พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – บทที่ 161

บทที่ 161

“…ต้องทำอย่างไรล่ะนี่”

มิเอลถูกผลักเข้ามาในห้องน้ำอย่างแรง ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องอาบน้ำด้วยตัวเองคนเดียว มิเอลยืนถือขันใบเล็กอยู่หน้าถังน้ำขนาดใหญ่และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงฟังดูตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากเธอไม่รู้เลยสักนิดว่าจะต้องทำอย่างไร

พอคิดว่าต้องใช้ขันน้ำใบเล็กนี้ตักน้ำที่อยู่ในถังใหญ่ขึ้นมาทำความสะอาดร่างกายแล้ว เธอก็ลองเอามือจุ่มลงไปในน้ำดู อุณหภูมิของน้ำเย็นเฉียบราวกับแผ่นน้ำแข็งทำเอาเธอขนลุกชัน

“อุ๊ย! เย็น! “

มิเอลตกใจ เธอชักมือกลับมากุมเอาไว้ แม้จะผ่านพ้นฤดูหนาวไปแล้ว และอยู่ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิก็ตาม แต่นี่ไม่ใช่อุณหภูมิที่สามารถอาบน้ำโดยไม่ต้มน้ำได้เลย

‘พวกคนใช้ก็อาบน้ำเย็นแบบนี้กันหมดเลยหรือ พวกสามัญชนก็ด้วยงั้นหรือ …อาบน้ำเย็นขนาดนี้พวกเขาไม่ป่วยกันหรอกหรือ ถ้าอาบน้ำเย็นขนาดนี้ละก็ คงได้เป็นหวัดแล้วล้มป่วยลงในทันที…’

ยังไงก็ไม่ใช่แน่ๆ ไม่สิ มั่นใจได้เลยด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าคนทั่วไปจะอาบน้ำกันด้วยน้ำเย็นๆ ก็ตาม แต่เธอไม่อยากจะทำแบบนั้น

แม้จะเข้าใจวิธีอาบน้ำด้วยตัวเองแล้ว แต่มิเอลก็ไม่อยากอาบน้ำที่เย็นเฉียบเช่นนี้ ทั้งที่ต้มน้ำให้อุ่นขึ้นอีกนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว ทำไมเธอจะต้องอาบน้ำเย็นๆ แบบนี้กันด้วยเล่า! “

เมื่อคิดได้ว่านี่มันไร้เหตุผลชัดๆ เธอก็ขว้างขันน้ำทิ้งไปและเปิดประตูตั้งใจที่จะออกไป แต่แล้วก็ได้เห็นสาวใช้ยืนรออยู่ตรงหน้าประตู

พวกสาวใช้มองมิเอลด้วยสีหน้าไม่พอใจที่เธอออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ได้อาบน้ำให้เรียบร้อย

“ทำไมถึงออกมาเฉยๆ แบบนี้ล่ะคะ…อะ ไม่ใช่สิ อะแฮ่ม ทำไมถึงออกมาแบบนี้ล่ะ”

สาวใช้ที่ยังไม่ชินกับการพูดไม่สุภาพรีบแก้ประโยคแล้วถามขึ้นมา ท่ากอดอกของเธอดูเก้งก้างไม่เป็นธรรมชาติ นั่นก็เพราะเธอกำลังเหน็บแนมคนที่ตัวเองเคยประจบประแจงเมื่อครั้งในอดีตอยู่นั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของเธอก็ดูเย็นชาไม่แพ้แอนนี่เลย

เพราะเหตุนี้มิเอลจึงตอบออกมาด้วยสีหน้าที่โกรธเคืองเป็นอย่างมาก

“…จะให้ฉันอาบน้ำเย็นๆ แบบนั้นได้ยังไงกัน”

“เย็นเหรอ นั่นมันก็น้ำธรรมดานะ”

สาวใช้อีกคนตอบออกมาราวกับจะบอกว่าสิ่งที่มิเอลพูดมาไร้สาระฟังไม่ขึ้น

“ธรรมดางั้นเหรอ สำหรับพวกเธอมันอาจจะเป็นแบบนั้น แต่กับฉันมันไม่ใช่ ยังไงฉันก็อาบน้ำเย็นๆ แบบนั้นไม่ได้แน่ๆ ช่วยไปเอาน้ำอุ่นมาให้ฉันด้วยแล้วกัน”

“เธอว่าอะไรนะ อย่าบอกนะว่าคนธรรมดาสามัญอย่างเธอคิดจะอาบน้ำอุ่นแบบเลดี้น่ะ เธอควรจะเข้าใจสักทีสิว่าตัวเองอยู่ในฐานะไหนกันน่ะ”

หน้าตาของสาวใช้ที่ถามกลับมาดูเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำที่มิเอลเอามือไปแตะเสียอีก เพราะแบบนั้นมิเอลจึงไม่สามารถพูดอะไรกลับไปได้ เธอทำได้แค่กัดริมฝีปากตัวเอง

ทำไมถึงได้กวนประสาทขนาดนั้นกันนะ

ทั้งที่ครั้งหนึ่งพวกเธอเป็นสาวใช้ที่คอยยกยอมิเอลว่าเป็นคนที่สง่าและงดงามมากที่สุดแท้ๆ ในฐานะสาวใช้ของตระกูลท่านเคานต์ซึ่งร่ำรวยที่สุดในราชอาณาจักรแล้ว พวกเธอต่างมีความทะนงตัวและหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่เสมอ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ทำตัวโง่เขลาตามรับใช้สามัญชนกันได้นะ

“…ฉันตั้งใจจะคุยกับพวกเธอในฐานะที่พวกเธอเคยรับใช้ตระกูลเคานต์โรสเซนต์มาก่อน แต่ดูเหมือนฉันจะโง่เองแหละ ยังไงก็คงต้องไปบอกให้พี่อาเรียได้รู้เสียแล้ว”

มิเอลถอนหายใจและพูดออกมาราวกับจะบอกว่าไม่มีค่าอะไรที่จะคุยกับพวกเธอ ท่าทางเพราะเรื่องที่มิเอลถูกลดสถานะเป็นสามัญชน จะทำให้พวกสาวใช้เลือกปฏิบัติต่อเธอแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นมิเอลก็แตกต่างจากพวกสาวใช้ เพราะเธอไม่ได้มีชาติกำเนิดอันต้อยต่ำที่สมควรจะได้รับการปฏิบัติแบบนี้เลย

เพราะแต่แรกแล้วเธอก็คือลูกสาวของเจ้าของคฤหาสน์และน้องสาวของอาเรียไม่ใช่รึไง หากได้คุยกับอาเรียก็คงจะจบเรื่องนี้ได้

ถ้าอาเรียได้รู้เรื่องนี้เข้า ก็คงจะเสียใจเอามากๆ เดิมทีคนที่มีชาติกำเนิดอันสูงส่งเช่นเธอต้องมาทะเลาะกับพวกสาวใช้ด้วยเรื่องขี้ปะติ๋วแบบนี้ มันน่าขันสิ้นดี

นอกจากนั้นแล้วตอนนี้มิเอลก็ไม่มีแรงที่จะมาต่อล้อต่อเถียงอีกต่อไป แทนที่จะมาเสียเวลาไปในที่ที่ไม่มีประโยชน์แบบนั้น เธออยากจะล้างเนื้อตัวให้สะอาด ทานอาหารให้เต็มที่ และนอนพักเอาแรงบนเตียงอุ่นๆ ให้เร็วขึ้นสักหนึ่งชั่วโมงก็ยังดี

เพราะเหตุนั้นเธอจึงตั้งใจจะออกไปหาอาเรีย แต่สาวใช้คนหนึ่งก็จับไหล่ของมิเอลเอาไว้ และเข้ามายืนขว้างไม่ให้เธอทำแบบนั้นได้

“ว่ายังไงนะ นี่เธอจะไปที่ไหนกัน ก็ได้ยินคำสั่งให้อาบน้ำแล้วนี่นา! “

“…ฉันก็บอกแล้วไง ว่าจะไปหาพี่อาเรีย”

“จะไปหาเลดี้อาเรียด้วยสภาพแบบนั้นน่ะหรือ นี่เธอคิดแบบนั้นจริงๆ หรือนี่”

สาวใช้ปราดตามองมิเอลโต้งๆ และถามขึ้นมา มิเอลหน้าแดงอีกครั้ง ด้วยเพราะสภาพของเธอทั้งสกปรกและดูไม่ได้ยิ่งกว่าพวกสาวใช้นั่นเอง

“ไม่อายเลยรึไง เดินไปที่ไหนก็สกปรกไปถึงที่นั่น”

“ขนาดคนดูแลคอกม้ายังไม่สกปรกเท่ากับเธอเลยนะ”

“นี่คิดจะก่อความวุ่นวายให้กับเลดี้อาเรียที่ยุ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วรึไง”

มิเอลที่คุ้นชินกับวิธีการพูดแบบสุภาพชนของชนชั้นขุนนางรู้สึกอับอายเมื่อถูกพวกสาวใช้รุมต่อว่าโดยไม่อ้อมค้อม เธอตัวสั่นระริกด้วยความโกรธ

พวกไม่เจียมกะลาหัว คนที่ต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะไหนน่ะไม่ใช่ฉันแต่คือสาวใช้อย่างพวกเธอต่างหาก

ขณะที่ตั้งใจจะโมโหออกไปนั้น มิเอลก็ตระหนักได้ในทันทีว่าตนเองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต้องมาปะทะกับขี้ข้าต่ำๆ พวกนี้ เธอจึงควบคุมสีหน้าเอาไว้

“นั่นน่ะไม่ใช่เรื่องที่พวกเธอจะต้องมายุ่งด้วยหรอกนะ นอกจากนั้นวิธีพูดต่ำๆ ตั้งแต่เมื่อกี้มันก็ทำให้ฉันไม่พอใจเอามากๆ ด้วย ถึงฉันจะกลายมาเป็นสามัญชนอย่างไร แต่ฉันก็เคยเป็นเจ้านายของพวกเธอมาก่อน และตอนนี้ก็เป็นน้องสาวของพี่อาเรียเจ้านายพวกเธอด้วย! ถ้าพี่อาเรียรู้เข้าแล้วละก็ พวกเธอไม่พ้นจะโดนลงโทษแน่ๆ! “

เพราะเหตุนั้นพวกสาวใช้จึงตัวแข็งทื่อราวกับน้ำที่ใส่น้ำแข็งในอ่างอาบน้ำไปพักหนึ่ง เมื่อได้ยินมิเอลแผดเสียงออกมาราวกับจะบอกว่าเธอยังอยู่เหนือพวกสาวใช้ดังเดิม

มิเอลคงคิดว่าตัวเองได้พูดจี้จุดพวกสาวใช้ไปแล้ว เธอปัดความโกรธออกไปจากใบหน้า และทำสีหน้าเย่อหยิ่งที่ดูไม่เข้ากับสภาพของตัวเอง

แต่ทว่าสิ่งที่มิเอลคิดเป็นเรื่องที่เธอทึกทักไปเอง พวกสาวใช้สบตากันก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีราวกับเป็นเรื่องน่าขัน

“ได้ยินรึเปล่า ตายๆ นี่สมองไม่ปกติรึเปล่าเนี่ย”

“เป็นทั้งลูกสาวของท่านคารินและน้องสาวของเลดี้อาเรียงั้นเหรอ…นี่เธอพูดเรื่องในอดีตไปเพื่ออะไรกัน”

“ทั้งที่อยู่ในสภาพแบบนั้นก็ยังกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้นะ…นี่ คุณมิเอล คุณลืมข้อเท็จจริงที่ท่านคารินได้หย่ากับอดีตท่านเคานต์ไปแล้วรึไง”

คำเย้ยหยันถาโถมเข้ามาราวกับรอจังหวะนี้อยู่ เป็นการตอกย้ำว่าท่านเคานต์หย่ากับคารินแล้ว ต่อจากนี้เธอก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรอีกต่อไป

และก่อนที่มิเอลจะได้โต้ตอบอะไรกลับไป พวกสาวใช้ก็เปิดปากพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“นี่อย่าบอกนะว่าเธอเชื่อข่าวลือที่คนเขาลือกันอยู่น่ะ”

“…ข่าวลือ งั้นหรือ”

มิเอลกระสับกระส่ายเพราะความไม่รู้และถามออกไปเมื่อได้เห็นหน้าตาของสาวใช้ที่ดูมีเลศนัยราวกับรู้ความลับอะไรสักอย่าง

“ก็ข่าวลือที่ว่าท่านคารินหย่ากับท่านเคานต์เป็นการชั่วคราวเพื่อรักษาทรัพย์สมบัติไว้อย่างไรล่ะ”

“…! “

“ดูก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นเรื่องจริงแน่ ก็ท่านคารินยังสาวยังสวยแถมยังมีทรัพย์สมบัติตั้งมากมาย ทำไมท่านจะต้องไปแต่งงานใหม่กับอดีตท่านเคานต์ที่ป่วยด้วยล่ะ ในเมื่ออดีตท่านเคานต์ไม่มีอะไรเหลือติดตัวเลยสักอย่าง”

สาวใช้คนอื่นต่างเห็นด้วยกับคำพูดที่ฟังดูสมเหตุสมผล

“ใช่ว่าจะป่วยเพียงอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่ ลูกชายลูกสาวยังทำความผิดร้ายแรงอย่างการก่อกบฏด้วยนี่นา ไม่ใช่ใครที่ไหนก็คนที่อยู่ตรงหน้านี่ไง”

“แถมยังเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี่ด้วยนะ”

สาวใช้พูดพร้อมกับชี้ไปที่มิเอล

นั่นเป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ จนถึงตอนนี้สิ่งที่ท่านเคานต์สามารถเชิดหน้าภูมิใจได้ก็คือทรัพย์สมบัติและยศตำแหน่งเท่านั้น แต่สุดท้ายก็ต้องสูญเสียสิ่งพวกนั้นไปหมดแม้กระทั่งสุขภาพร่างกายอีกด้วย แล้วอย่างนี้จะมีใครยังอยู่ข้างกายเขาอีกเล่า

นอกจากนั้นตัวการที่ทำให้สูญเสียสิ่งพวกนั้นไปก็คือมิเอลนั่นเอง การกระทำอันโง่เขลาของเธอทำให้ตระกูลโรสเซนต์ของท่านเคานต์มลายสิ้นไปและยังทำลายสุขภาพของท่านเคานต์ไปอีก

“ถ้าหากว่าอดีตท่านเคานต์ไม่ถูกผลักตกบันไดแล้วละก็ เรื่องมันก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้หรอก”

หากมิเอลไม่ผลักท่านเคานต์ตกบันได สถานการณ์ก็คงจะไม่บานปลายมาถึงขั้นร้ายแรงแบบนี้

พวกสาวใช้ที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ต่างเออออเห็นพ้องกัน แล้วมิเอลก็หน้าซีดขึ้นมา เพราะตัวการของเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือมิเอลจริงๆ

ผลกระทบของการรู้อะไรบางอย่างด้วยตนเองกับการฟังจากคนอื่นนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และอย่างหลังก็เพียงพอที่จะทำให้มิเอลรู้สึกสะเทือนใจ

“นั่น เรื่องนั้น…”

เมื่อถูกถามถึงเรื่องที่ตนเองพยายามเลี่ยงและแสร้งทำไม่รู้เข้า มิเอลก็จะตะกุกตะกักขึ้นมา

แล้วเธอจะสามารถแก้ตัวอะไรได้กันล่ะ ในเมื่อความจริงถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนแล้ว คำแก้ตัวของเจ้าตัวจะมีความจำเป็นอะไร

ดังนั้นมันจึงเป็นช่วงที่พวกสาวใช้ซึ่งแปรพักตร์เข้าหาอาเรียและมองมิเอลเป็นศัตรูได้เริ่มดูหมิ่นมิเอลอีกครั้งนั่นเอง

“ทำอะไรกัน”

แอนนี่ที่หายตัวไปครู่หนึ่งได้โผล่เข้ามาแล้วมองสาวใช้ที่รวมตัวกันอยู่ก่อนจะถามออกไป แล้วเธอก็นิ่วหน้าเมื่อได้เห็นว่ามิเอลยังไม่ได้อาบน้ำและเนื้อตัวสกปรกอยู่เหมือนเดิม

“ทำไมยังอยู่ในสภาพนี้อีกล่ะ ไม่อาบน้ำรึ”

“นั่นสิ ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งที่เมื่อก่อนออกจะรักความสะอาดขนาดนั้น ตอนนี้คงไม่ใช่แล้วละ มัวแต่พูดว่าน้ำมันอย่างโน้นบ้างอย่างนี้บ้าง ไม่รู้ว่าจะยังไงกันแน่”

สาวใช้แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จากนั้นแอนนี่ที่เป็นตัวการในสร้างสถานการณ์อันน่าขันนี้ซึ่งได้นัดแนะเหล่าสาวใช้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ก็ตบไปที่ฝ่ามือและพูดออกมา

“อ้อ หรือเพราะเพิ่งจะเป็นสามัญชนได้ไม่นาน เลยไม่รู้วิธีอาบน้ำคนเดียวรึเปล่านะ ถ้าอย่างนั้นก็น่าเห็นใจนะพวกเธอช่วยหน่อยได้ไหมล่ะ”

“…อะไรนะ”

จะให้พวกเธอช่วยดูแลอย่างนั้นหรือ เหล่าสาวใช้ที่ไม่เข้าใจเจตนาที่แอนนี่กำลังสื่อออกมาและมิเอลที่ไม่รู้สถานการณ์ได้แต่กะพริบตามองแอนนี่

“มัวทำอะไรอยู่ เลดี้อาเรียกำลังรออยู่นะ”

จากนั้นแอนนี่ก็แสยะยิ้มออกมาแล้วจับแขนมิเอลลากเธอไปยังห้องน้ำ

“ดะ เดี๋ยวสิ!”

แม้มิเอลจะตกใจและร้องออกมา แต่ในมือของแอนนี่ก็มีขันใบเล็กๆ ถือไว้เรียบร้อยแล้ว

“เดี๋ยว! ช้าก่อน! แอนนี่! เธอ! น้ำนั่นมัน…! “

มิเอลตั้งใจจะพูดว่าคิดจะทำอะไรของเธอ! แต่ก็ไม่สามารถพูดมันออกมาได้ทัน แอนนี่ทำทีเมินเฉยกับท่าทางตื่นตระหนกของมิเอล แล้วตักน้ำที่เย็นเฉียบขึ้นมาเต็มขันก่อนจะราดใส่ตัวมิเอลตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างไม่มีความลังเล

“กรี๊ด! “

มิเอลตกใจที่โดนน้ำเย็นสาดอย่างกะทันหัน เธอกรีดร้องและทรุดนั่งลงไปที่พื้น แม้แต่บรรดาสาวใช้ด้วยกันเองก็ยังตกใจจนเผลอกลั้นหายใจไปด้วย

น้ำเย็นท่ามกลางอากาศหนาวๆ แบบนี้น่ะหรือ ความจริงแล้วแม้จะเป็นชาวบ้านธรรมดา ก็มักจะต้มน้ำอาบท่ามกลางอากาศแบบนี้เป็นเรื่องปกติ นอกจากนั้นในคฤหาสน์ก็มีฟืนเตรียมพร้อมไว้ใช้อยู่แล้ว หากต้องการเพียงแค่เอ่ยปากขอก็สามารถต้มน้ำอาบได้

หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถต้มน้ำอาบได้ ก็มีหลายคราที่มักจะเลื่อนการอาบน้ำออกไป เหตุก็เพราะการอาบน้ำด้วยน้ำเย็นทำให้ป่วยได้ง่ายกว่าการไม่อาบน้ำสักสองสามวันนั่นเอง

เพราะเหตุนั้นพวกสาวใช้ที่คาดว่ามิเอลจะค่อยๆ อาบน้ำไปทีละส่วนจึงได้แต่มองดูสถานการณ์ด้วยความตกใจจนอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นว่ามิเอลถูกน้ำเย็นราดตั้งแต่หัวลงมา และมันก็เป็นเรื่องที่พวกเธอยากจะเข้าไปยุ่งด้วยได้

“เด็กๆ มัวทำอะไรอยู่น่ะ รีบๆ มาช่วยมิเอลที่อาบน้ำคนเดียวไม่ได้หน่อยสิ”

“…แอนนี่…”

เมื่อได้เห็นการกระทำของแอนนี่ที่ไล่ต้อนมิเอลอย่างรุนแรงราวกับเป็นนางมารร้ายจริงๆ พวกสาวใช้ก็เกิดความลังเลขึ้นมา เพราะการที่มิเอลจะทำความผิดและกลายเป็นสามัญชน กับการทำพฤติกรรมแย่ๆ ใส่ใครตรงๆ ถือเป็นเรื่องที่ต้องแยกแยะออกจากกัน นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกไม่เห็นด้วยขึ้นมากับการทำแบบนั้น และมันก็ไม่สามารถเอามาเทียบกับการพูดจาให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกเพียงเล็กน้อยได้เลย

“ทำอะไรอยู่ล่ะ”

แม้แอนนี่จะถามขึ้นอีกครั้ง แต่พวกสาวใช้ก็ได้แต่ยึกยักไม่รีบก้าวออกมา

แอนนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เสียงดังไปทั่วห้องน้ำ เธอเติมน้ำในขันใบเล็กนั่นอีกครั้งและเร่งพวกสาวใช้

“ก็บอกว่าเลดี้อาเรียกำลังรออยู่ไงเล่า”

“…”

แต่เพราะไม่สามารถเพิกเฉยต่อคำว่า‘อาเรีย’ที่ถูกพูดถึงขึ้นมาได้ และพวกสาวใช้ก็ยังได้ยินที่อาเรียฝากให้แอนนี่ดูแลมิเอลด้วย พวกเธอจึงมองหน้ากันแล้วเดินเข้าไปหามิเอลที่ทรุดลงนั่งกับพื้น

“ดีแล้ว แทนที่จะให้อาบน้ำคนเดียว สู้ให้ช่วยกันหลายๆ มือคงจะเสร็จได้เร็วกว่า”

แอนนี่พูดออกมาพร้อมยิ้มกว้าง มิเอลที่ตัวสั่นระริกเพราะถูกสาดน้ำเย็นและตกอกตกใจก็ร้องตะโกนให้หยุดเสียที

“ฉัน เดี๋ยวฉันทำเอง…! ฉะนั้นแล้ว ขอร้องละ…!”

แอนนี่วางขันน้ำที่ถืออยู่ในมือลงให้กับทางเลือกที่ชาญฉลาดนั้น พวกสาวใช้ที่เกือบจะตักน้ำมาราดตัวมิเอลก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา

“ดี แล้วก็อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นไปอีกล่ะ เธอต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวไปพบเลดี้ไม่ใช่หรือไงมิเอล นอกจากนั้นคุณชายเคน…อ่า จากนี้คงต้องเรียกว่าเคนสินะ เลดี้เองก็เรียกเคนมาด้วย เพราะฉะนั้นรีบๆ อาบน้ำเข้าละ”

มือที่สั่นเทาเพราะความหนาวเย็นของมิเอลจับขันเอาไว้เมื่อได้ยินว่าเคนถูกเรียกมา

เมื่อเห็นว่าเธอขัดถูร่างกายด้วยมืออีกข้าง แอนนี่ก็ออกจากห้องน้ำไปอย่างรวดเร็วอย่างพึงพอใจ พวกสาวใช้ชำเลืองมองมิเอลแล้วเดินตามแอนนี่ออกไปจากห้องน้ำ

……………………………….

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

Status: Ongoing

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์

อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่

ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม

และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง

ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา

และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…!

“ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า”

เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า!

เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย!

เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น

พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท