พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – บทที่ 121

บทที่ 121

อาซเดินทางผ่านเมืองหลากหลายจนมาถึงราชอาณาจักรโครอาได้อย่างราบรื่นเป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ โชคยังดีที่เอกสารราชการจากกองกำลังรักษาการณ์นั้นล่าช้ากว่าการเคลื่อนย้ายกำลังพล การเดินทางจึงไม่มีปัญหามากมายนัก

รถม้าค่อยๆ ลดความเร็วลงทีละน้อยเมื่อมาถึงเขตชายแดนก่อนจะหยุดลงในที่สุด

“ท่านอัสเทอโรพี”

จากนั้นไม่นานเสียงของเรนก็ดังเข้ามาจากด้านนอก เป็นสัญญาณบอกให้เขาออกไปได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นรถม้าของเจ้าชายแต่ในเมื่อนี่ไม่ใช่การมาเยือนอย่างเป็นทางการ จึงจำต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการตามแบบแผนต่างจากที่ผ่านมา

อาซส่งสัญญาณตอบว่าเขาจะออกไปแล้วหันมองอาเรีย

“ผมต้องออกไปแล้วครับ”

โชคดีที่เขาได้ส่งคนมาติดต่อไว้ก่อนล่วงหน้าในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางผ่านเมืองต่างๆ จึงไม่ต้องรอขั้นตอนหรือเตรียมอะไรสักอย่าง

เพียงแค่โผล่หน้าไปให้เห็นแบบง่ายๆ ว่าใช่คณะเดินทางของเจ้าชายจริงหรือไม่ และหลังจากพิสูจน์แล้วก็ลงนามรับรองเท่านั้น

“ข้างนอกดูวุ่นวายอย่างไรก็ไม่รู้นะคะ”

จู่ๆ อาเรียซึ่งตั้งใจว่าจะออกไปพร้อมอาซก็เกิดสงสัยเกี่ยวกับเสียงเอะอะโวยวายที่ดังมาจากด้านนอกขึ้นมา

ท่าทางสงสัยใคร่รู้ของอาเรียทำให้อาซเอ่ยตอบ

“คงเพราะรถม้าของเรากระมังครับ”

ทั้งที่นี่คือเขตชายแดนที่ทุกคนต้องเข้าแถวเพื่อจะข้ามผ่านไป แต่รถม้านี่กลับโผล่พรวดมาโดยไม่แม้แต่จะเข้าแถว นั่นคงทำให้พวกเขาสงสัยกัน ว่าคนมีอำนาจบาตรใหญ่ที่อยู่บนรถนี้คือใครถึงดูสุขสบายได้เช่นนี้

หากมีสัญลักษณ์ประจำจักรวรรดิประทับอยู่ พวกเขาคงได้แต่นอบน้อมถ่อมตนไม่กล้าแม้แต่จะกระซิบกระซาบกัน แต่รถม้าที่อาเรียและอาซกำลังนั่งอยู่ในตอนนี้หาได้มีสัญลักษณ์พิเศษอะไร นั่นจึงทำให้ความสงสัยของผู้คนมีแต่จะเพิ่มขึ้น

“เลดี้ มือครับ”

อาซลงจากรถม้าก่อนแล้วยื่นมือมาให้ อาเรียจับมือเขาแล้วออกไปด้านนอกช้าๆ

วินาทีที่พวกเขาได้เห็นอาเรียก้าวลงมาจากรถม้าน่าสงสัยที่ไม่รู้ที่มาที่ไปนั้น ดวงตาก็พลันเบิกโพลงกระทั่งลมหายใจยังถูกสะกดกลั้น

บนโลกใบนี้มีผู้ที่งดงามเช่นนี้อยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ

เธอดึงดูดความสนใจของคนทุกหมู่เหล่าจากความงดงามปราศจากการแต่งเติมใดๆ

แต่ในวันนี้เธอแต่งองค์ทรงเครื่องมาอย่างงดงามกว่าในยามปกติ รูปลักษณ์ของอาเรียจึงเพียงพอที่จะตรึงสายตาของทุกคนเอาไว้ที่ตัวเธอ

ฝูงชนมากมายที่กำลังรอข้ามชายแดนต่างพากันพุ่งความสนใจไปที่ทั้งสอง แต่แล้วก็มีใครบางคนรีบร้อนวิ่งฝ่าฝูงชนนั้นเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเขาต้องเป็นขุนนางระดับสูง

เขาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาทรุดลงกับพื้นก่อนจะเอ่ยต้อนรับ

“ยิ ยินดีต้อนรับสู่ราชอาณาจักรโครอาขอรับ เจ้าชายฟรานซ์ อัสเทอโรพี”

ตัวตนที่แท้จริงของอาซซึ่งเพิ่งถูกเปิดเผยออกมา ทำให้ฝูงชนที่เริ่มกลับมาซุบซิบกันอีกครั้งถึงกับแข็งค้างไปในชั่ววินาที

นี่พวกเขาบังอาจเงยหน้าต่อหน้ามกุฏราชกุมารแห่งจักรวรรดิอย่างนั้นหรือ! ด้วยเหตุนี้ ฝูงชนที่กำลังมองอยู่จึงรีบก้มตัวลงจนจมูกแทบจะแตะพื้น

“มาให้ความต้อนรับเสียดิบดีแบบนี้ ทำเอาผมทำตัวไม่ถูกทีเดียวครับ”

“หะ หามิได้ขอรับ หลังจากเจ้าชายด้ทรงลงนามแล้ว ก็เดินผ่านประตูไปได้เลยขอรับ”

อาซลงนามในเอกสารที่ถูกเตรียมไว้ให้ตรงหน้าทันที และต่อไปก็ถึงคราวของอาเรีย

ในเมื่อเธอคือสตรีที่มาพร้อมเจ้าชาย ชายที่ยังคงรักษาท่าทีนอบน้อมจนถึงขีดสุดจึงเอ่ยนามซึ่งถูกเขีบนไว้ในเอกสารที่ตนได้รับล่วงหน้าออกมาจากปาก

“ชะ ใช่เลดี้อาเรียแห่งตระกูลเคานต์โรสเซนต์หรือเปล่าครับ”

อาเรีย โรสเซนต์อย่างนั้นรึ…!

ราชอาณจักรโครอามีผู้ที่จ้องจะยืมอำนาจของจักรวรรดิมาก่อร่างสร้างตัวอยู่ล้นเหลือ นั่นทำให้ชื่อของอาเรียเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย บรรดาผู้ฟังจึงแอบเหลือบมองใบหน้าของเธออีกครั้งโดยไม่รู้ตัว

ว่ากันว่าผู้ลงทุนนั้นแท้จริงแล้วคือบุตรีขุนนางผู้งดงาม แต่เมื่อได้มาเห็นตัวจริง ความงามของเธอกลับมากมายเกินกว่าที่คำว่า ‘งดงาม’ จะสามารถพรรณนาได้หมด จนทำให้ทุกผู้คน ณ ที่แห่งนี้ไม่อาจเก็บความประทับใจเอาไว้ได้

นั่นรวมถึงชายหนุ่มที่ออกมารับอาซกับอาเรียด้วย เขาลืมสิ้นซึ่งหน้าที่หลักที่ต้องกระทำและได้แต่เหม่อมองอาเรียด้วยความหลงใหลเช่นคนไร้สติ

“ดิฉันต้องลงชื่อตรงไหนหรือคะ”

“…ละ ลงตรงนี้ได้เลยครับ!”

