พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – บทที่ 148

บทที่ 148

ทำไม ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่!

เธออยากจะกรีดร้องออกมาเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเธอถูกโรฮันกระแทกลงกับพื้น

“โอ๊ย!”

ผู้คนรอบๆ ที่มามุงดูต่างกลืนน้ำลายและรู้สึกตกใจกับสภาพซอมซ่อของไอซิสผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ที่สูงส่งที่สุดในอาณาจักรก่อนหน้านี้

พวกเขาหยุดเดินเพื่อดูว่ามีเรื่องอะไรกันทำไมเจ้าชาย ขุนนางทั้งหลาย และอัศวินของราชวงศ์ถึงมาอยู่ที่ลานกว้าง แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องน่าตกใจเช่นนี้ขึ้น

เวลาผ่านไปเล็กน้อยหลังจากรุ่งสาง เหล่าผู้ชมจำนวนมากมาพบเห็นเหตุการณ์นี้ แล้วโรฮันก็ปัดมือของเขา ก่อนจะพูดโดยไม่แม้แต่จะชายตามองไอซิสที่ล้มลงบนพื้นเย็นเฉียบ

“กระผมพาผู้ทำผิดบาปมาตามที่ท่านสั่งแล้วครับ เจ้าชายอัสเทอโรพี”

สีหน้าของเขาดูโล่งใจราวกับว่าเขาได้กำจัดเรื่องน่ารำคาญออกไปได้เสียที

อาเรียตกใจ รีบวิ่งมาหาไอซิส แล้วถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงกระทำรุนแรงกันขนาดนี้คะ…!”

น้ำเสียงของเธอฟังดูค่อนข้างเป็นห่วงก็จริง แต่สีหน้าของเธอไม่เป็นเช่นนั้น

ตอนนี้เธอเต็มปริ่มไปด้วยความดีอกดีใจที่จะสามารถปล่อยไอซิสให้ร่วงลงไปสู่ขุมนรกอเวจีได้เสียที แน่นอนว่ามันเป็นใบหน้าที่ไม่มีใครเห็นนอกจากไอซิสที่อยู่ใกล้เธอมากเท่านั้น

“นางชั้นต่ำอย่างเธอบังอาจ…!”

ไอซิสจึงผลักอาเรียที่เข้ามาใกล้เธอ แต่เหล่าอัศวินที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็คว้าแขนของเธอทันที กดหัวลงไป แล้วมัดแขน แม้ว่าเธอจะกระทำบาป แต่เธอก็ผลักอาเรียที่ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ทำให้มือของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

ทันใดนั้นความกังวลและหวาดกลัวก็กระจายไปทั่วใบหน้าของอาเรียที่ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากอัศวินรอบๆ นั้น

และเมื่อไอซิสพยายามจะหนี โรฮันก็พูดขึ้นมาราวกับว่ามันไร้ประโยชน์

“ทำเกินไปแล้วนะ ดัชเชส นี่มันเล็กน้อยมากเลยนะ ถ้าเทียบกับสิ่งที่เธอทำลงไปน่ะ ดูสิ เลดี้อาเรียอุตส่าห์ทำดีด้วยขนาดนี้ แต่เธอกลับแสดงนิสัยเลวๆ ออกมาเสียนี่”

ฟังจากน้ำเสียงและวิธีการพูดของเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาอดทนอดกลั้นและฝืนเอาอกเอาใจไอซิสมามากแค่ไหนในช่วงที่ผ่านมา

“ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงแล้วใครกันแน่ที่ชั้นต่ำ แล้วยังมีหน้ามาพูดว่าใครชั้นต่ำนะ ผมแอบคาดหวังกับเธออยู่นิดหนึ่ง เพราะพวกขุนนางของอาณาจักรสนับสนุนดัชเชสอยู่ แต่ผมผิดหวังมากเลยล่ะ ดัชเชสไอซิส”

ทันใดนั้นเขาก็เข้าไปอยู่ฝั่งอาเรีย อาเรียกะพริบตาจ้องมองเขา ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าโรฮันจะเข้ามาอยู่ฝั่งเธอ เพราะเธอไม่ได้มีชาติกำเนิดที่น่าภูมิใจอะไร

“น่าหงุดหงิดจริง เคาน์ติสยังไม่ได้บอกอีกหรือ เลดี้อาเรียควรจะได้รู้ความจริง แล้วมาอาณาจักรโครอานะ ก็ที่ที่เลดี้อาเรียจะไปนั้น ไม่ใช่อาณาจักรนี้ แต่เป็นโครอาต่างหาก”

“…ท่านแม่หรือคะ”

อาเรียไม่เข้าใจ จึงถามโรฮันกลับ ทว่าเขาไม่ตอบ แต่กลับเผยรอยยิ้มที่แฝงความหมายบางอย่างอยู่

อาเรียกลอกตา ราวกับไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ และอาซก็เริ่มออกมาไกล่เกลี่ยเหมือนกับจะบอกว่าให้ทั้งคู่หยุด

“ถ้าจะมาพูดเรื่องไร้สาระล่ะก็ กลับไปเถอะ”

“นี่ท่านกำลังบอกว่าผมหมดประโยชน์แล้วอย่างนั้นหรือ ผมยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่นะ”

โรฮันตอบกลับอย่างรู้สึกไม่ยุติธรรม แล้วชี้ไปที่รถม้า ทันใดนั้นมิเอลที่หลบตัวสั่นระริกอยู่ในรถม้าก็ถูกมือของอัศวินลากออกมา

โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ดึงผมหรือโยนเธอลงกับพื้นเหมือนกับไอซิส แต่ถึงไม่ทำเช่นนั้น เธอก็ตกใจและหวาดกลัวมากพอแล้ว

“ทะ ท่านโรฮัน…! นะ นี่มันเรื่องอะ อะไรกัน…!”

ด้วยสายตาอันแหลมคมที่หลั่งไหลมาจากทั่วทิศทาง ทำให้มิเอลไม่กล้าพูดออกมาอย่างชัดเจน สำหรับเธอผู้ได้รับความรักจากคนรอบข้างและเติบโตมาอย่างดีมาโดยตลอดแล้วนั้น นี่เป็นการกระทำที่ไม่สามารถแม้แต่จะจินตนาการได้

เธอถูกขังอยู่ในคุกช่วงหนึ่ง แต่จนถึงช่วงนั้นเธอก็ได้รับการปฏิบัติอย่างคุณหญิงขุนนางคนหนึ่ง

ทว่าตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอต้องทนรับแต่การปฏิบัติที่เลวร้ายยิ่งกว่าคนจรจัดข้างถนนและรับแต่สายตาอันเย็นชา

“บังอาจมาเรียกชื่อฉันได้อย่างไร ไม่รู้ที่ยืนของตัวเองเลยจริงๆ คนประเภทที่ฉันเกลียดมากที่สุดก็คือคนแบบเธอนี่ล่ะ พวกที่ชอบขายครอบครัวหรือแม้กระทั่งประเทศชาติของตัวเองเพื่อเอาตัวรอดน่ะ”

มิเอลตกใจและหวาดกลัวเป็นอย่างมากกับวิธีการพูดและสายตาอันเย็นชาของโรฮัน แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ส่งสายตาน่าสงสารให้เขา

เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งชื่นชมเธอว่าเธอทั้งฉลาดและมากไปด้วยความรู้ แล้วส่งสายตาอบอุ่นและเอ็นดูให้เธออยู่เลยแท้ๆ

เธอได้รับการปลอบโยนและได้รับการยอมรับ ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขไปชั่วขณะ มันไม่เหมือนกับตอนที่เธอยึดติดอยู่กับออสการ์ เพราะเธอคิดว่าเขาคือคนที่ใช่สำหรับเธอ ถึงแม้มันจะเป็นความเชื่อใจที่ได้รับจากการขายข้อมูล แต่เธอก็คิดว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนที่ช่วยเธอให้พ้นจากวิกฤต

แต่เรื่องทั้งหมดนั่นเป็นของปลอมอย่างนั้นหรือ…

เธอเห็นใบหน้าเย็นชาในตอนนี้กับใบหน้าอันอบอุ่นในอดีตนั้นซ้อนทับกัน และรู้สึกเหมือนน้ำตาจะร่วงไหลลงมา และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อมากกว่าที่เขาบอกว่าเขาวางกับดักไว้นั้น คือเรื่องที่ทุกคำพูดและการกระทำของเขาที่ทำกับเธอมาจนถึงตอนนี้ทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก

“ท่านโรฮัน…!”

มิเอลจึงเรียนชื่อโรฮันอีกครั้ง ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาก็ยังคงเป็นสายตาอันเย็นชา ไม่สิ และยังมีสายตาจนกระทั่งคำเตือนที่ตามมาด้วยว่ามิเอลที่เอาแต่เรียกชื่อเขาไม่หยุดนั้น ทำให้เขาอารมณ์เสีย

“ถ้ายังเรียกชื่อฉันอีกละก็ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”

“ฮึก…”

สุดท้ายสิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงมิเอลที่นั่งร้องไห้ และไอซิสที่ได้ยินบทสนาจนถึงตอนนั้น เธอพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ คิดไตร่ตรองว่าอะไรเป็นอะไร และเมื่อเธอนึกพวกเอกสารและจดหมายที่แลกเปลี่ยนกับโรฮันออก เธอก็เงยหน้าขึ้นพรึ่บ

“ฉะ ฉันมีเอกสารที่เคยแลกเปลี่ยนกันอยู่ด้วยนะคะ…!”

เอกสารที่ประทับตราของกษัตริย์ ต่อให้บอกว่านี่ก็เป็นกับดัก แต่ตราบใดที่มีเอกสารที่มีแม้กระทั่งตราประทับแล้วละก็ เขาเองก็ถือว่าเป็นผู้สมรู้เรื่องคิดในเรื่องนี้ได้

เธอจึงรีบยืนกรานให้เขามาอยู่ฝั่งเธอ แล้วเลิกทำเรื่องโง่ๆ นี่เสีย แต่โรฮันก็หัวเราะเยาะ ก่อนจะตอบกลับคำพูดไร้สาระนั้นของเธอ

“อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่านั่นเป็นตราประทับของจริงน่ะ”

“…!”

ฉันมั่นใจว่าบนเอกสารราชการที่นำมาจากอาณาจักรโครอาเองก็มีตราประทับแบบเดียวกันอยู่นี่! เธอจำได้ว่าเธอทำแม้กระทั่งเปรียบเทียบมันด้วยมือของเธอเอง

“มันคืออันเดียวกันแน่ๆ…! ฉันยังเช็กดูกับวิการ์อยู่เลย…!”

“อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นคงต้องลองถามคนที่เช็กกับเธอแล้วล่ะ”

เขาทำไม้ทำมือไปที่ด้านหลังของตัวเอง เพราะดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่เชื่อเท่าไรนัก

ทันใดนั้นวิการ์ผู้ที่คอยช่วยเหลือพรรคขุนนางมาเป็นระยะเวลานาน และเป็นผู้ที่แนะนำงานนี้ให้เธอด้วยมือของเขาเอง ก็ค่อยๆ เดินออกมาอย่างเหลือเชื่อ

“ที่คุณตกอยู่ในสภาพแบบนี้ก็เพราะคุณวางใจผมมากไปไม่ใช่หรือครับ คุณน่าจะรวบรวมกำลังคนฝ่ายของคุณไว้มากกว่านี้นะครับ”

วิการ์กล่าวด้วยใบหน้ารู้สึกผิด

“ขออภัยด้วยครับ แต่พวกเอกสารที่ผมนำมาทั้งหมดนั้นเป็นเอกสารที่ประทับด้วยตราปลอมครับ”

“…วะ ว่าอย่างไรนะคะ…”

เมื่อเธอได้รู้ความจริงว่าคนที่เธอไว้ใจที่สุดกลับเป็นคนที่ทรยศเธอเสียเอง แล้วเธอจะสามารถมีปฏิกิริยาตอบกลับไปอย่างไรได้ เธอทำได้แค่เพียงจ้องมองวิการ์ราวกับไม่อยากจะเชื่อ

เพราะเธอไม่เคยแม้แต่จะคิดมาก่อนเลยว่าเขาที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนและคอยให้คำแนะนำแก่เหล่าขุนนางของพรรคชนชั้นสูงมาอย่างยาวนานนั้น จะกล้าหักหลังกันได้เช่นนี้

เสียงร้องไห้ของเธอดังขึ้นกว่าเดิม อาจจะเพราะมันเหมือนกันกับมิเอลที่ทำใจยอมรับสถานการณ์ตอนนี้ได้ยาก

เสียงร้องไห้ของมิเอลดังไปทั่วลานกว้างอยู่พักหนึ่ง ในระหว่างนั้นไอซิสก็เอาแต่เหม่อลอย ก่อนจะถามกลับไปราวกับว่าหาคำตอบเจออีกครั้งในไม่ช้า

“แม้ตราประทับจะเป็นของปลอม แต่ก็มีผลเหมือนกัน เพราะคุณโรฮันเป็นคนประทับแล้วส่งกลับมาเองโดยตรงไม่ใช่หรือคะ!”

เธอส่งเสียงออกมาราวกับว่านั่นเป็นฟางเส้นสุดท้าย มันมีผลทางกฎหมายเหมือนกัน เพราะเขาเป็นคนเขียนขึ้นมาประทับตรา และส่งมาเอง

ทว่า

“เฮ่อ ยังไม่เข้าใจอีกหรือ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อย่างมากสุดก็แค่ล่อพวกกบฏของอาณาจักรอื่นน่ะ ทำไมฉันจะต้องเป็นคนทำเรื่องน่ารำคาญพวกนั้นเองด้วยล่ะ ใช่ไหม วิการ์”

“ใช่ครับ เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ต้องอุตส่าห์ใช้เวลาไปกับผู้คนและไม่ต้องส่งจดหมายไปถึงโครอา แค่ผมเขียนตอบก็เสร็จแล้วน่ะครับ”

เมื่อได้รู้ความจริงว่ามันเป็นแผนการอันสมบูรณ์แบบ น้ำตาของมิเอลหยุดไหล หน้าของเธอเริ่มซีดลง

ไอซิสเองก็เช่นเดียวกัน ในที่สุดเธอรู้ตัวแล้วว่าเธอถูกควบคุมเหวี่ยงไปเหวี่ยงบนเวทีที่อาซจัดขึ้นและสุดท้ายก็ติดกับดักที่เธอออกมาไม่ได้ เธอยืนตัวแข็งทื่อไม่แม้แต่จะหายใจ

“ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงเอาแต่ยึดติดอยู่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ แล้วทำผิดซ้ำไปซ้ำมา ไม่สำนึกเสียทีนะคะ ต่อให้จะเป็นจดหมายจากโรฮันก็เถอะ แต่ถ้ามันเป็นกระบวนการสืบหากบฏแล้ว มันจะไปสำคัญอะไรคะ นั่นเป็นสิ่งที่คุณอาซเป็นคนสั่งมาไม่ใช่หรือคะ”

อาเรียที่เฝ้ามองพวกเธอลงนรก ถามราวกับเป็นเรื่องแปลก แล้วอาซก็ตอบกลับพลางชื่นชมว่าเธอช่างฉลาดจริงๆ

“ถูกต้องแล้วครับ ถ้าผมให้อภัยโดยไม่ถามหาความรับผิดชอบ เรื่องก็จบครับ ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวอะไรกันนะครับ ดูเหมือนว่าเธอยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ หรือว่ามาตรฐานของเธอตั้งแต่เกิดมันได้แค่นั้นกัน”

“น่าผิดหวังจริงๆ ท่านอัสเทอโรพี ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะใช้ฉันเพื่อเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ฉันก็คิดไปว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นอีก ฉันปลีกเวลายุ่งๆ นี้ของฉันมาช่วยนายเลยนะ”

“อย่ามาทำตัวจองหองทั้งที่นายก็ได้ประโยชน์จากฉันไปมาก”

“ก็ใช่ เทียบกับสิ่งที่ฉันทำให้แล้ว สิ่งที่ได้ก็เยอะกว่าจริงๆ แต่หมายถึงคนอื่นนะ ไม่ใช่ฉัน”

โรฮันตอบเช่นนั้นพลางเผยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง แล้วหันกลับไปมองอาเรีย อาเรียขมวดคิ้วอีกครั้งด้วยความที่ไม่รู้รายละเอียด แล้วเอียงหัวของเธอ และอาซก็มองไปที่โรฮันด้วยความหงุดหงิด

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระแล้วกลับไปได้แล้ว จดเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเลดี้มิเอลไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าขาดเหลืออะไร ฉันจะส่งคนไปเอง”

“…เข้าใจแล้ว แล้วก็ดูเหมือนว่ารถม้าที่ขนพวกนักโทษคนอื่นๆ กำลังมา ฉันว่าถึงเวลาที่พวกเราต้องแยกย้ายแล้วล่ะ”

ทันทีที่โรฮันพูดจบ รถม้าที่ส่งเสียงดังหนวกหูก็มาถึงลานกว้าง

รถม้าเหล็กบรรทุกนักโทษผู้กระทำผิดบาป รถม้าที่ทำจากเหล็กแข็งที่ไม่สามารถหลบหนีออกไปได้นั้น ตรงผนังเป็นหน้าต่างกรงเหล็ก ทำให้สามารถมองเห็นด้านในอย่างรางๆ

“ดูเหมือนจะมาช้าเพราะมีนักโทษจำนวนมากสินะ”

ผู้ยืนสังเกตการณ์เริ่มซุบซิบกันด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเหล่าขุนนางในรถม้า

ภายในรถม้าเหล็กนั้นมีเหล่าขุนนางสูงส่งและมีเกียรติ ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของอาณาจักร กำลังตกอยู่ในสภาพนักโทษ

และเคนที่นั่งอยู่ด้านในนั้นเห็นอาเรียมองมาที่เขา แล้วเริ่มร้องโวยวายเหมือนกับว่าเขาไม่สามารถเอาชนะความโกรธของตัวเองได้

“อาเรีย! ทำไมเธอถึงไปอยู่ตรงนั้น! ทำไม!”

มันเป็นเสียงร้องตะโกนราวกับเขาถูกพรากของของตัวเองไป

ไม่รู้ที่ยืนของตัวเองเลยจริงๆ

อาซพึมพำเบาๆ อย่างหงุดหงิด

“ช่างเป็นคำถามที่แปลกเสียจริง เขาจะเอะอะโวยวายทำไมในเมื่อมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วที่เลดี้อาเรียจะยืนข้างๆ ผมผู้เป็นคนรักของเธอ หนวกหูจริงๆ ทำให้เขาหุบปากซะ”

อัศวินปิดปากเคนทันทีที่อาซพูดจบราวกับรออยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงกรีดร้องและดิ้นรนไม่หยุด จนสุดท้ายเขาก็หมดสติไปหลังจากโดนซ้อมไปหลายที

“ท่านพี่!”

มิเอลกรีดเสียงร้อง เพราะเธอเพิ่งเคยเห็นเคนถูกปฏิบัติอย่างทิ้งๆ ขว้างๆ ส่วนไอซิสก็เบี่ยงหน้าหนีไปอีกทางพลางหลับตาเมื่อเห็นท่านดยุกมองเธอมาตั้งแต่เมื่อกี้

“เธอไม่จำเป็นต้องหันหน้าหนีแบบนั้นหรอกดัชเชส เพราะดัชเชสเองก็ต้องขึ้นไปอยู่ในนั้นเหมือนกัน และใบคำร้องที่เธอให้กับโรฮันก็จะถูกนำมาใช้เป็นหลักฐาน ฉันขอบคุณเธอมากเลยล่ะที่จัดเรียงมาให้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย”

อาซพูดเช่นนั้นแล้วทำไม้ทำมือกับเหล่าอัศวิน จากนั้นเหล่าอัศวินก็ดึงมิเอลและไอซิสให้ลุกขึ้นทันที ราวกับว่าพวกเขารอคำสั่งนั้นอยู่ ยังไม่ทันที่พวกเธอจะลุกขึ้นยืนได้อย่างเต็มที่ แต่อัศวินก็ดันหลังของมิเอลจนเธอล้มหน้าคว่ำไปกับพื้นอย่างไม่หน้ามอง

“กรี๊ด!”

หากนี่เป็นไม่กี่เดือนก่อน พวกคนที่มารวมตัวกันคงจะยื่นมือเข้ามาช่วยมิเอลผู้น่าสงสารกันหมดแน่ๆ ทว่าโชคร้ายที่คนที่ยื่นมือเข้ามานั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากอาเรีย

“เป็นอะไรไหม มิเอล”

มิเอลอาจจะคิดว่าอาเรียมาที่นี่เพื่อเย้ยหยันเธอ ถึงได้กัดริมฝีปากล่างแน่น แล้วจ้องไปที่อาเรียพลางด้วยสายตาคิดร้ายอย่างสุดกำลัง

“เลดี้อาเรียใจดีเกินไปแล้วนะครับ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเลดี้จะใจดีกับคนที่ใส่ร้ายป้ายสีเลดี้ตั้งไม่รู้กี่ครั้งได้ขนาดนี้”

อาซพูดเช่นนั้นด้วยความไม่พอใจ แล้วทำท่าทางบอกให้อาเรียรีบกลับมานี่ได้แล้ว ทว่าสิ่งที่กลับมานั้นไม่ใช่อาเรีย แต่เป็นคำตอบที่เขาไม่คาดคิด

“ฉันมีเรื่องจะขอร้องคุณอาซเรื่องหนึ่งค่ะ”

“ขอร้องหรือครับ”

“ค่ะ เกี่ยวกับมิเอลน่ะค่ะ อาจจะยากเสียหน่อย แต่ได้โปรดช่วยรับฟังด้วยนะคะ”

เธอจะขอร้องเรื่องอะไรกัน ถึงได้ขอร้องอย่างจริงจังขนาดนั้น ไม่ว่าอย่างไรมิเอลก็หนีโทษประหารไม่พ้นอยู่แล้ว แล้วเธอจะอุตส่าห์มาขอร้องไปทำไมกัน

ไม่ใช่แค่อาซเท่านั้น แต่ทั้งมิเอลและโรฮัน ไปจนถึงคนที่มารวมตัวกันที่ลานกว้างทุกคนต่างก็รอคำพูดคำต่อไปของอาเรียด้วยความสงสัย

“อาจจะเป็นคำขอที่ยากสักหน่อย… แต่ได้โปรดเมตตามิเอลด้วยนะคะ”

…………………………………………..

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

Status: Ongoing

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์

อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่

ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม

และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง

ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา

และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…!

“ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า”

เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า!

เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย!

เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น

พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท