พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – บทที่ 144

บทที่ 144

ทันทีที่เข้าไปด้านในร้านอาหารกับอาเรีย ก็ได้ยินเสียงคนซุบซิบกัน ร้านอาหารมาตรฐานสูงแบบนี้ไม่มีทางปล่อยให้พนักงานแสดงท่าทางไร้มารยาทแน่ จึงเป็นเสียงของแขกอย่างไม่ต้องสงสัย

อาซพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก

“…มีคนอยู่สินะ”

แม้จะไม่ได้เช่าทั้งร้าน แต่ก็คิดว่าตรงที่ที่จองในชื่อของเขาไว้ก็ไม่ควรจะต้องไม่รับแขกคนอื่นเพื่อความเรียบร้อย แต่ดูท่าจะไม่ใช่อย่างที่คิด

แม้จะไม่ได้จ่ายเงินไว้ก่อน แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วจะจ่ายเงินในราคาที่เหมาทั้งร้าน แต่ก็ดันมาเจอคนมารับประทานอาหารอยู่ก่อนแล้ว

การปรากฏตัวของอาซทำให้ผู้จัดการร้านรีบตรงปรี่เข้ามาโค้งคำนับพร้อมกับพูด

“ขะ ขอโทษครับ ผมแจ้งไปหลายรอบแล้วว่าวันนี้ไม่สะดวกให้บริการครับ…”

“ไม่เป็นไร ไม่ได้เช่าทั้งร้านนี่นา ไปบังคับเขาแบบนั้นจะยิ่งดูแปลกน่ะสิ ไม่เป็นไรหรอก”

เพราะท่าทางของผู้จัดการแทบจะหมอบลงพื้นอยู่แล้ว อาซจึงพูดว่าไม่เป็นไรพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อย เนื่องจากภาพที่เขาขอโทษด้วยตัวสั่นเทานั้นช่างน่าสงสารจับใจอาเรียก็คิดว่าเหมาะสมที่จะทำเช่นนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นหากมีคนอยู่แล้วก็แค่ย้ายไปนั่งที่ไกลกว่านี้ก็เพียงพอ จึงไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรนัก

เขาก็คงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเหมือนกัน ดูท่าจะโน้มน้าวแขกแล้วไม่สำเร็จแน่นอน

เพราะอย่างนั้นอาซจึงหันไปมองคนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ก่อนหน้าเพื่อประเมินว่าเป็นใครมาจากไหน เนื่องจากสงสัยว่าคนที่แม้จะบอกว่าไม่สะดวกให้บริการแต่ก็ยังไม่สนใจแบบนั้นเป็นใครกันแน่

อาเรียเองก็เช่นกัน ยิ่งมีตำแหน่งสูงเมื่อได้ยินเขาแจ้งว่าไม่สะดวกให้บริการ ก็น่าจะรู้ตัวว่ามีคนที่ตำแหน่งสูงกว่าตนเองมารับประทานอาหารและควรกลับไปอยู่แล้ว เพราะถึงเจอกันก็ไม่ได้มีเรื่องดีเท่าไหร่

แต่ที่ไม่ยอมกลับไปและยังนั่งรับประทานอาหารต่อแบบนี้ต้องมีเหตุผลไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง

อย่างแรกคือเป็นคนระดับชนชั้นธรรมดาที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร หรือไม่ก็เป็นคนชนชั้นสูงมากถึงขนาดที่ไม่สนใจเรื่องแบบนั้น

ซึ่งในร้านอาหารระดับสูงที่ราคาแพงที่สุดในราชอาณาจักร ดูท่าแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า

เพราะอย่างนั้นจึงแอบมองพินิจดูว่าเป็นใครอยู่พักใหญ่ จู่ๆ แขกที่นั่งรับประทานอาหารคนหนึ่งกลับโบกมือให้อาซราวกับรู้จักเขา

“ไม่นะ นั่นท่านอัสเทอโรพีไม่ใช่เหรอ”

“…!”

อาเรียตกใจเบิกตาโตพลางหันไปมองคนที่โบกมือให้ กล้าดีอย่างไรถึงได้แสดงกิริยาไร้มารยาทกับมกุฎราชกุมารของอาณาจักรแห่งนี้!

ไม่เฉพาะแค่อาเรียเท่านั้น ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างคิดเช่นเดียวกันจึงหันไปมองชายที่กำลังโบกมืออยู่

แต่เขากลับไม่สนใจสายตาที่มองมา ซ้ำยังเรียกชื่ออาซอีกครั้ง

“ท่านอัสเทอโรพี ไม่รู้จักผมเหรอครับ”

“…โรฮัน”

และดูเหมือนว่าอาซจะรู้จัก เพราะเรียกชื่อเขาออกมาทำให้อาเรียนึกได้ว่าเคยพูดคุยด้วยกันสั้นๆ กับเขามาก่อน

“…ท่าน…!”

คนที่เคยพบที่อาณาจักรโครอา

ชายที่แสร้งทำเป็นสนิทสนมกับอาซ ชายที่ตามมาถึงที่พักทั้งยังบ่นน้อยใจว่าอาซไม่มาหาตนเอง

เหตุใดเขาถึงได้… รับประทานอาหารกับดัชเชสไอซิส ยิ่งไปกว่านั้นยังต่างจากครั้งก่อนเขาใช้คำสุภาพกับอาซ

สถานการณ์ที่ไม่สามารถเข้าใจได้เช่นนี้ทำให้อาเรียได้แต่มองอาซและโรฮันสลับไปมา

ดูเหมือนว่าไอซิสก็ไม่เข้าใจสถานการณ์นี้เช่นกัน หล่อนหน้าซีดพลางรอคำตอบจากโรฮัน

ทว่าแทนที่โรฮันจะให้คำตอบกับหล่อน กลับมัวแต่แสดงท่าทางดีอกดีใจที่ได้เจออาซ

“ผมแค่จะมาทานอาหารมื้อหนึ่งเท่านั้น แต่พนักงานกลับเอาแต่บ่นพึมพำอยู่นั่นก็เลยสงสัยว่าจะมีผู้สูงส่งที่ไหนมาจองไว้กัน สุดท้ายก็เป็นเจ้าชายนั่นเอง”

“….”

อาซจึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้จัดการโน้มน้าวแล้วถึงยังไม่ยอมไปร้านอาหารอื่นอีกพลางถอนหายใจออกมา เป็นสีหน้าที่บ่งบอกว่ารำคาญเสียจริง อาเรียและไอซิสที่ยังไม่รู้เรื่องยังคงรอคำตอบจากทั้งสองอยู่

“ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว มาร่วมโต๊ะด้วยกันดีไหม”

โรฮันถามพร้อมสีหน้ายิ้มเยาะ

ราวกับว่าตั้งใจจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรก ช่างเป็นคำเชิญที่ดูแนบเนียนมาก เหมือนตั้งใจจะทำอย่างนั้นจึงเมินคำพูดของผู้จัดการร้าน

“…ร่วมโต๊ะ ร่วมโต๊ะอย่างนั้นเหรอ”

อาซขมวดคิ้วพลางย้อนถามราวกับเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็มีอะไรที่ต้องทำอีกมาก จึงตั้งใจจะใช้เวลารับประทานอาหารกับอาเรียอย่างกลมเกลียว แต่กลับมีสิ่งมาขวางอย่างไม่คาดคิดเสียได้

แน่นอนว่าเขากำลังจะปฏิเสธกับคำพูดไม่เข้าท่าเช่นนั้น แต่อาเรียกลับตอบรับอย่างยินดีเสียก่อน

“ทำแบบนั้นก็น่าจะดีนะคะ เพราะต่างก็เป็นคนที่เคยพบเจอกันมาก่อนทั้งนั้น”

“…เลดี้!”

สายตาของอาซราวกับถามอาเรียว่าจะทำอย่างนั้นจริงๆ หรือ เวลาที่แสนมีค่าแบบนี้จะใช้ไปกับคนที่ไร้ประโยชน์จริงๆ หรือ เพราะตั้งแต่วันพรุ่งนี้จะต้องยุ่งมากจนไม่ได้เจอกันบ่อยแล้ว

ทว่าอาเรียรู้ตัวตนของโรฮันและยังสงสัยว่าทำไมเขาถึงรับประทานอาหารเย็นกับไอซิส จึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเผยรอยยิ้มพลางลูบมืออาซ

“เราจะร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหมคะ”

เตรียมการมาขอคำตอบจากเขาขนาดนี้ มีหรือจะปฏิเสธได้

อาซที่ไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างนั้นมองอาเรียทั้งที่ยังขมวดคิ้วอยู่ จากนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ

“…เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”

ท้ายสุดแล้วก็ต้องทำตามอาเรียอยู่ดี เวลาที่อุตส่าห์เตรียมมากลับโดนขวางเช่นนี้อาซได้แต่ทำหน้าบึ้งตึง

ไอซิสที่หน้าซีดและอาเรียที่แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ระหว่างนั้นก็มีโรฮันที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว

“…แล้วพวกท่านรู้จักกันได้อย่างไรเหรอคะ”

จู่ๆ ไอซิสก็ถามคำถามขึ้นมา ระหว่างที่บริกรกำลังจัดเตรียมภาชนะสำหรับทานอาหารให้อาซและอาเรีย หล่อนมีแผนการจะเข้ายึดวังและก่อกบฏมกุฎราชกุมารในวันพรุ่งนี้จึงสมควรแล้วที่จะถามคำถามนั้น

ได้รับประทานอาหารกับฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายปฏิปักษ์ในวันพรุ่งนี้

โรฮันตอบอย่างไม่แยแสอะไรต่างจากไอซิสที่แสดงสีหน้าเป็นห่วง

“เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีความคุ้นเคยกันระหว่างกษัตริย์กับมกุฎราชกุมารในแต่ละอาณาจักรอยู่แล้ว ถ้าไม่รู้จักจะไม่ดูแปลกไปหน่อยเหรอ”

“…กษัตริย์เหรอคะ!”

อาเรียตกใจกับคำตอบ เนื่องจากที่ตรงนั้นมีเพียงอาเรียที่ไม่รู้ตัวตนจริงๆ ของโรฮัน จึงไม่แปลกที่จะตกใจ

เห็นว่าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาซ แต่เป็นถึงกษัตริย์เลยเหรอ… มาเยือนที่อาณาจักรด้วยตัวเองเพื่อวันพรุ่งนี้อย่างนั้นเหรอ อาเรียส่งสายตาให้อาซราวกับถามว่าทำไมไม่อธิบายให้ฟังตั้งแต่แรก

อาซที่ตกอยู่ในที่นั่งลำบากจึงได้แต่ตอบอย่างอ้อมแอ้ม

“ขอโทษครับ คิดว่าเป็นคนที่่เลดี้ไม่จำเป็นต้องรู้จักเลยไม่ได้แนะนำให้ก่อน เป็นความผิดของผมเองครับ”

“ทำเกินไปนะคะ”

“…แม้ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วก็ตาม แต่ทั้งสองท่านก็ดูสนิทสนมกันดีนะคะ”

และไอซิสก็รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจครั้งใหญ่ในสถานการณ์นี้

แม้จะเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรหนึ่งก็ตาม หากไม่สนิทกันจริงๆ ก็ไม่สามารถเรียกชื่อมกุฎราชกุมารแบบนั้นได้

อีกไม่กี่ชั่วโมงถัดไปจะต้องไปกำจัดคนตรงหน้าแล้ว ยังทำท่าทางสนิทสนมเพียงนี้หรือนี่

ทันทีที่ไอซิสพูดทั้งที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลและความหวาดกลัวโรฮันกลับขึ้นเสียงใส่ตอบราวกับจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรกัน

“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเราต้องไม่ถูกกันอยู่แล้ว”

“เป็นเช่นนี้แต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ดัชเชสชอบพูดอะไรไร้สาระอยู่เรื่อย”

ไอซิสมองทั้งสองคนที่ตอบอย่างไม่พอใจด้วยสายตางุนงง เพราะไม่สามารถคาดเดาความสัมพันธ์ของทั้งสองคนได้ พูดจาออกนอกหน้าจนอาซไม่คิดจะโต้แย้งว่าอะไรได้เลย

ทว่าอาเรียต่างจากไอซิสที่ยังจำได้ว่าอาซโรฮันเคยพูดคุยกันราวกับคนรู้จักกันมาก่อนที่โครอา จึงเข้าใจความสนิทสนมที่ออกมาจากบทสนทนาเหล่านั้นอย่างดี

ซึ่งดูเหมือนนั่นจะเป็นการกระทำที่เยาะเย้ยต่อไอซิสด้วยเหมือนกัน

“หากไม่สนิทกัน… แล้วทำไมถึงมารวมโต๊ะแบบนี้ล่ะคะ”

ในวันพรุ่งนี้ต่างเตรียมพร้อมจะฆ่าฟันกันอยู่แล้ว โรฮันจึงตอบคำถามของไอซิสที่เต็มไปด้วยความสงสัยด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่ายกับความโง่เขลา

“เพราะอยากจะรบกวน”

คำตอบนั้นทำให้ตะลึงจนพูดไม่ออกได้แต่ขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้น โรฮันจึงพูดต่อ

“นอกจากนั้นก็… ต่อไปคงจะไม่มีโอกาสจะได้เจอหน้ากันแล้ว อย่างน้อยก็ขอให้ได้เจอกันสักหน่อยแล้วกัน ไม่ใช่เหรอ”

คำถามที่แฝงใจความอย่างอื่นทำให้ไอซิสกลอกตาพลางคิดหนัก

จากนั้นดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างจึงพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ ดูเหมือนหล่อนจะเข้าใจคำพูดของโรฮันว่าการโจมตีในวันพรุ่งนี้โรฮันจะต้องเป็นฝ่ายชนะ และจากนั้นก็จะไม่ได้เจออาซอีกแล้ว

“คิดเสียว่าเป็นอาหารมื้อสุดท้ายแล้วกันนะ”

“อย่างนั้นสินะครับ…!”

ยังไม่รู้อีกว่าตัวเอกของอาหารมื้อสุดท้ายคือตัวเอง หล่อนที่แสดงท่าทางเห็นด้วยกับอาซอย่างหนักแน่นนั้นช่างดูน่าสมเพชเสียจริง

อาซเผยสีหน้าลึกซึ้งในขณะที่มองไอซิส และดูเหมือนจะเป็นสีหน้าราวกับสงสัยว่าทำไมที่ผ่านมาถึงได้หลงผู้หญิงที่มีความคิดตื้นเขินแบบนี้กัน

หากคิดดูอีกสักหน่อยก็จะเข้าใจความผิดปกตินั่นแล้วก็ตาม แต่สำหรับไอซิสที่ไม่มีจุดพึ่งพิงอื่นนอกจากโรฮัน หล่อนน่าจะเชื่อการคาดเดาว่าโรฮันจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและทำสำเร็จ อย่างไรเสียหล่อนก็ไม่มีที่ให้กลับไปอยู่แล้ว

หรือว่าอยากให้เห็นภาพนี้จึงเชื้อเชิญให้มาร่วมโต๊ะกันอย่างนั้นเหรอ แม้จะดูน่าสมเพชที่หล่อนแสดงออกว่าเห็นด้วยกับโรฮันทั้งที่ยังไม่เข้าใจคำพูดเขาด้วยซ้ำ แต่นี่ก็ไม่ใช่ภาพที่ถึงกับต้องสละเวลามาดูสักเท่าไหร่

ไม่อยากจะเชื่อว่ากษัตริย์ของอาณาจักรหนึ่งจะเอาเวลาที่มีค่ามาใช้กับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เธอได้แต่มองโรฮันด้วยสายตาที่เคลือบแคลงใจพลางโต้แย้งกับความคิดตัวเองว่าทั้งหมดอาจจะเป็นเรื่องล้อเล่น

“เอ่อ นั่นก็อาจจะมีส่วนด้วย แต่ที่จริงแล้วผมสนใจเลดี้เลยเชิญให้มาร่วมโต๊ะด้วยน่ะครับ”

“ดิฉันเหรอคะ”

“ใช่แล้ว”

พูดอย่างหน้าไม่อายแม้อาซจะอยู่ข้างๆ ก็ตาม โรฮันยังยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับตอบว่าใช่

“…พูดอะไรไร้สาระน่ะ”

อาซพูดขู่คำรามโรฮัน เป็นการขู่ที่บ่งบอกว่าถึงจะพูดเล่นก็ตามไม่ควรพูดอย่างนั้น

“เป็นธรรมดาที่คนเราไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าจะแปรเปลี่ยนไปตอนไหน หากเลดี้ไม่พอใจคนรักคนปัจจุบันล่ะก็ ได้โปรดนึกถึงผมเป็นคนแรกได้เสมอ หวังว่าเลดี้จะเข้าใจเจตนาของผมนะครับ”

“โรฮัน!”

ทว่าโรฮันกลับไม่สนใจคำขู่ของอาซแม้แต่น้อยพลางพูดเรื่องไร้สาระต่อ ท้ายสุดแล้วอาซทนไม่ไหวจนต้องลุกจากที่นั่ง ด้วยสีหน้าที่แทบจะจับคอเสื้อกดลงพื้นด้วยซ้ำหากทำได้จริงๆ

ท่าทางเหมือนทั้งสองคนจะลงไปสู้กันที่พื้นจริงๆ อาเรียจึงรีบยื่นมือไปจับมืออาซเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น

“ขอบคุณจริงๆ ค่ะ แต่หวังว่าจะไม่ล้อเล่นเรื่องที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแบบนี้นะคะ”

“ล้อเล่นเหรอ ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ”

แต่โรฮันก็ยังเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอยู่อีก เนื่องจากเป็นรอยยิ้มที่เหมือนจะทดสอบตัวเธอเอง อาเรียที่คิดกังวลอยู่ก่อนหน้าสักพัก จึงพูดความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองออกมา

เห็นได้ชัดว่าแม้จะพูดเกลี้ยกล่อมไป ก็มีแต่จะต่อความยาวสาวความยืดไปเรื่อย เพราะเธอเชื่อว่าอย่างไรเสียหากมีอาซอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะพูดอะไรโรฮันก็ไม่สามารถโจมตีเธอได้

“อย่างนั้นเหรอคะ ถึงท่านจะกล่าวเช่นนั้น แต่ท่านโรฮันไม่ตรงกับรสนิยมของฉันเท่าไหร่ ได้โปรดเลี่ยงการพูดแบบนั้นด้วยนะคะ”

“งั้นเหรอ แล้วรสนิยมเลดี้เป็นแบบไหนเหรอครับ”

“ผู้ชายที่ผมสีดำ นัยน์ตาสีฟ้า แล้วก็ตัวสูงด้วยค่ะ”

“….”

คำตอบนั้นทำให้อาซที่รู้สึกรำคาญอยู่ก่อนหน้านี้ตัวแข็งทื่อไปทันที เพราะลักษณะที่เธอพูดคือตัวเขาเอง เนื่องจากไม่รู้ว่าอาเรียจะตอบอย่างนั้นจึงหันไปมองอาเรียทั้งที่ยังตัวแข็งทื่อ

สีหน้าราวกับถามว่าที่เขาได้ยินเป็นเรื่องจริงเหรอ ภาพตัวเองที่โกรธพลางขู่โรฮันตอนนั้นหายไปทันที

และไอซิสที่นั่งฟังอยู่ตรงนั้นได้แต่ยกมือขึ้นปิดปาก เป็นสีหน้าที่จินตนาการถึงภาพที่โรฮันโกรธ หลังจากที่อาเรียระบายทุกอย่างออกมาด้วยความจริงใจ

ไม่สิ เป็นสีหน้าที่หวังว่าจะให้เขาโกรธจนตวาดใส่นังโสมมนั่นจนร้องไห้เสียมากกว่า

ทว่าโชคร้ายที่คำตอบของโรฮันไม่ใช่อย่างที่ไอซิสหวังไว้

“…ตอบคำถามน่าสนุกแบบนี้ ความสนใจที่ไม่ได้มีตั้งแต่แรกดันมีขึ้นมาจริงๆ ซะแล้วสิ”

ดูเหมือนชอบใจคำตอบแบบขวานผ่าซาก จึงมองอาเรียด้วยสายตาที่สนใจยิ่งกว่าก่อนหน้าที่ยังมีความล้อเล่นอยู่บ้าง

“แม้ท่านจะพูดเช่นนั้นก็ตาม แต่รสนิยมความชอบของดิฉันก็ยังแน่วแน่เหมือนเดิมจึงไม่สนใจชายคนอื่น ได้โปรดหันไปสนใจหญิงคนอื่นเถอะค่ะ แล้วก็ขอโทษนะคะ ผู้หญิงที่มาด้วยกันก็นั่งอยู่ข้างๆ ยังชวนดิฉันคุยต่อเช่นนี้อีก หวังว่าท่านจะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องเสียมารยาทนะคะ”

ทันทีที่พูดตอบกลับไปอีกครั้ง โรฮันจึงกลั้นหัวเราะไม่อยู่จนส่งเสียงออกมา

และไอซิสที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ไม่กล้าโกรธเรื่องที่เมินตัวเองทั้งยังแสดงออกว่าสนใจผู้หญิงคนอื่น ได้แต่นั่งกำหมัดกล้ำกลืนความโกรธอยู่อย่างนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นชาติกำเนิดชนชั้นต่ำอย่างนังนั่น บังอาจมามองเธอด้วยสายตาสงสารอีก ในวันพรุ่งนี้ก็จะเสียคนรักแล้วกลับไปเป็นชนชั้นเดิมอยู่แล้ว ใครจะต้องสงสารใครกันแน่!

โกรธจนอยากจะตะโกนออกมาด้วยซ้ำ แต่เห็นสีหน้าของอาซที่พร้อมจะลงมือฆ่าแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เธอจึงได้แต่กัดฟันแน่นเก็บอารมณ์ไว้ อย่างไรเสียอีกไม่นานก็จะเสียอำนาจทุกอย่างไปแล้ว จึงพยายามอดทนไว้

“เปลี่ยนไปทานอาหารที่ร้านอื่นดีไหมครับ”

และในระหว่างนั้น อาซที่นั่งมองอาเรียอยู่ก็ถามขึ้นมา

ด้วยสีหน้าที่ดูเร่งรีบ เป็นสีหน้าที่อยากจะหลีกหนีสายตาคนอื่นไปใช้เวลาอยู่กับอาเรียสองคนที่อื่น

แต่จะว่าไปผู้ชายที่ไหนจะทนได้ว่าคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับเอาลักษณะของเขาไปพูดแล้วบอกว่าเป็นรสนิยมของตัวเองกัน

“ดีเลยค่ะ”

และอาเรียก็คิดเช่นเดียวกัน จึงตอบรับอย่างยินดี เนื่องจากคลายข้อสงสัยทั้งหมดแล้วจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ

ทันทีที่เธอพูดจบอาซที่จับมืออาเรียอยู่ก็ออกแรงกระตุ้นให้อาเรียลุกขึ้น เหตุผลที่เขาไม่สามารถตอบโต้การกระทำที่รีบร้อนและวู่วามของโรฮัน และสาเหตุที่ทำให้เขาต้องนั่งนิ่งอยู่แบบนี้เป็นเพราะอาเรีย

“ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะคะ หวังว่าจะใช้เวลาอย่างเพลิดเพลินค่ะ”

อาเรียบอกลาแทนอาซที่ตั้งใจจะลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไร โรฮันยังคงยิ้มแย้มให้เธอพร้อมกับพูด

“ที่บอกว่าสนใจเลดี้เป็นความจริงครับ ผมอยากให้เลดี้มาที่โครอา และโปรดทราบไว้ว่าคนที่หวังจะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้มีแค่หนึ่งหรือสองคนเท่านั้น”

อาเรียไม่เข้าใจความหมายของคำพูดพวกนั้นจึงเอียงคอคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงออกจากร้านอาหารตามอาซที่ดึงมือเธอไป

……………………….

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

Status: Ongoing

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์

อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่

ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม

และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง

ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา

และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…!

“ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า”

เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า!

เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย!

เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น

พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท