลอยู่แล้วที่อาณาจักรจะมาเปิดสถานบันเทิงต่างๆ ที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการพนัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนที่เป็นแกนกลางคอยยับยั้งและกำจัดเรื่องพวกนั้น ดันมาเป็นคนสร้างและจัดการเองเสียนี่
นอกจากนี้ ด้วยความที่เขาอยู่ในสถานการณ์ที่โดนพรรคชนชั้นสูงที่คอยกดขี่อำนาจจักรพรรดิ ทดสอบประสิทธิภาพความสามารถเขาอยู่อย่างต่อเนื่อง เขาจึงคิดว่ายอมโดนหินเล็กๆ ขว้างใส่เบาๆ ดีกว่าต้องมาดิ้นรนต่อสู้เพื่อหลบผลที่จะเกิดตามมาอย่างหนัก
ครู่ต่อมา วิการ์ที่แอบแฝงตัวเข้าไปในพรรคชนชั้นสูงเมื่อไม่นานมานี้ ก็พาใครบางคนมายังคาสิโน ตามที่ซอร์คบอกเมื่อกี้
เขาคือไวเคานต์วิเกต์ผู้ใกล้ชิดกับดัชเชส เขาเป็นที่รู้จักในเรื่องทักษะทางด้านธุรกิจอันยอดเยี่ยม และคอยสนับสนุนเงินจำนวนมหาศาลให้แก่ดัชเชส การจะรับช่วงต่อคาสิโนนั้น จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่ดูจากที่เขาเดินตรงเข้ามาในคาสิโนอย่างไม่ลังเลแล้ว ข้อมูลนั้นคงจะไม่ใช่เรื่องโกหก
ไวเคานต์วิเกต์ที่มาเยี่ยมชมคาสิโนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรนั้น เผยยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะจากไป และวิการ์ก็นำคำตอบที่ตอบรับกับความคาดหวังของอาซมาให้ วิการ์ยื่นใบรายงานด้วยสีหน้าสดใส
“เขาเผยความตั้งใจว่าจะซื้อคาสิโนในเร็วๆ นี้ครับ “ดูเหมือนว่าต่อให้ไวเคานต์วิเกต์จะมีเงินมากขนาดนั้น ก็ยังจำเป็นต้องหาช่องทางทำเงินอยู่ครับ”
“บอกให้เขาเก็บให้เป็นความลับจากดัชเชสแล้วใช่ไหม”
“ครับ เพราะเห็นได้ชัดว่าดัชเชสก็มีแต่จะคัดค้านเท่านั้น กระผมได้ขอร้องกำชับไว้แล้วครับ”
“ดี “อย่าลืมบอกเขาให้ดีล่ะ จะได้เอาไว้ใช้เล่นงานทีหลังได้”
อาซตั้งใจจะทำให้ไวเคานต์วิเกต์เดินเข้าไปในเส้นทางเดียวกับไวเคานต์ลูฟร์ในอดีตที่เคยค้ามนุษย์ภายใต้คาสิโน อาจจะไม่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ แต่ก็บอกวิธีที่ผิดกฎหมายต่างๆ ที่ทำกำไรได้อย่างสูงสุด
ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ดัชเชสจะต้องทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากกับการที่ไวเคานต์วิเกต์จะถูกตัดหางทิ้งเพียงคนเดียว แม้ท่านเคานต์ตระกูลโรสเซนต์กำลังช่วยประคองอยู่ก็จริง แต่จากที่อาซค่อยๆ ยื่นมือเข้าช่วยธุรกิจท่านเคานต์อยู่ ก็เห็นได้ชัดเลยว่ามันจะส่งผลกระทบกับแหล่งกองทุนแน่นอน
“จะว่าไปเรื่องโกดังสินค้าของท่านเคานต์น่ะครับ เรื่องนั้นมีเรื่องชวนให้ปวดหัวนิดหน่อยครับ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็มันเป็นโครงสร้างที่สามารถเลี่ยงภาษีได้โดยที่ไม่มีตรงไหนผิดกฎหมายแม้แต่ที่เดียวเลยน่ะสิครับ”
“เรื่องนั้นนายอธิบายไปแล้วเมื่อครั้งก่อนนะ”
“เรื่องนั้นมันก็ใช่ครับ… แต่หากท่านเคานต์ใช้วิธีนี้ดีๆ แล้ว ต่อให้เราจะปิดกั้นเส้นทางการค้า เขาจะสามารถนำเข้าของได้อยู่ดีครับ ซึ่งหมายความว่าแม้อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แต่ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ใช่ไหมล่ะครับ”
” อย่างนั้นหรือ”
กระดาษในมือของอาซถูกขยำจนยับ เขารู้สึกราวกับร่างกายของเขาเกิดรอยยับ ทำให้ใบหน้าของวิการ์เองก็ยับยู่ยี่ไปด้วย
เขาสังเกตได้ดังนั้นแล้วก็รีบโยนภาระไปมั่วๆ
“ใครเป็นคนหยิบยื่นความคิดแบบนั้นให้ท่านเคานต์กัน ไม่มีทางที่ท่านเคานต์ผู้ยุ่งอยู่ธุรกิจใหม่จะเป็นคนคิดหรอกครับ”
คนที่เสนอความคิดโกดังสินค้าให้ท่านเคานต์ก็คืออาเรีย เขาจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนั้นจากเรน เขาคิดว่ามันไร้สาระ แล้วก็ได้แต่หัวเราะเยาะออกมา เธอร่ำเรียนมาแบบไหนถึงคิดวิธีแบบนั้นออกมาได้ทั้งที่อายุยังน้อยแบบนั้นกันนะ
อาซยกริมมุมปากขึ้นพลางนึกถึงอาเรียที่ไม่ยอมบอกชื่อของเธอและจากไปอย่างโอหัง แต่วิการ์ซึ่งเข้าใจผิดไปว่าเขาคงอารมณ์ดีด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้ กลับพูดเกินเลยไปอีก
“เรนรู้ใช่ไหมครับว่าเขาเป็นใคร ว่าแล้วเชียวว่าพาเขามากระทืบแรงๆ เสียหน่อย คงจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นนะครับ จะได้ไม่ปากมากตอนอยู่ข้างๆ ท่านเคานต์อีกน่ะครับ”
“…เมื่อกี้บอกว่าจะต่อยตีใครนะ”
ทันใดนั้นอาซก็เริ่มมีอาการหงุดหงิดกับคำพูดของเขา วิการ์จึงเริ่มสังเกตเห็นได้อีกครั้ง เขารู้สึกเสียใจขนาดที่เขายอมเย็บปากตัวเองเสียดีกว่า เพราะการจะโต้ตอบให้ถูกจังหวะนั้นช่างเป็นเรื่องยากเหลือเกิน
“มีเรื่องอื่นมารายงานอีกไหม”
“มะ ไม่มีครับ”
“ออกไปได้แล้ว ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีล่ะ”
อาซคลี่รายงานที่เขาขยำจนยับยู่ยี่ออกมาดูในห้องทำงานที่ความเงียบไหลพรั่งพรูเข้ามา หลังจากที่วิการ์ออกไป ทว่าโชคร้ายที่ใบรายงานของวิการ์นั้นไม่เข้ามาอยู่ในสายตาของเขาเลย มีแต่เพียงภาพเลือนรางของอาเรียเมื่อครู่ก่อนเท่านั้นที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
‘เธอเป็นใครกันแน่ ได้ยินมาว่าเธอเป็นสามัญชนจนกระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อน แล้วทำไมเธอถึงหัวดีกว่าพวกผู้ใหญ่ชนชั้นสูงกันล่ะ’
ยิ่งเขารู้จักเธอเท่าไร ก็ยิ่งเกิดข้อสงสัยมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้เธอได้รับการศึกษามามากแค่ไหน ก็ยังแปลกอยู่ดีที่เธอสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้องตามมารยาทได้อย่างเหมาะสมภายในช่วงเวลาอันสั้น มันเป็นวิธีพูดที่ราวกับเธออยู่ในวงสังคมชนชั้นสูงมานาน
และที่แปลกที่สุดก็คือเธอเดาไพ่อย่างง่ายดายอย่างนั้นราวกับอ่านไพ่ได้อย่างไร มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยถ้าเธอไม่ได้ใช้เวทมนตร์อะไรจริงๆ
‘เธอคงจะไม่ได้มีความสามารถอะไรแบบนั้นจริงๆ หรอกใช่ไหม’
เขาคิดเช่นนั้น แต่แล้วก็ส่ายหัวปฏิเสธ เพราะถ้าเธอมีตาทิพย์จริงๆ ก็จะสามารถอธิบายเรื่องไพ่ได้ก็จริง แต่ก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องอื่นนอกเหนือจากนั้นได้อยู่ดี
‘เธอยังดูไม่เกรงกลัวใครแม้แต่กับชายแปลกหน้าที่เธอเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก’
ตอนเจอกันครั้งแรกก็เป็นแบบนั้น วันนี้เองก็เช่นกัน มีบางครั้งที่เธอก็รับมือกับผู้ชายได้ดีเหมือนกับว่าจะใช้งานพวกเขาได้ และก็ในทางตรงกันข้าม มีบางครั้งที่เธอทำท่าทีเขินอายด้วยเหมือนกัน
ราวกับว่าเป็นคนละคน
รายงานของวิการ์กลับมายับยู่ยี่อีกครั้ง และกลิ้งไปบนโต๊ะทำงาน อาซฝังตัวลึกลงไปในโซฟา ก่อนจะหลับตาลง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่มีคนที่แสนจะซับซ้อนและมองอะไรไม่ออกเช่นนี้ และยังเป็นครั้งแรกที่มีคนมาอยู่ในหัวแล้วไม่ยอมออกไปเช่นนี้
‘เอาเธอมาไว้ข้างๆ จะดีกว่าไหมนะ’
เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย เขาอาจจะรู้อะไรบางอย่างเข้าก็ได้ ถ้าเอาเธอมาไว้ข้างๆ แล้วคอยสังเกตอยู่บ่อยๆ แม้แต่ในตอนนี้ที่เจอเธออยู่บ้างเป็นครั้งเป็นคราว ก็ยังได้รับอิทธิพลผลประโยชน์ดีๆ เลยไม่ใช่หรือ แม้แต่เรื่องคาสิโนครั้งนี้เอง ก็เป็นผลงานของอาเรียแทบทั้งหมด
ปัญหาคือจะพาเธอมา ‘ด้วยเหตุผลอะไร’ หรือ’มาเป็นตำแหน่งอะไร’ การให้ตำแหน่งแก่ผู้หญิงนั้นเป็นเรื่องไม่ปกติ และยังเสี่ยงจะโดนสวนกลับอีกต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้น อาเรียไม่มีความสามารถหรือการศึกษาอะไรเป็นพิเศษ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะจ้างเธอ
ถ้าอย่างนั้น วิธีเดียวที่เหลืออยู่ก็คือให้เธอมาอยู่ข้างๆ ในฐานะคุณผู้หญิง แต่เมื่อดูจากชาติกำเนิดของเธอแล้ว คงจะวุ่นวายเอาการแน่ๆ ถ้าเธอมีคนคอยหนุนหลังก็อาจจะไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีล่ะก็ ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะอดทนไหวหรือเปล่า
‘นี่ฉันกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่กัน’
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังคิดเรื่องไร้สาระอยู่ ลำพังเพียงแค่ปัญหาหมั้นหมายกับดัชเชสก็วุ่นวายจะตายอยู่แล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะคิดถึงเรื่องให้อาเรียมาอยู่เคียงข้าง และยังตกใจที่เขาเองก็ชอบความคิดนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว
‘ฉันว่าฉันไม่ใช่ประเภทที่จะหลงใหลไปกับใบหน้าแท้ๆ… แต่หน้าของเธอก็เอาแต่ผุดขึ้นมาในหัวอยู่ได้’
พอลองคิดดูแล้วก็ใช่ ใบหน้าของเธอผุดขึ้นมาในหัวของเขาตลอดเวลา ทั้งที่ไม่ใช่เวลาหรือสถานการณ์ที่หน้าของเธอจะผุดขึ้นมา ก็ดันผุดขึ้นมา อย่างเช่นตอนก่อนเข้านอน หรือหลังตื่นนอนในตอนเช้า แถมบางทีก็ยังโผล่เข้ามาในความฝันด้วย
‘ทั้งที่กับดัชเชสนั้น แค่เธอมาปรากฏตรงหน้าก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแล้วแท้ๆ แปลกจริงๆ’
หลังจากนั้น เมื่อเขาคิดไปถึงดัชเชสไอซิสแล้ว ก็คิดได้ว่าทั้งหมดข้างในนั่นช่างเป็นจิตใจและความคิดที่เปล่าประโยชน์ พอเขากลุ้มใจเช่นนี้และลองนึกดูแล้ว ความจริงเขากำลังเล่นชักเย่ออยู่กับพรรคชนชั้นสูง โดยมีดัชเชสเป็นคนชักนำ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใส่อาเรียลงในตัวเลือกมาตั้งแต่แรกแล้ว
อาซส่ายหัว สลัดความคิดไร้สาระออกไป และหยิบใบรายงานของวิการ์ขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องเช่นนั้น
* * *
ด้วยความที่เธอต้องพลิกนาฬิกาทรายถึงสามครั้งติด รวมถึงที่นอนหลับได้ไม่สนิท ทำให้อาเรียต้องนอนพักอยู่ถึงสามวันติด เพราะเธอขยับร่างกายได้ไม่ค่อยไหว ถึงแม้ว่าเธอจะตื่นขึ้นมาหลังจากที่นอนทั้งวันแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม ถ้าจะมีผลลัพธ์ใหญ่โตตามมาแบบนี้ วันต่อมาหลังจากใช้นาฬิกาทราย ก็ควรจะนอนพักอย่างเงียบๆ จะดีกว่า
เมื่อเธอไปคาสิโนอีกครั้ง พนักงานคาสิโนสองคนก็เดินตามติดเธอมา เหตุผลก็เพราะเธอมีชิปเป็นจำนวนมาก
โชคดีที่ไม่มีใครจำเธอได้ เพราะเธอสวมวิกและแต่งหน้าให้หนาขึ้น แต่การที่มีพนักงานตามติดถึงสองคน ก็ทำให้มีคนมองเธออยู่เป็นครั้งเป็นคราว ต้องขอบคุณพฤติกรรมที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของเธอ จึงไม่มีเรื่องให้ต้องประสบพบเจอกับความโชคร้ายอะไร
“ตายจริง… เลดี้! รวบรวมได้ถึง 50,000 โกลด์เลยนะคะ! ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ!”
บนรถม้าที่กำลังมุ่งหน้ากลับคฤหาสน์ แอนนี่พูดเสียงดังขึ้นโดยที่ไม่กล้าแตะต้องเช็ค 50,000 โกลด์ แม้ยังเป็นจำนวนที่ยังขาดอีกมาก แต่เธอตัดสินใจว่าการจะหาเงินที่คาสิโนต่อไปนั้นคงลำบาก จึงแลกชิปทั้งหมดเป็นเช็ค
“จะไม่ไปคาสิโนแล้วหรือคะ”
“อืม เพราะนี่ก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวแล้วล่ะ”
ถึงจะไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็สามารถซื้อของได้อย่างเพียงพอ น้ำตาลที่จะกลายเป็นของสินค้าฟุ่มเฟือยและของจำเป็นสำหรับคนชนชั้นสูงนั้น ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างฉับพลันหลังจากเส้นทางการค้าถูกปิด และในตอนนั้น เธอก็ตั้งใจจะทำกำไรโดยการปล่อยสินค้า
“จะว่าไป เธอบอกว่าพี่ชายเธอทำงานอยู่ที่โรงแรมเล็กๆ ใช่ไหม”
“คะ ใช่ค่ะ เลดี้”
“ขอยืมตัวพี่ชายของเธอหน่อยได้ไหม ฉันจะเตรียมเงินไว้ให้อย่างเพียงพอเลยล่ะ แน่นอนว่าฉันจะให้ค่าตอบแทนที่เธอช่วยฉันด้วยนะ”
แอนนี่พยักหน้าด้วยใบหน้าเต็มที่ไปด้วยความหวังเมื่อได้ยินคำว่าค่าตอบแทน
“แน่นอนค่ะ! เหมือนเขาจะเคยร้องว่างานที่โรงแรมเล็กๆ มันน่าเบื่ออยู่นะคะ! ให้ดิฉันเรียกมาเมื่อไหร่ดีคะ”
“พามาตอนนี้เลย เพราะฉันมีเรื่องให้ทำเยอะทีเดียว”
………………………………………….