ทั้งเคยชิน ทั้งโจ่งแจ้ง อาเรียจึงทำเพียงแค่แย้มยิ้มแล้วกระตุกให้เขาตระหนักถึงหน้าที่ของตนอีกครั้ง ชายหนุ่มถึงได้รู้ตัวว่าตนได้กระทำการเสียมารยาทไปเสียแล้ว เขาก้มหน้าลงอีกครั้งแล้วยื่นเอกสารให้อาเรีย

อาเรียหาได้กล่าวโทษทั้งยังลงนามด้วยท่วงท่างามสง่าก่อนจะส่งเอกสารกลับคืน ชายหนุ่มเอาแต่กล่าวคำขอบคุณแก่อาเรียเสียหลายครั้งราวกับเธอมีบุญคุณกับตนอย่างใหญ่หลวง

“กระหม่อมได้เตรียมที่ประทับไว้เรียบร้อยแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าชายจะประทับอยู่ที่นี่อย่างสะดวกสบายขอรับ”

ว่าแล้วชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง

ข่าวการมาเยี่ยมเยือนของเจ้าชายและดวงดาราแห่งจักรวรรดิแพร่สะพัดไปทั่วทั้งราชอาณาจักรโครอาจากงานเปิดตัวอันแสนวุ่นวายที่ว่านี้เอง

* * *

“…ออกไปไม่ได้เลยครับ”

ที่พักหรูหราแห่งนี้มีเพียงอภิสิทธิ์ชนเท่านั้นที่เข้าพักได้ แต่ภายนอกกลับโกลาหลจากผู้คนจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือสามัญชนที่อยากมาเห็นอาเรียให้เป็นบุญตาสักครั้งนั่นเอง

เหตุเพราะประชาชนในจักรวรรดิยังมีโอกาสได้เจออาเรียจากการเข้าเรียนในวิทยาลัยหรือไปหาที่คฤหาสน์เคานต์โดยตรง แต่ประชาชนในราชอาณาจักรโครอาหาได้มีโอกาสเช่นนั้นไม่

ภาพที่ได้เห็นผ่านหน้าต่างทำเอาอาเรียถึงกับส่ายหน้า เห็นดังนั้นอาซก็วางเอกสารที่อ่านอยู่ลงทั้งรอยยิ้ม

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเลดี้คือผู้เก่งกาจอย่างไรล่ะครับ”

“…หากพูดเช่นนั้นแล้วดิฉันควรตอบเช่นไร…”

เมื่ออาเรียพูดเสียงแผ่วด้วยไม่อาจหาข้อโต้แย้ง รอยยิ้มของอาซก็ยิ่งกว้างมากขึ้น

“ผมได้สร้างหลักฐานว่าผมกับเลดี้ออกมาจากเมืองหลวงเป็นเวลานานด้วยการมาถึงชายแดนนี่ ดังนั้นผมจะส่งรถม้ากลับไปก่อนในตอนบ่ายนะครับ”

“แล้วเราล่ะคะ”

“เราค่อยออกเดินทางกันพรุ่งนี้ดีไหมครับ ผมยังมีงาน คิดว่าต้องออกไปข้างนอกสักพัก”

“งานหรือคะ”

งานที่ต้องทำในราชอาณาจักรโครอาอย่างนั้นหรือ

อาเรียพยักหน้าโดยไม่ได้ถามอะไรอีก เธอคิดว่าอาจเกี่ยวกับเรื่องการเตรียมการณ์สำหรับเจ้าหญิงก็เป็นได้ และอีกอย่างคือรอบนี้เธอได้ขึ้นรถม้ามาจริงๆ จึงอยากพักสักหน่อย

“ในโครอามีพ่อครัวฝีมือดีใช้ได้อยู่ด้วยครับ ผมจำได้ว่าอาหารชุดรสชาติดีมากทีเดียว ไว้ตอนเย็นเราไปด้วยกันดีไหมครับ”

“ดีเลยค่ะ ฉันจะรอนะคะ”

อาเรียตอบทั้งรอยยิ้มพร้อมกับที่เรนมาเคาะประตูห้องพอดี

“ท่านอาซ กระหม่อมได้ข้อมูลมาแล้วขอรับ”

อาซเหลือบมองกล่องนาฬิกาทรายแวบหนึ่งก่อนจะใส่เสื้อคลุมบ่าสีดำแล้วตอบกลับไป

“ดูเหมือนจะได้เวลาแล้วล่ะครับ ผมจะรีบกลับมา รอหน่อยนะครับ”

อาซกล่าวทิ้งท้ายแล้วรีบรุดออกจากห้องไป ท่าทางรีบร้อนเช่นนั้น สงสัยจะเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ สินะ

หลังจากเขาไปอาเรียก็ไม่มีอย่างอื่นให้ทำจึงหยิบหนังสือขึ้นมา แม้จะเบื่อหน่ายเพราะอ่านจบไปหลายรอบแล้วระหว่างเดินทาง แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอไม่ได้นำหนังสือที่เหลือติดมาด้วย

เธอเปิดหน้าหนังสือเพียงผ่านๆ เพื่อฆ่าเวลาแต่แล้วใครคนหนึ่งก็มาเคาะประตูห้อง

หรือว่าอาซจะกลับมาแล้ว เร็วขนาดนี้เชียวหรือ อาเรียคิดว่านั่นไม่มีทางเป็นไปได้ จึงรออยู่เฉยๆ โดยไม่ตอบอะไรกลับไป

ทันใดนั้นคนที่มาเคาะประตูก็ส่งเสียงออกมา และอย่างที่เธอคิด คนผู้นั้นไม่ใช่อาซ

“อาซ นี่ฉันเอง”

เขามาหาอาซต่างหาก

เสียงจากชายแปลกหน้าทำให้อาเรียหดตัวด้วยความระแวง ทั้งที่ตั้งกองกำลังรักษาการณ์เอาไว้แล้วแท้ๆ เหตุใดเขาจึงผ่านมาได้ถึงตรงนี้กัน ยิ่งไปกว่านั้น เขาเรียกอาซด้วยชื่อเล่นอย่างนั้นได้อย่างไร

“ทำไมไม่ตอบล่ะ บอกว่าฉันเองไง”

น้ำเสียงเร่งเร้าทำให้อาเรียต้องเอากล่องนาฬิกาทรายมาถือไว้ในมือ เพื่อให้เธอสามารถย้อนเวลากลับไปได้ทุกเมื่อ

เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อย อาเรียจึงบอกให้ผู้มาเยือนได้รู้ว่าอาซไม่อยู่

“เขาออกไปนานแล้วค่ะ ไว้มาใหม่ดีกว่านะคะ”

“…ได้อย่างไรกัน ไม่ใช่ว่าจะรอเจอฉันก่อนหรือไง”

ปฏิกิริยาที่แสดงออกว่าประหลาดใจมาก ทำให้เธอคิดขึ้นมาว่าธุระที่อาซบอกอาจจะเป็นชายผู้นี้ก็ได้ เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจสวนกัน

“เป็นคนที่เขานัดไว้หรือคะ”

“ไม่นะ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”

เธอจึงถามออกไปเช่นนั้นแต่ชายคนนั้นก็ตอบปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ทำเอาใจเธอหล่นวูบ เวลาแบบนี้ปกติแล้วต้องโกหกสิ

“ถ้าอย่างนั้นไว้มาอีกครั้งจะดีกว่านะคะ”

“…ฉันช่วยไปตั้งเยอะ ทำกันเกินไปจริงๆ”

ไหนจะตอบอย่างไร้เรี่ยวแรงเช่นนั้นอีก น้ำเสียงคล้ายกำลังพึมพำกับตัวเองนั้นพาให้ความระแวดระวังที่พุ่งขึ้นจนถึงขีดสุดค่อยๆ ลดลงทีละน้อย

เขายังพึมพำอะไรบางอย่างคล้ายจะต่อว่าอาซอยู่สักพัก ก่อนจะเปลี่ยนมาตั้งคำถามใส่เธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ว่าก็ว่าเถอะนะ แต่เธอใช่อาเรีย โรสเซนต์ที่เขาลือกันหรือเปล่า ที่คนตายด้านอย่างอาซหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นน่ะ”

ช่างเป็นคำถามที่ไร้มารยาทเสียนี่กระไร ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อาจต่อว่าออกไปได้ เพราะทั้งที่รู้ว่าเธอเป็นใครแต่กลับพูดจาเป็นกันเองใส่ จึงคิดว่าเขาอาจไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

“…แล้วท่านเป็นใครคะ”

“ให้ฉันเห็นหน้าก่อนแล้วฉันจะบอกเธอเอง ได้ยินว่าเป็นเลดี้ที่งดงามจนต้องตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นเลยอยากรู้จักน่ะ”

“ไม่ค่ะ ดิฉันไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น ท่านกลับไปเสียเถอะค่ะ”

“ฮ่าๆ ช่างเป็นเลดี้ที่น่าสนใจเสียจริง”

ชายนอกประตูหัวเราะเสียงดังทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องตลก เป็นผู้ชายที่แปลกจริงๆ

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับมาอีกรอบตามที่เลดี้ว่าแล้วกัน อย่างไรก็ดื้อด้านเข้าไปในห้องที่มีแค่เลดี้ไม่ได้อยู่แล้วนี่”

โชคดีที่ชายซึ่งพูดเช่นนั้นหายไปพร้อมเสียงฝีเท้าที่มั่นคง

จากนั้นอาเรียก็ถอนหายใจแล้วหันกลับไปฝังตัวลงกับเก้าอี้ก่อนจะหลับตาลง เธอชักอยากจะกลับจักรวรรดิเร็วๆ เสียแล้ว

* * *

อาซซึ่งออกไปเมื่อตอนกลางวัน กลับมาถึงที่พักหลังจากตะวันตกดิน สีหน้าที่แสดงให้เห็นเพียงแวบเดียวดูไม่ค่อยดีนัก งานของเขาคงไม่น่าจะราบรื่นเท่าไร

หลังจากกลับมาเขาก็สั่งบางอย่างกับเรนด้วยสีหน้าคร่ำเครียดอยู่สักพัก ก่อนจะออกมาจากที่พักเพื่อทานอาหารเย็นกับอาเรียโดยพยายามไม่แสดงออกว่ากำลังเครียด

“ถูกปากไหมครับ”

“ค่ะ เป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ”

“ผมมาที่นี่ทุกครั้งที่ได้มาเยือนโครอาเลยครับ”

“ดิฉันก็จะทำแบบนั้นเช่นกันค่ะ”

ไม่รู้ว่าเขามาจองไว้ตั้งแต่เมื่อใด ณ ภัตตาคารที่ว่างเปล่าไร้เงาผู้คนแห่งนี้มีเพียงเสียงพูดคุยระหว่างอาซกับอาเรียดังก้อง

ในความเป็นจริงนั้น เธอสนใจแต่อาซจนไม่มีกะจิตกะใจจะลิ้มรสอาหาร แต่อาเรียก็เพียงแค่แย้มยิ้มอ่อนโยนและพยายามไม่แสดงออก

พอคิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้มีเวลาว่างมาทานมื้อเย็นแบบนี้แล้วก็เสียดายขึ้นมาเล็กน้อย เพราะต่อจากนี้เธอต้องเดินทางผ่านเมืองใหญ่ๆ มากมายและมุ่งตรงไปนครหลวง โดยไม่จำเป็นต้องแวะพักที่เมืองใดอีกแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น รถม้าที่ออกเดินทางไปก่อนก็กำลังมุ่งหน้าสู่นครหลวงหลังจากได้แวะพักเพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจไปถึงยังนครหลวงในอีกไม่นาน ต่างจากเมื่อตอนออกมาจากจักรวรรดิ ดังนั้นเธอก็จะไม่มีเวลามาอยู่กับอาซแบบนี้แล้วเช่นกัน

ราวกับอาซก็คิดเช่นเดียวกัน เพราะเธอรู้สึกได้ว่าเขาได้ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วงเวลา ณ วินาทีนี้อย่างสุดความสามารถ

อาเรียจึงใช้เวลาช่วงเย็นด้วยการสนใจเพียงแค่อาซ แต่แล้วไม่รู้ด้วยเหตุอันใด แขกไม่ได้รับเชิญจึงมาปรากฏตัวในภัตตาคารที่ถูกเหมาทั้งร้านเสียได้

“อาซ”

“…โรฮัน”

“ทำไมไม่มาเจอฉันก่อนล่ะ”

อาเรียมองอาซด้วยความสับสนเพราะบุคคลแปลกหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เธอมองอย่างต้องการคำตอบ แต่อาซเองก็ดูจะสับสนเช่นเดียวกัน เขาจึงไม่ตอบอะไรกลับมา

“เลดี้อาเรีย โรสเซนต์บอกว่านายจะไม่กลับมาจนกว่าจะถึงเย็น ฉันเลยไปหา แต่พวกนายก็ออกมาก่อนแล้วน่ะ”

เมื่อขาเอ่ยชื่อเธอขึ้นมา อาเรียก็รู้ทันทีว่าโรฮันคือใคร

เขาคือชายที่มาหาเมื่อตอนกลางวันนั่นเอง

ดูท่าเขาจะรู้จักกับอาซจริงๆ เขาคนนั้นลากเก้าอี้มานั่งแถมยังคอยแต่พิรี้พิไร สีหน้าของอาซเย็นเยียบจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

“ถ้าเลดี้ได้เล่าเรื่องฉันให้นายฟัง นายคงไม่มีเรื่องให้รำคาญใจแบบ…”

ระหว่างที่โรฮันกำลังวิงวอนอยู่เช่นนั้น สายตาของเขาซึ่งเคยจับจ้องอยู่ที่อาซก็เปลี่ยนมาหาอาเรียแทน

“…”

แต่แล้วปฏิกิริยาที่แสนคุ้นเคยก็ปรากฏให้เห็น ขณะเดียวกันเขาก็เงียบไป ปฏิกิริยาตามธรรมเนียมที่มักพบเห็นได้จากคนที่หลงใหลไปกับรูปโฉมของอาเรีย

อาซรู้ทันจึงรีบเรียกชื่อเขาออกไป

“โรฮัน”

“…ฉันคิดว่าข่าวลือมันเกินจริง แต่ดันไม่เกินแฮะ ไม่สิ ข่าวลือนั่นไม่เฉียดใกล้ความจริงเสียด้วยซ้ำไป”

เขาจ้องมองอาเรียไม่วางตาอย่างตรงไปตรงมา อาเรียทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ

“ก็คุณไม่ได้ขอให้ดิฉันบอกนี่คะ”

“…อ้อ นั่นสินะ ความผิดฉันเองล่ะ”

“…”

“เลดี้ผู้งดงามเช่นนี้ข้ามมาจากจักรวรรดิ ทำให้ทั้งโครอาตกอยู่ในอารามวุ่นวาย และยังฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก พระเจ้าทรงไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ”

ดังนั้นเธอจึงแสดงอาการหงุดหงิดออกไป แต่เจ้าตัวก็มิได้นำพา ทั้งยังยชส่งสายตาสนอกสนใจมายิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก

อาซคือผู้หยุดเขา

“พอได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะจับนายไปโยนทิ้งในภูเขาสักลูก”

คำพูดหยาบกระด้างไม่สมกับเป็นตัวเขาเลยสักนิด

คำเตือนน่าพรั่นพรึงจากอาซทำให้สายตาที่ไล่มองอาเรียอย่างพินิจพิเคราะห์ราวกับจะชำแหละเป็นชิ้นๆ ผละจากไปทันที อีกฝ่ายเดาะปากแล้วหยิบแก้วไวน์ของอาซขึ้นมา เขาน่าจะเสียดายมากทีเดียว

“มีเรื่องอะไรล่ะ สำคัญพอที่จะมารบกวนมื้อเย็นฉันเลยหรือไร”

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่แวะมาเพราะนายมาที่โครอาเฉยๆ”

“ที่นี่อยู่ห่างนครหลวงตั้งไกล แต่นายกลับมาเพื่อเจอหน้าฉันเนี่ยนะ”

“ใช่สิ แล้วฉันก็สงสัยด้วยว่านายพูดเรื่องไร้สาระอย่าง ‘ลาพัก’ ในเวลายุ่งๆ แบบนี้แล้วมาโครอาทำไม”

อาซถอนหายใจทันทีที่ได้ยินคำถามที่แสร้งว่าไม่รู้นั่น

เขาไม่สบอารมณ์กับสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างมาก ทั้งถูกรบกวนในเวลาที่เขาอยู่กับอาเรีย แล้วไหนยังเรื่องที่โรฮันแสดงท่าทีว่าสนใจอาเรียอีก

“เรื่องนั้นนายค่อยไปถามเรนเอาทีหลัง แล้วทีนี้ก็กลับไปได้แล้ว”

“บอกตอนนี้เลยไม่ได้หรือ”

“ก็ได้ นายรบกวนฉัน เพราะฉะนั้นรีบไสหัวไปได้แล้ว

คราวนี้ พออาซเพิ่มคำขู่ว่าจะเอาไปโยนลงทะเล โรฮันจึงได้ยักไหล่แล้วลุกขึ้นเสียที

“เอาเถอะ อย่างไรวันข้างหน้าก็มีโอกาสได้เจอกันตลอดอยู่แล้ว นายต้องตอบฉันแน่”

พูดดังนั้นโรฮันก็เอ่ยลา ก่อนจะโค้งให้อาเรีย อาเรียจึงตั้งใจจะก้มหน้าเพื่อเป็นการเอ่ยลาเช่นกัน แต่แล้ว

“…?!”

“โรฮัน!”

จู่ๆ เขาก็ฉวยมืออาเรียไปแล้วจุมพิตลงบนหลังมือเธอ ก่อนจะวิ่งหนีหายไปไวดั่งศร

เขาทำให้อาเรียตกใจจนทำแก้วน้ำคว่ำ ตัวการที่ไล่เขาไปอย่างอาซก็ตกใจหน้าตาตื่นรีบเข้ามาหาอาเรีย

“เลดี้ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“…เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ”

เพียงคนคนเดียวปรากฏตัวขึ้นมาและหายวับไปแท้ๆ แต่สติพวกเขากลับไม่มีเหลืออยู่เลย

อาเรียถูหลังมือตัวเองแรงๆ อย่างอารมณ์เสีย เห็นแบบนั้นอาซก็ขมวดคิ้วมุ่นแล้วจับมืออาเรียไว้ไม่ให้เธอทำแบบนั้นอีก

“ทำเช่นนั้นเลดี้จะเจ็บเอาได้นะครับ”

เขาเอ่ยเช่นนั้น และเมื่อเห็นว่าสีหน้าอาเรียยังก็ไม่สบอารมณ์ อาซก็ประทับริมฝีปากของตนลงไปตรงที่เดียวกันกับที่โรฮันเคยจูบ

มันคือการกระทำที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษและเขาก็ทำเช่นนี้มาเสมอ แต่ช่างน่าแปลกที่ความกระอักกระอ่วนบนหลังมือเธอกลับหายไป

“…เลดี้รีบกลับไปพักผ่อนดีกว่านะครับ ส่วนเจ้าโรฮันนั่นผมจะเอาไปปล่อยทิ้งไว้บนเขาสักลูกเอง เลดี้ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”

“…เข้าใจแล้วล่ะค่ะ”

จากนั้นความไม่ชอบใจบนใบหน้าของอาซซึ่งเป็นห่วงเธออย่างกับอะไรดีก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี

“ผมว่าเราควรออกเดินทางกันทันทีหลังอาหารเช้านะครับ การจะไปให้ถึงจักรวรรดิภายในครั้งเดียวด้วยความสามารถของผมนั้นเป็นเรื่องยาก เลดี้จึงต้องขึ้นรถม้าในระหว่างนั้นครับ”

อาเรียพยักหน้ารับคำอธิบายจากอาซ ในที่สุดการลาพักร้อนก็สิ้นสุดลงแล้ว ถึงเวลาต้องกลับไปลงทัณฑ์นางมารร้ายเสียที

……………………….

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

Status: Ongoing

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์

อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่

ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม

และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง

ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา

และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…!

“ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า”

เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า!

เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย!

เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น

พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท