เมื่อวิลเลียมลืมตาจื่นขึ้น เขาพบว่าตัวเองนั้นกำลังนอนอยู่บนเมฆสีทองขนาดเล็กที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ในตอนแรกเขาคิดว่าเขากำลังฝัน แค่ความทรงจำที่เขาล้มลงต่อหน้าเบลล์ได้หลั่งไหลเข้ามาพร้อมกับความทรงจำต่างๆ ทำให้เขาจำได้
“ใช่ ฉันตายแล้ว”
วิลเลียมพึมพำและวางมือทาบอกเพื่อดูว่าหัวใจของเขายังเต้นอยู่ไหม เขารู้สึกแต่ไม่ได้ยินอะไรเลย
หลังจากถอนหายใจ เด็กชายนั่งไขว้ห้างบนก้อนเมฆราวกับว่ามันเป็นเก้าอี้ธรรมดา หลังจากทำเช่นนั้นความทรงจำของเขาก้ได้ปรากฏขึ้น วิลเลียมเห็นความทรงจำที่มีความสุข เศร้า และความทรงจำที่เขาไม่อยากเห็นมันอีก ในช่วงท้ายของความคิดถึง ภาพของหญิงสาวสวยผมยาว ทำให้เขากัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิด
ความจริงเขาเป็นห่วงเธอมาก
คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของเขส อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นที่เขาจะสามารถทำได้เพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาตายไปแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะมานั่งคิดมาก
“ผมหวังว่าคุณจะปลอดภัย เบลล์”
วิลเลียมพูดขณะที่เงยหน้าขึ้น
ประตูสีทองส่องประกายอยู่ตรงหน้าเขา และเขารู้ว่าการเดินทางของเขานั้นสิ้นสุดแล้ว เขาไม่เคยเชื่อในพระเจ้ามาก่อน เพราะพระเจ้าไม่เคยทำอะไรเพื่อเขาในตอนที่เขานั้นยังมีชีวิตอยู่ เขาจึงไม่เช่ือในเรื่องนรกและสวรรค์ แต่สิ่งเดียวที่เขาเชื่อคือการกลับชาติมาเกิด
บางทีเขาอาจจะได้รับอิทธิพลจากนิยายจำนวนนับไม่ถ้วนที่เขาอ่านขณะที่อยู่ในโรงพยาบาล งานอดิเรกเพียงอย่างเดียวของวิลเลี่ยมการอ่านเรื่องราวของการส้รางอาณาจักร เพราะปลูก สิ่งที่ขาดหายของชีวิต การย้ายถิ่น ความโรแมนติกในประวัติศาสตร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
“ถ้าพระเจ้ามีจริง เขาควรที่จะเตรียมพร้อมสำหรับการโดยฉันต่อย”
วิลเลียมหรี่ตาลงและจ้องมองไปที่ประตูสีทองที่ค่อยๆ ใหญ่ขึ้น
“ถ้าฉันรู้ว่าพระองค์ทรงเอาเบลล์ไปด้วย ฉันจะต่อยพระองค์จนกว่าแม่พระองค์จะจําพระองค์ไม่ได้อีกต่อไป”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของวิลเลียมที่เขาพูดก่อนที่เมฆสีทองจะเลื่อนเข้าหาประตูสีทองขนาดใหญ่ สิ่งที่วิลเลียมได้ให้เห็นอีกฝากของประตู ทำให้เขานั้นตกตะลึง มันทำให้เขานึกถึงท้องฟ้าจำลองตอนที่ไปทัศนศึกษา
“อะไรนั้นหน่ะ”
วิลเลียมสงสัยขณะที่มองไปยังพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล สามารถมองเห็นดาวเคราะห์ และกาแล็กซีจำนวนนับไม่ถ้วนในระยะไกล
ก่อนที่เด็กวัยรุ่นจะประมวลผลในสิ่งที่ได้เห็น เมฆก็เร่งความเร็วและมุ่งเข้าไปในดาวเคราะห์ยักษ์ที่ดูคล้ายกับโลก น่าแปลกที่เมฆสีทองก้อนอื่นๆ ปรากฏขึ้นข้างๆ วิลเลียมในขณะที่เมฆเคลื่อนตัวเข้าหาดาวเคราะห์ ขบวนเมฆสีทองนับล้านก่อตัวขึ้นภายในไม่ถึงนาที
และก็มีคนอยู่บนก้อนเมฆเหล่านั้น แต่ละคนอายุแตกต่างกัน บางคนก็แก่ บางคนก็เด็ก และบางคนก็เด็กอย่างไม่น่าเชื่อ เด็กที่อายุไม่เกิน 3 ขวบ มองกลับมาที่วิลเลียมด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นขณะที่ดูดนิ้วโป้ง
วิลเลียมรู้สึกเสียใจเมื่อมองไปที่หนูน้อย ทำให้เขานึกถึงพี่น้องของเขาที่สถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า เมื่อพวกเขาเข้าใกล้โลกใหม่มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้นกับขบวนเมฆสีทองว
เมฆที่บรรทุกผู้เฒ่าหลุดออกจากแถวและลอยไปยังฝั่งตะวันอกกของดาวเคราะห์ เมฆที่มีเด็กต่ำกว่า 5 ขวบ ลอยไปยังทิศใต้
ไม่นานนักที่วิลเลียมจะตระหนักว่าพวกเขานั้นกำลังถูกแยก โดยพลังอะไรซักอย่างที่กำลังควบคุมเหล่าก้อนเมฆ เมฆที่วิลเลียมนั่งอยู่ไ่ได้เปลี่ยนทิศทางและมันมุ่งตรงไปยังใจกลางของโลกใหม่ คนอื่นๆ 2-3 ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับเขา
ในขณะที่เมฆกำลังเคลื่อนตัวลงมาจากท้องฟ้า วิหารอันงดงามก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของพวกเขา ชายชราผมยาวสีขาวและมีเครากำลังยืนอยู่ที่ด้านหน้าทางเข้าวิหารและมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีทุกคน”
ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฉันรู้ว่าพวกคุณนั้นมีคำถามมากมาย แม้ว่าฉันจะไม่สามารถตอบได้ทั้งหมด แต่ฉันก็ยินดีที่จะตอบคำถามที่ฉันจะสามารถตอบได้ ใครอยากจะถามคำถามบ้าง”
“ผม!” ชายหนุ่มร่างผอมที่ดูเหมือนอายุยี่สิบต้นๆ ยกมือขึ้น
“เอาสิ” ชายชราตอบ
“คุณคือพระเจ้า?” ชายร่างผอมถาม
“ไม่ใข่” ชายชราตอบ
“ฉันเป็นเพียงหนึ่งในผู้ช่วยมากมายของพวกเขา”
“ผู้ช่วยของพวกเขาหรือ คุณหมายถึงมีพระเจ้ามากกว่าหนึ่งองค์?” สาวสวยคนหนึ่งถาม
“โอ้ใช่.” ชายชรายิ้ม
“บางคนเก่าแก่และบางคนก็ใหม่ อย่างไรก็ตาม ชื่อของวัดนี้คือวิหารแห่งเทพเจ้าหมื่นองค์ แม้ว่าฉันจะบอกว่าเทพหมื่นองค์ แต่จำนวนที่แน่นอนของเทพเจ้าที่อยู่ภายในนั้นไม่มีใครรูจำนวนที่แท้จริง”
ชายชราหยุดกล่าว ก่อนท่จะอธิบายต่อ
“นับเป็นเวลาหลายศตวรรษนับตั้งแต่มีการตั้งชื่อวัดนี้ และมีพระเจ้าหลายองค์เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ล่วงเลยไป แน่นอนว่าก็เป็นความจริงเช่นกันที่มีเทพจำนวนมากได้สลายไปแล้วเช่นกัน”
วิลเลียมและคนอื่นๆ เงียบไปในขณะที่เข้าใจคำพูดของชายชรา ถึงกระนั้นเมื่ออายุยังน้อย ความยากรู้อยากเห็นก็มีมาก
“ทำไมเยอะจัง” ชายหนุ่มรูปงามผมสีบลอนด์ตาสีฟ้าเอ่ยถาม
“มีพระเจ้าที่แท้จริงเพียงองค์เดียวเท่านั้นไม่ใช่หรือ?”
“คำถามที่ดี.” ชายชราพยักหน้าอย่างชื่นชม
“คุณมาจากโลกใช่ไหม”
“ครับ” หนุ่มหล่อตอบ
“สมมุติว่าบนโลกนี้มีพระเจ้าที่แท้จริงองค์เดียว” ชายชรายิ้ม
“แล้วโลกอื่นล่ะ ถ้าแต่ละโลกมีพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงองค์เดียว ย่อมหมายความว่ามีเทพที่แท้จริงจำนวนนับไม่ถ้วนในโลกต่างๆ ภายในจักรวาลนี้?”
ชายหนุ่มรูปงามเบิกตากว้างด้วยความตระหนัก เขาเข้าใจสิ่งที่ชายชรากำลังพูดถึงและไม่ถามคำถามใดๆ อีกต่อไป
ชายชราชี้ไปที่วิหารหมื่นเทพและอธิบายต่อ
“คุณเห็นไหม พระเจ้าเกิดจากความเชื่อของผู้คน ด้วยตรรกะนี้ มันยังหมายความว่าพระเจ้าองค์ใหม่จะบังเกิดเป็นระยะๆ ยิ่งความเชื่อแข็งแกร่ง พระเจ้าก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”
“หลังจากเวลาผ่านไป เทพจำนวนมากได้ถือกำเนิดขึ้นและเทพจำนวนมากได้สูญหายไป ช่วงเวลาที่พระเจ้าถูกลืม คือช่วงเวลาที่เหล่าเทพเหล่านี้จะหยุดดำรงอยู่”
“ในระยะสั้น แทนที่จะเข้าสู่วัฏจักรแห่งการกลับชาติมาเกิดโดยตรง พวกคุณทุกคนจะมีโอกาสเลือกพระเจ้าผู้อุปถัมภ์ ก่อนที่คุณจะเดินทางไปสู่ชีวิตหน้าของคุณ” ชายชรากล่าวเสริม
“เดี๋ยวก่อน! ฉันรู้เรื่องนี้!” เด็กเนิร์ดปรับแว่นตาของเขาในขณะที่เขาเตรียมที่จะออกเสียงเดาของเขา “ถ้าเราทำตามที่ฉันอ่านในไลท์โนเวล เทพเหล่านี้จะให้พลังโกง สิ่งประดิษฐ์อันทรงพลัง อาวุธศักดิ์สิทธิ์ และพรอื่นๆ แก่เราที่จะทำให้เราได้เปรียบในชีวิตหน้าใช่ไหม”
“ประมาณนั้น” ชายชราตอบขณะเล่นเครายาว “พระเจ้าแต่ละองค์มีความพิเศษเฉพาะของตนเอง และส่วนใหญ่มอบสิ่งของหรือความสามารถที่คล้ายกับตัวเองแก่ผู้ติดตามของตน”
“ฉันรู้แล้ว!” เด็กเนิร์ดยกกำปั้นขึ้นด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อเขามองไปที่ประตูหลังชายชราด้วยความคาดหวัง
“เนื่องจากเราเหลือเวลาไม่มาก ฉันจะไล่ตาม” ชายชราประกาศ “พวกคุณทุกคนมาที่นี่เพราะว่าพระเจ้ามองดูพวกคุณทุกคนเป็นอย่างดี บางทีคุณอาจทำอะไรบางอย่างในชีวิตของคุณที่สมควรได้รับการยอมรับจากพวกเขา”
ชายชราหยุดครู่หนึ่งเพื่อให้ความหมายของคำพูดของเขาจมลง
“ถ้าไม่มีคำถามแล้ว เข้าไปกันเถอะ” ชายชราโบกมือและประตูวัดก็เปิดออก “ข้าขอต้อนรับเจ้าอีกครั้งสู่วิหารเทพหมื่นองค์”