พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย – บทที่ 223 (ตอนพิเศษเพิ่มเติม ตอนที่ 14)

บทที่ 223 (ตอนพิเศษเพิ่มเติม ตอนที่ 14)

“คะ…ดิฉันหรือคะ”

ซาร่าเบิกตาโพลง

เจสซี่เองก็กะพริบตาปริบๆ ส่วนแอนนี่ก็หัวเราะชอบใจและถามว่าบลิสพูดเรื่องอะไรออกมา

“พูดเรื่องอะไรกันคะเนี่ยคุณหนูบลิส”

บลิสโต้ตอบกลับไปอย่างมั่นใจ

“จริงๆ นะ ซาร่าเองก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวซะหน่อย”

จากนั้นบลิสก็โอบหน้าท้องแบนราบของซาร่าเอาไว้อย่างทะนุถนอม แอนนี่ถามออกมาอีกครั้ง

“คุณหนูรู้เรื่องนั้นได้อย่างไรคะ”

“อืม…เพราะเป็นเด็กเหมือนกันเลยสื่อสารกันได้! หนูเลยรู้ไงคะ! ”

บลิสครุ่นคิดสักพักแล้วตอบออกมา แต่เพราะคำตอบของเธอฟังดูเหมือนเรื่องล้อเล่น ทุกคนจึงยิ้มออกมา

“เป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือคะเนี่ย ที่จริงแล้วช่วงสองสามวันมานี้ดิฉันง่วงนอนบ่อยมาก แถมยังทานอาหารไม่ค่อยลงด้วยค่ะ”

ซาร่าเย้าแหย่กลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม ในขณะนั้นมีเพียงอาเรียคนเดียวที่ตัวแข็งทื่อ เธอเรียกข้ารับใช้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ตามหมอมาให้ทีนะ แล้วเธอช่วยเปลี่ยนกาแฟแก้วนั่นเป็นน้ำชาให้หน่อย”

หลังจากที่เริ่มทำงาน ซาร่าก็มักจะชอบดื่มกาแฟแทนน้ำชา

สาวใช้รีบทำตามคำสั่งของอาเรียอย่างรวดเร็ว แอนนี่เบิกตาโตและถามว่า

“พระชายาเชื่อที่คุณหนูบลิสพูดจริงๆ หรือคะ”

“ก็บลิสบอกว่าเด็กๆ สื่อสารกันได้นี่นา ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ดีไปอย่าง แล้วการตรวจร่างกายก็ไม่ได้ใช้เวลานานเสียหน่อย”

อาเรียยังพูดอีกว่าดีเลยไม่ใช่หรือถือเป็นการตรวจสุขภาพไปด้วย

เมื่อเห็นว่าคนที่ไม่น่าจะเชื่อคำพูดของตัวเองมากที่สุดอย่างอาเรียกลับยอมเชื่อตนขึ้นมา บลิสก็ตาเป็นประกายด้วยความซึ้งใจ

“อืม ที่พระชายาพูดก็ถูกนะคะ ถ้าเป็นอย่างที่คุณหนูบลิสบอกจริงๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ถ้าไม่ใช่ก็ถือว่าเป็นการตรวจสุขภาพไปในตัว”

“จริงด้วยค่ะ ถ้าเป็นหมอประจำของอาเรียละก็ ต้องฝีมือดีมากแน่ๆ ค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงดิฉันนะคะ”

ซาร่ายิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อรับรู้ได้ถึงความห่วงใยของอาเรีย เจสซี่เองก็เห็นด้วยพร้อมบอกว่าอาเรียพูดถูก

ในระหว่างที่คุยกันว่าซาร่าจะตั้งครรภ์จริงๆ หรือไม่นั้น หมอประจำตระกูลก็เข้ามาที่ห้องรับรอง

หมอได้ตรวจร่างกายของซาร่าทันทีตามคำสั่งของอาเรีย จากนั้นก็กะพริบตาและรายงานผลการตรวจว่า

“ยินดีด้วยนะคะ คุณกำลังตั้งครรภ์ค่ะ ส่วนอายุครรภ์ที่แน่ชัดนั้นต้องลองตรวจอย่างละเอียดอีกทีค่ะ แต่เท่าที่ดูแล้วน่าจะประมาณหนึ่งเดือนครึ่งถึงสองเดือนค่ะ ช่วงนี้ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยหรือคะ”

“ตายจริง ฉันท้องเหรอเนี่ย เพราะที่ผ่านมาใช้ชีวิตยุ่งๆ อยู่แล้วเลยคิดว่าเหนื่อยเพราะทำงานหนักน่ะค่ะ…”

จริงเหรอเนี่ย แอนนี่เบิกตาโพลง ส่วนเจสซี่ก็ยกมือขึ้นมาปิดปาก

เพราะอาเรียคาดเดาเอาไว้คร่าวๆ แล้ว จึงมีเพียงเธอคนเดียวที่ซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่อยู่และจับมือของซาร่าเอาไว้แน่น

“ยินดีด้วยนะคะซาร่า ในที่สุดก็สมหวังสักทีค่ะ”

ซาร่าอยากมีลูกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

ซาร่ายิ้มกว้างออกมาพร้อมทั้งขอบคุณอาเรีย

“หากอาเรียไม่บอกให้ตรวจร่างกายแล้วละก็ ดิฉันก็คงจะยังไม่รู้จนกว่าท้องจะป่องขึ้นมาโน่นแหละค่ะ ดิฉันต้องขอบคุณมากจริงๆ นะคะ และก็เลดี้บลิสด้วยค่ะ”

“เห็นไหมล่ะ เป็นอย่างที่หนูพูดเลย ยินดีด้วยนะซาร่า! แหะๆ! “

“ไม่น่าเชื่อ! นี่เด็กๆ สื่อสารถึงกันได้จริงๆ หรือคะเนี่ย! “

“คง คงเป็นอย่างนั้นแหละ…! ”

เมื่อได้รู้ข้อเท็จจริงใหม่ๆ ขึ้นมา แอนนี่และเจสซี่ก็ไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจได้

เนื่องจากไม่มีทางที่เด็กๆ จะสื่อสารกันได้เช่นนี้ อาเรียจึงพูดแก้ตัวแทนบลิสออกมา

“ก็กอดเอวตั้งหลายครั้งแถมยังเอาหน้าแนบกับท้องอีก คงจะรู้สึกอะไรได้ตอนนั้นน่ะสิ เลยคิดไปเองว่าตัวเองสื่อสารกันได้”

“อ๊ะ จริงด้วยค่ะ! ”

“จะว่าไป! ก็จริงนะคะเนี่ย! มีเหตุผลมากค่ะ! ”

โชคดีที่ทั้งสองคนเชื่อในสิ่งที่อาเรียพูดจริงๆ จึงไม่มีอะไรให้สงสัยอีกต่อไป

ส่วนบลิสก็กอดเอวซาร่าอย่างรู้สึกสุขใจ

งานฉลองยินดีให้กับการตั้งครรภ์ของแอนนี่กลับกลายเป็นของซาร่าไปโดยไม่รู้ตัว

แอนนี่อิจฉาซาร่าขึ้นมาเพียงครู่ ก่อนจะเปลี่ยนความคิดแล้วขยับเข้าไปใกล้ซาร่า

“เราคงคลอดในเวลาใกล้เคียงกันแน่ๆ เลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาเลี้ยงดูเด็กๆ ไปด้วยกันดีไหมคะ มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันดีจะตายไปค่ะ”

“จริงด้วยนะ วันเกิดก็ใกล้เคียงกันด้วย คงได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแน่ๆ เลยค่ะ”

เมื่อเห็นว่าลูกของตนเองจะได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกับลูกคนโตของมาร์ควิสเข้า แอนนี่ก็กรี๊ดดีใจออกมาเบาๆ

ใครจะรู้บางทีลูกของเธออาจจะได้ผูกสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตระกูลที่มั่นคงก็เป็นได้ ถึงจะไม่ได้รับความยินดีเท่าที่ใจนึกก็ไม่เป็นไร

“เอ่อ ดิฉัน…ขอตัวกลับก่อนจะได้ไหมคะ อยากจะบอกข่าวดีให้สามีทราบเร็วๆ น่ะค่ะ…ขอโทษด้วยนะคะบลิส ทำยังไงดีล่ะ”

เพราะทีแรกซาร่าตั้งใจจะมาเล่นกับบลิสทั้งวัน จึงได้พูดออกมาอย่างระมัดระวัง

บลิสตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะเล่นกับซาร่าเป็นอย่างมาก แต่ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ก็ถือว่าช่วยไม่ได้ บลิสจึงพยักหน้าออกมา

“อื้ม! ไม่เป็นไรหรอก! เดี๋ยวหนูใส่ชุดที่ซื้อมาเมื่อวานให้พระชายาดูเอง! ซาร่ารีบกลับบ้านไปเถอะค่ะ”

หลังจากที่บลิสอนุญาตแล้ว ซาร่าก็ลุกขึ้นจากที่นั่งราวกับกำลังรอเวลานี้อยู่ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แก้มของเธอเรื่อแดงขึ้นมา

“รักษาสุขภาพด้วยนะคะซาร่า”

“กลับบ้านอย่างปลอดภัยนะซาร่า! แล้วมาหนูอีกนะ! “

เมื่อสองแม่ลูกเอ่ยคำลา ซาร่าก็ยิ้มกว้างแล้วรีบกลับไป

แอนนี่เองก็บอกว่าต้องรีบกลับไปบอกข่าวดีนี้ให้สามีได้รู้แล้วจึงกลับบ้านไป เหลือเพียงเจสซี่เท่านั้นที่เดินตามหลังบลิสซึ่งกำลังเดินนำไปยังห้องของตัวเองพร้อมกับจับมือของอาเรียเอาไว้แน่น

“เจสซี่”

“อะไรหรือคะ”

“เมื่อวานเธอออกไปข้างนอกมาทั้งวันเลยนี่ ทำงานเสร็จแล้วรึยัง”

ในขณะที่เดินมาถึงห้องและกำลังจะเข้าไปข้างในนั่นเอง อาเรียก็หยุดกึกและถามเจสซี่ขึ้นมา

เพราะอาเรียไม่เคยซักไซ้ถามว่างานเสร็จเรียบร้อยดีหรือไม่มาก่อนเลยสักครั้ง เจสซี่จึงพูดจาตะกุกตะกักขึ้นมา

“อ๊ะ ยะ…ยังเลยค่ะ…”

“ถ้าอย่างนั้นเธอควรจะจัดการมันให้เสร็จเสียก่อนไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจเธอหรืออะไรหรอกนะ แต่ถ้าเธอผัดวันประกันพรุ่งเข้าละก็ เดี๋ยวจะเหนื่อยยากได้ในภายหลัง”

เพราะเป็นคำพูดที่ถูกต้อง จึงไม่มีข้ออ้างให้โต้แย้งได้เลย

“ทราบแล้วค่ะ…”

เจสซี่ไม่สามารถซ่อนสีหน้าบึ้งตึงเอาไว้ได้ก่อนจะออกไปจากพระราชวัง

ทั้งที่คิดว่าหากเจสซี่กลับไปบลิสคงรู้สึกเสียดายขึ้นมา แต่บลิสกลับเริ่มแฟชั่นโชว์ของตนเองได้อย่างสนุกสนานร่าเริงเกินคาด

เนื่องจากเธอย้อนกลับมาในอดีตเพื่อตามอาเรียแต่แรกอยู่แล้ว ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับอาเรียจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับบลิส

“แทน แท้น! พระชายาคิดว่าไง”

“ฮืม…”

อย่าบอกนะว่าซาร่าเป็นคนเลือกชุดนี้น่ะ อาเรียพึมพำขึ้นมาเพราะชุดนี้มีสีชมพูอ่อนกับเครื่องประดับที่ทำให้นึกถึงกระต่ายขึ้นมา ต่างจากชุดแมวที่เห็นเมื่อคราวก่อน

“ไม่เลวนี่”

ที่จริงแล้วถือว่าน่ารักมาก เดิมทีสีหน้าของบลิสดูสว่างสดใสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ชุดกระต่ายจึงดูเหมาะกับเธอมากกว่า

“จริงเหรอ จริงๆ นะ! ”

ทั้งๆ ที่แค่ชมชุดเท่านั้น แต่บลิสกลับดีใจราวกับว่าตัวเองถูกชมขึ้นมา เธอบอกว่าจะใส่ชุดต่อไปให้ดูและหายเข้าไปในห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว

โครมคราม อ๊าย คุณหนู! เป็นอะไรไหมน่ะ!

เสียงที่ได้ยินนั้นทำให้แยกไม่ออกว่าบลิสเข้าไปเปลี่ยนชุดหรือเข้าไปพังห้องแต่งตัวกันแน่

‘มันเกิดอะไรขึ้นในนั้นกันแน่ล่ะเนี่ย’

อาเรียตกใจและนิ่งค้างอยู่ในท่าที่กำลังจะดื่มชา แล้วบลิสก็โผล่พรวดออกมาจากห้องแต่งตัว

“ชุดนี้ล่ะ! ”

บลิสใส่ชุดสีฟ้าสีเดียวกับดวงตาของเธอ ตอนอยู่ข้างในคงจะรีบแต่งตัวเป็นอย่างมาก หน้าตาของเธอถึงได้แดงขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจด้วยความดีใจ

“ไม่ชอบเหรอ”

“…เปล่า น่ารักดี”

“แหะๆ! ”

เพราะบลิสเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับหมุนตัวให้ดูเพื่อเร่งเอาคำตอบ ทำให้อาเรียพูดออกมาตามที่รู้สึก จนบลิสดีอกดีใจและหายเข้าไปในห้องแต่งตัวอีกรอบ

จากนั้นครู่หนึ่ง ตึงตัง คราวนี้ก็มีเสียงดังออกมาไม่ต่างจากเมื่อกี้สักเท่าไหร่

“จริงๆ เลย”

ก็แค่เสื้อผ้า พอถูกชมเข้าหน่อยกลับดีใจจนยุ่งวุ่นวายได้ขนาดนี้เชียว

อาเรียฉิบชาไปหนึ่งทีแล้วหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว

ในเมื่อบลิสแสดงความรู้สึกดีใจอย่างเหลือล้นเมื่อได้รับคำชมจากอาเรียออกมาให้เห็นตรงๆ แบบนี้ แล้วอาเรียจะไม่ยิ้มออกมาได้อย่างไรกันเล่า

‘แม้จะต่างไปจากที่จินตนาการเอาไว้นิดหน่อยก็เถอะ’

อาเรียคิดว่าลูกของเธอกับอาซคงจะมีนิสัยเย็นชาและดูเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าวัย แต่บลิสกลับไร้เดียงสาและเอะอะวุ่นวายไม่ต่างไปจากเด็กวัยเดียวกัน

‘ก็ไม่แย่เลยนี่นา’

เด็กตัวเล็กๆ ที่เอาวิ่งวุ่นไปมา ไม่มีสมาธิก็ดูสนุกดีเหมือนกัน

แม้ว่าบลิสจะไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนกับเธอในตอนเด็กมาตั้งแต่แรก ก็มีคนที่แข็งแกร่งคอยช่วยเหลืออยู่ตั้งมากมายจึงไม่น่าเป็นห่วงอะไร

หลังจากนั้นอาเรียต้องดูแฟชั่นโชว์ของบลิสไปมากว่าสิบรอบด้วยกัน

“เหนื่อย…”

แม้จะยังมีชุดที่ไม่ได้ใส่เหลืออยู่อีก แต่ก็เข้ามานั่งข้างๆ อาเรียและบอกว่าขอพักสักหน่อย ก่อนจะดื่มโกโก้เย็นเข้าไป

อาเรียทอดสายตามองไปยังกระหม่อมเล็กๆ ที่เอนมาพิงเธออย่างแผ่วเบา แล้วเก็บผมของบลิสที่ไหลลงมาปรกหน้าไปด้านหลังก่อนจะถามออกมาว่า

“แล้วลูกของซาร่าน่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ”

“อืม อ๋อ…! เป็นผู้ชายละ! หน้าตาเหมือนซาร่าและมาร์ควิสอย่างละครึ่ง เป็นพี่ชายที่เท่แล้วก็ฉลาด แถมยังใจดี และฟันดาบเก่งด้วย! ”

อย่างกับกำลังรอให้อาเรียถามออกมา บลิสตื่นเต้นและอธิบายลักษณะพิเศษออกมาไม่หยุด

อบอุ่น แข็งแรง และยังรู้อะไรหลายๆ อย่าง กล้าหาญ รักความถูกต้อง และยังหล่อเหลาอีกด้วย…

บลิสพูดถึงแต่ข้อดีซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด

‘…หรือว่าบลิสจะชอบเด็กคนนั้น’

ถึงขนาดที่อาเรียคิดออกมาเช่นนั้นเลยทีเดียว

‘ถ้าเป็นลูกของซาร่าก็ถือว่าไม่แย่เลย ไม่สิ ถ้าเป็นนิสัยของทั้งสองคนนั้นแล้วละก็ ถือว่าดีมากๆ เลยล่ะ’

แน่นอนว่าคงต้องรอดูต่อไปด้วยตนเองถึงจะรู้เรื่องนั้นได้ เพราะแม้แต่บลิสที่เป็นลูกของเธอกับอาซยังนิสัยไม่เหมือนกับพ่อหรือแม่เลยสักคน แต่เท่าที่ฟังบลิสอธิบายมาแล้ว ก็เหมือนจะเป็นเด็กที่ใช้ได้ทีเดียว

แต่คำอธิบายของบลิสเมื่อครู่ดูจะทำเป็นรู้ดีมากเกินไปเสียแล้ว

อาเรียโบกมือไล่สาวใช้ออกไปและถามบลิสว่า

“แล้วเธอรู้เรื่องนั้นได้ยังไงล่ะ อย่างกับว่ามาจากอนาคตอย่างนั้นแหละ”

ที่จริงแล้วอาเรียตั้งใจจะถามเรื่องนี้จึงได้สั่งให้เจสซี่กลับไป เพราะนี่เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันอย่างลับๆ กับบลิสเท่านั้น

เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไป แม้แต่คนที่ไม่รู้ว่าบลิสมีพลังก็จะต้องสงสัยในตัวบลิสอย่างแน่นอน

อาเรียกะพริบตาช้าๆ ราวกับจะให้บลิสลองแก้ตัวให้เธอฟัง

บลิสถูกจี้จุดด้วยใบหน้าที่คุ้นเคยนั่น เธอไม่สามารถซ่อนความกระวนกระวายใจไว้ได้ จากที่นั่งพิงอาเรียอยู่ก็เด้งตัวกลับมานั่งหลังตรงในทันที

“นั่น นั่นน่ะ…”

“นั่นทำไม”

“เพราะเป็นเด็กเหมือนกันก็เลยรู้! เด็กๆ น่ะสื่อถึงถึงกันได้! ”

โชคดีที่หาข้อแก้ตัวได้ แต่กลับโชคร้ายที่มันฟังไม่ขึ้นเสียเลย

พอบลิสเอาข้ออ้างที่ใช้ไปแล้วมาใช้อีกรอบ อาเรียก็หรี่ตาขึ้นมา

“งั้นเหรอ ฉันน่ะ ก็แค่สงสัยว่าเธอมาจากอนาคตหรือเปล่าเสียอีก”

“นั่น นั่นน่ะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว! อนาคตอะไรกัน…! ”

“จริงเหรอ ไม่ได้โกหกใช่ไหม”

ทั้งที่ถามออกไปง่ายๆ แต่กลับไม่มีคำตอบกลับมา บลิสปิดปากแน่นพร้อมทั้งกลอกตาล่อกแล่กไปมา

“ทำไมไม่ตอบล่ะบลิส ฉันน่ะเกลียดคนโกหกมากๆ เลยนะ”

“…! ”

“แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นอย่างที่เธอบอกว่าเด็กๆ สื่อสารกันได้ก็ได้”

“…”

“ใช่แบบนั้นจริงๆ รึเปล่า”

“นั่น นั่นน่ะ…”

การไต่สวนที่ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่นั้น ทำให้บลิสเหงื่อแตกพลั่กและปากสั่นเลิ่กลั่ก

ดูเหมือนว่าหากอาเรียซักไซ้ขึ้นมาอีกครั้ง ก็คงจะได้ฟังคำตอบที่ต้องการในที่สุด

เอาอย่างไรดีล่ะ อาเรียกอดอกพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับทอดสายตาลงมองบลิส แล้วก็ได้เห็นว่าขอบตาของบลิสรื้อแดงขึ้นมา

“พะ เพราะว่า…”

ท่าทางของบลิสเหมือนกับคนที่กำลังจะร้องไห้น้ำตาไหลพรากออกมาในอีกไม่ช้า ทั้งยังการพูดตะกุกตะกักแบบนั้นก็ดูน่าสงสารเอามากๆ

ทว่าความอยากรู้อยากเห็นของอาเรียมีมากกว่าความสงสาร เธอคิดว่าตนเองต้องได้ฟังคำตอบที่ถูกต้องให้ได้ และทำสายตาเย็นชาเพื่อเร่งเอาคำตอบจากบลิสโดยที่ไม่พูดอะไร

ความรู้สึกอันอบอุ่นที่อัดแน่นอยู่ในห้องจนถึงตอนนี้ ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเงียบงันแสนเยือกเย็นเสียแล้ว บรรยากาศแบบนี้หากเป็นแอนนี่หรือเจสซี่ละก็ คงจะเหงื่อไหลพลั่กและสารภาพออกมาแล้ว

และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อบลิสแอบเหล่มองสีหน้าของอาเรียเข้าก็ทนไม่ไหวและร้องไห้โฮ-! น้ำตาไหลออกมา

“ฮือ…! แต่ว่า แต่ว่า…! นั่นน่ะ…! “

บลิสเบ้หน้าร้องไห้และพึมพำอู้อี้ออกมา ซึ่งไม่สามารถฟังได้ถนัดนัก

อาเรียรู้สึกว่าตัวเองทำเกินเหตุไป จึงคิดว่าค่อยฟังคำตอบเอาทีหลังดีกว่า แต่ในขณะที่เธอกำลังปล่อยแขนที่กอดอกออกนั่นเอง บลิสก็เข้ามากอดเธอราวกับกำลังรอเวลานี้

“หนูขอโทษ หนูขอโทษ…! ”

คงลืมไปแล้วว่าใครกันที่กดดันและเค้นเอาคำตอบจากตน

บลิสกอดอาเรียแน่นด้วยแขนทั้งสองข้างราวกับว่าอาเรียเป็นที่พึ่งเดียวเท่านั้นที่เธอมี

“ฮือ…! อีกไม่นาน อีกไม่นาน ฮึก หนูจะเล่าให้ฟัง…! ”

บลิสร้องไห้ฮือๆ และพูดออกมาเช่นนั้น เธอไม่สามารถสารภาพออกมาตรงๆ ได้

อาเรียเอามือลูบหลังบลิสอย่างเงอะงะ และบอกว่าเข้าใจแล้วพร้อมพยักหน้าออกมาเงียบๆ

…………………

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

Status: Ongoing

เมื่อมารดาที่เป็นโสเภณีได้แต่งงานกับท่านเคานต์

อาเรียจึงได้ยกระดับฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชีวิตอย่างหรูหราอู้ฟู่

ก่อนจะตกหลุมพลางของมิเอล น้องสาวบุญธรรม

และถูกฆ่าตายท่ามกลางสายตาเย็นชาและคำเยาะเย้ยถากถาง

ทันใดนั้น นาฬิกาทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าราวกับภาพลวงตา

และเธอก็ได้ย้อนเวลากลับมาอย่างปาฏิหาริย์…!

“ข้าอยากเป็นผู้ที่งามสง่าเหมือนกับมิเอล น้องสาวของข้า”

เพื่อต่อกรกับนางร้าย เธอจึงต้องร้ายยิ่งกว่า!

เธอเลือกเส้นทางชีวิตใหม่เพื่อแก้แค้นคนที่บีบให้เธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย!

เรื่องราวของนางร้ายที่ร้ายยิ่งกว่านางร้ายจึงเริ่มต้นขึ้น

พร้อมกับการแก้แค้นอันซับซ้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามที่อันตราย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท