ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games – ตอนที่ 14

ตอนที่ 14

“โอ้ พวกเขาทำได้ดีทีเดียว”

ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ซีเว่ยใช้ดวงตาศักดิ์สิทธิ์เพื่อสอดส่องสิ่งที่เกิดขึ้นกับสาวกของเขาในแดนมรรตัย

เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจที่พวกเด็ก ๆ ได้ปลดปล่อยพลังโจมตีเข้าใส่ฝูงก็อบลินอย่ากล้าหาญ แม้ว่าเลเวลเฉลี่ยของพวกเขาจะน้อยกว่า 5 ก็ตาม

เมื่อปาร์ตี้ของเอลีน่าเคลียร์ฝูงก็อบลินที่โจมตีคาราวานพ่อค้าสำเร็จ ซีเว่ยก็อนุมัติเควสและให้รางวัลแก่พวกเขาด้วยค่า EXP จำนวนมาก

จากนั้นเขาก็หมุนตัว (ที่เป็นลูกบอล) ไปดูกองศพก็อบลินที่เด็กทั้ง 5 สังเวยมา

ทุกสิ่งที่ถูกสังหารโดยเหล่าสาวกของเขาหรือก็คือผู้เล่น ทั้งหมดจะถูกส่งมาเป็นเครื่องสังเวยให้กับซีเว่ย ก็อบลินเหล่านี้ก็ไม่ต่างกัน

เพียงแค่ใช้ความคิดเล็กน้อย ศพก็อบลินเหล่านั้นก็สลายกลายเป็นพลังงานบริสุทธิ์ไหลเข้ามาเติมเต็มพลังศักดิ์สิทธิ์ของซีเว่ย

จากมาตรวัดที่เขากำหนดขึ้น พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 78 แต้ม แม้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากนี้จะถูกใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพและซ่อมแซมความเป็นพระเจ้าของเขา มันก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่เถียนของความเป็นพระเจ้าที่เขากำลังประสบอยู่ได้อย่างสมบูรณ์ แต่มันก็ยังดีขึ้น

“ถึงมันจะสะดวกและรวดเร็วถ้ารับพลังศักดิ์สิทธิ์จากเครื่องสังเวย แต่มันก็มีปัญหาอยู่นิดหน่อย…”

มีวัตถุลักษณะคล้ายเศษโลหะกองอยู่แทนที่ศพก็อบลิน ซึ่งมันมีขนาดใหญ่มาก มันเป็นเศษตกค้างหลังจากแก่นแท้บริสุทธิ์ของก็อบลินถูกสกัดออกมาเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม การรับเครื่องสังเวยที่สามารถเพิ่มพลังศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่เป็นที่นิยมในหมู่เทพเจ้าส่วนใหญ่ ยกเว้นเทพเจ้าที่ชั่วร้ายบางองค์ที่เรียกร้องให้สาวกทำพิธีถวายเครื่องบรรณาการให้ตนเป็นพิเศษ

เนื่องจากวัตถุที่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์นั้นไม่มีอยู่ในโลก หลังจากที่เทพทำการสกัดพลังศักดิ์สิทธิ์เสร็จ มันก็จะทิ้งเศษขยะไร้ประโยชน์ไว้กองใหญ่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเทพเจ้าองค์อื่น ๆ จึงจำกัดการรับเครื่องสังเวยของพวกเขา พวกเขาจะชอบเฉพาะวัตถุที่มีพลังงานควบแน่นสูงเช่นคริสตัลส่องสว่าง ทำให้เทพบางองค์ที่ไม่เลือกกินเช่นซีเว่ย ที่สนใจรับแม้แต่ศพก็อบลินเป็นข้อยกเว้น

เนื่องจากเศษเหลือเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากเศษขยะ เมื่อพวกมันสะสมไว้มากเข้าในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ มันจะเป็นเรื่องยุ่งยากเกินกว่าจะจัดการได้

จริง ๆ ซีเว่ยเองก็ปวดหัวไม่แพ้กัน

แต่เขาไม่เหมือนกับเทพเจ้าองค์อื่น เขามีพลังที่จะเคลื่อนผ่านบาเรียโลก เขาสามารถมองหาที่ที่จะโยนพวกมันทิ้งได้เมื่อใดก็ตามที่เขาลงไปยังพื้นโลก

แม้เศษขยะเหล่านี้จะไม่เป็นปัญหาในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันจะมีผลแน่นอน เนื่องจากเครื่องสังเวยจากเหล่าสาวกจะถูกส่งเข้ามาเพิ่มมากขึ้นในเแต่ละวัน

และเนื่องจากเศษขยะเหล่านี้ถูกย้อมไปด้วยกลิ่นอายของเทพเจ้าแห่งเกมในระหว่างกระบวนการสกัดพลัง หากเขาโยนพวกมันทิ้งไปมั่ว ๆ เขาอาจถูกจับได้โดยเทพเจ้าองค์อื่น และนั่นจะกลายปัญหา

ความสามารถในการข้ามบาเรียโลกที่ตรีเอกานุภาพสร้างขึ้นนั้น มีเสน่ห์เกินกว่าที่เทพเจ้าองค์อื่นจะห้ามใจได้ หากเรื่องนี้เกิดแดงออกไป และหากเทพองค์อื่นที่มีแรงจูงใจแอบแฝงมาถึงอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา ความเป็นพระเจ้าของเขาจะต้องถูกพรากไปอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้เขายังอ่อนแอเกินไปเหมือนเทียนไขกลางสายลม

แต่เศษขยะพวกนี้ก็ยังไร้ประโยชน์เกินไปอยู่ดี มันไม่อาจกลายเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้ามอบให้กับสาวกได้ ถึงคุณสมบัติของมันจะคล้ายเหล็ก แต่มันก็ไม่แข็งหรือยืดหยุ่นเท่าเหล็ก และเทียบไม่ได้กับเหล็กดิบธรรมดาในฐานะวัตถุดิบสำหรับการหลอมขึ้นรูปอาวุธด้วยซ้ำ และแน่นอน มันไม่มีบัฟเสริมใด ๆ เมื่อนำไปใช้สร้างอาวุธ แม้ว่ามันจะมีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์แฝงอยู่ก็ตาม…

“อืม เดี๋ยวก่อนนะ ดูเหมือนฉันจะคิดอะไรดี ๆ ได้แล้ว…”

ซีเว่ยรู้สึกมีแรงบันดาลใจบางอย่างแวบขึ้นมาในสมอง (แม้ว่าลูกบอลจะไม่มีสมอง) แต่มันก็ยังไม่ชัดเจน

“ช่างเถอะ ที่นี่ใหญ่มาก ฉันจะทิ้งมันไว้ก่อน เทียบกับขยะนี่แล้ว ฉันควรคิดว่าฉันจะใช้พลังงานเทพเจ้าของฉันยังไงดีมากกว่า!”

ตอนแรกซีเว่ยวางแผนที่จะลงทุนพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อทำให้ความเป็นพระเจ้าของเขาคงที่ เนื่องจากเขารู้สึกไม่สบายใจกับความผันผวนและความรู้สึกโหวงเหวง แต่เขาก็ต้องยอมแพ้ เพราะเขาต้องคิดวิธีใช้มันให้คุ้มค่ากว่านั้น

แม้ว่าความเป็นพระเจ้าของเขาจะยังไม่เสถียร แต่ก็เรียกได้ว่าเขายืนอยู่เหนือขอบเหวแล้ว ตราบใดที่เด็ก ๆ เหล่านั้นยังไม่ละทิ้งเขา ไม่ละทิ้งเทพเจ้าแห่งเกม เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะสลายหายไป

พอเปรียบเทียบกันแล้ว เขาก็มีปัญหาเร่งด่วนบางอย่างที่ต้องรีบจัดการก่อน

หลังจากที่กลายเป็นลูกบอลเรืองแสง…ฉันหมายถึงกลายเป็นเทพเจ้า ซีเว่ยก็ตระหนักว่าแบนด์วิดท์*ของเขานั้นมากกว่าของมนุษย์ นั่นไม่ได้หมายความว่าเทพเจ้าจะฉลาดกว่ามนุษย์ แต่พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการแยกประสาททำหลายอย่างได้พร้อมกัน

(แบนด์วิชท์ (Bandwidth) หมายถึง ความกว้างของแถบคลื่นความถี่ แบนด์วิชท์เป็นคำที่ใช้วัดความเร็วในการส่งข้อมูลของอินเทอร์เน็ต ซึ่งโดยมากเรามักวัดความเร็วของการส่งข้อมูลเป็น bps (bit per second), Mbp (bps*1000000)

นั่นเป็นเหมือนกันสำหรับซีเว่ย เขาตระหนักว่าตอนนี้เขาสามารถจ้องมองเข้าไปในอวกาศอันว่างเปล่าภายในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา ในขณะที่คิดถึงอาหารเดลิเวอร์รี่ในโลกก่อนที่เขาจะข้ามมา ดูแลปาร์ตี้ของเอลีน่าและแองโกร่าสาวกใหม่ของเขาที่กำลังเดินป่าตามลำพังไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ นอกหุบเขาแห่งความตายพร้อมกันได้…

มันทำให้เขามีภาพลวงตาว่า เขาเป็นคนที่มีอำนาจและรอบรู้ไปทุกอย่าง แต่เขาเพิ่งจะพบว่าแบนด์วิดท์ของเขาไม่เพียงพอ หลังจากที่เขาสร้างระบบเกม ข้อมูลตัวเลขและการประมวลผลต่าง ๆ ได้ทำให้เขาต้องใช้ความคิดเยอะมาก

นั่นเป็นช่วงเวลาที่เขาได้หวนรำลึกไปถึงความน่ากลัวของ [การเตรียมตัวสอบเข้าวิทยาลัย 5 ปี และสอบพรีเทส 3 ปี] ในฐานะนักเรียนมัธยมปลายปีที่ 3 และความอัปยศอดสูของเขาที่ถูกบังคับให้เรียนซ่อมเสริม

เมื่อตระหนักว่าเขาไม่สามารถทำแบบนี้ได้อีกต่อไป ซีเว่ยก็ตัดสินใจใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รับมาในครั้งนี้ เพื่อปลดปล่อยตัวเองออกจากภาระทางสมอง!

ตอนแรกเขาคิดจะสร้าง A.I. ที่คล้ายกับจาร์วิสเพื่อจัดการงานส่วนใหญ่ของเขา แต่หลังจากได้เสพหนังไซไฟมาหลายปี เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่บ้าบิ่นเกินไป เขาอาจเตะรังแตนเข้าจริง ๆ ถ้าเขาสร้างของอย่างอัลตรอน*ขึ้นมา

(อัลตรอน ปัญญาประดิษฐ์ตัวร้ายในมาร์เวล)

ด้วยเหตุนี้หลังจากใช้เวลาคิดมาระยะหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจจะสร้างคอมพิวเตอร์ที่มีฟังก์ชันพื้นฐาน ไว้คอยจัดการข้อมูลเมื่อผู้เล่นได้รับค่า EXP และเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ

นั่นคือที่ที่อานุภาพอันยอดเยี่ยมของพลังศักดิ์สิทธิ์จะได้ฉายแสง มันเป็นพลังอำนาจ ซึ่งสามารถขับเคลื่อนและใช้งานได้โดยเทพเจ้าเท่านั้น ในขณะเดียวกันอิทธิพลของเทพเจ้าก็เป็นตัวกำหนดความสามารถในการขับเคลื่อนพลังนี้ด้วยเช่นกัน ว่ามันจะออกมาเป็นอะไร

หลังจากที่ซีเว่ยข้ามโลกมา อิทธิพลความศักดิ์สิทธิ์ของซีเว่ยในฐานะเทพเจ้าแห่งเกมก็ได้รับการพัฒนาผ่านความรู้ของเขาในโลกก่อน และปัจจุบันมันก็ทำให้อิทธิพลความศักดิ์สิทธิ์ของเขาครอบคลุมมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ถ้าเขารวบรวมพลังงานเทพเจ้าได้เพียงพอ อิทธิพลความศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็จะทำให้เขาเป็นเหมือนเทพเจ้ามังกรในดราก้อนบอล ที่จะประทานให้ทุกความปรารถนาเป็นจริงได้ แม้ว่าความปรารถนามันจะอ่อนแอลงมากเพราะเขามีพลังงานเทพไม่เพียงพอเมื่อใช้บัญชาพระเจ้า แต่มันก็ยังสำเร็จได้

ตัวอย่างเช่นในตอนนี้ หลังจากที่ซีเว่ยร้องขอ ซันเวย์ ไท่หูไลท์(Sunway Taihulight)* ไป เขาได้ใช้บัญชาพระเจ้า และเติมพลังงานเทพเจ้าของเขาลงไปตามที่เขาพอจะเจียดออกมาได้ มันก็หยุดนิ่งอยู่ครึ่งวัน และในที่สุดคอมพิวเตอร์พัง ๆ ที่ติดตั้ง Windows 98 ก็โผล่ออกมา

(ซันเวย์ ไท่หูไลท์ Sunway Taihulight ซูเปอร์คอม 10 ล้านคอร์ จากจีน เป็นคอมพิวเตอร์เร็วที่สุดในโลกในปี 2016)

—————————————-

ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games

ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games

Status: Ongoing

นี่คือเรื่องราวของมนุษย์ธรรรมดาผู้ซึ่งได้ข้ามโลกมาเป็นเทพเจ้าชั้นสามที่กำลังจะตาย เขาได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรวบรวมเหล่าผู้ศรัทธา และก่อให้เกิดมหาสงครามเทพเจ้าครั้งที่สี่ในที่สุด

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องเทพเจ้าแห่งเกมไหม?” “เทพเจ้าแห่งเกม…?” เอลีน่าส่ายหัวด้วยความสงสัย “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพระองค์…” “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเทพเจ้าแห่งเกม สามารถมอบพลังให้เจ้าเอาชนะศัตรูตรงหน้าเจ้าได้” ซีเว่ยเกลี้ยกล่อมเธออย่างอดทน เอลีน่านิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาอย่างแน่วแน่ และจ้องมองไปที่ซีเว่ย “ถ้าอย่างนั้น ข้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม!” “ความศรัทธาไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถมีได้ด้วยปากเจ้า จงหลับตาและจินตนาการถึงพระนามของพระองค์ในใจเจ้า และสัมผัสถึงพลังของพระองค์ด้วยหัวใจของเจ้า” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท