[ระบบ Overlord: QQFarm เวอร์ชันทดสอบ V0.1]
[ฟาร์ม: 0/1]
[เมล็ดพันธุ์: ไม่มี]
[ปศุสัตว์: ล็อก (ต้องสร้างคอกสัตว์)]
[เหรียญเกม: 0]
[คำแนะนำ: ยินดีต้อนรับสู่ QQFarm ชุดของขวัญสำหรับผู้เล่นใหม่ได้ถูกส่งไปยังคลังส่วนตัวของคุณแล้ว โปรดรับมันจากหน้าหลัก]
แม้แองโกร่าจะไม่เข้าใจว่า ‘QQ’ หมายถึงอะไร แต่จากการสำรวจเมื่อคืนนี้ เขาก็เข้าใจวิธีการทำงานพื้นฐานของหมวดย่อย QQFarm แล้ว
พูดย่อ ๆ คือมันเป็นหมวดย่อยของระบบโอเวอร์ลอร์ดที่มีหน้าที่ในด้านเกษตรกรรม
นอกจากนั้นที่ด้านล่างสุดของหน้าอินเตอร์เฟซยังมีตัวเลือก ‘ร้านค้า’ ซึ่งแสดงรายการเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ มีเพียงรูปภาพเมล็ดพันธุ์ไม่กี่รูปเท่านั้นที่มองเห็นได้ นอกเหนือจากนั้นเป็นเพียงภาพเงาดำที่เขาต้องทำการปลดล็อกในภายหลัง
และในหมวด QQFarm ยังมีตัวเลือก ‘ขาย’ อยู่ด้วย แต่จากการทดสอบเมื่อคืน เขาล้มเหลวในการใช้งานมัน เขาไม่สามารถขายอะไรได้เลย (ไม่งั้นเขาคงจะขายทิ้งแม้แต่กำแพงบ้านของวีลาไปแล้ว) เมื่อมาลองคิดดูแล้ว ตัวเลือกการขายถูกวางไว้ในหมวด QQFarm มันคงจะขายได้เฉพาะพืชผลหรือปศุสัตว์ที่เขาเก็บเกี่ยวได้เท่านั้น
[กรุณาระบุพื้นที่เพาะปลูก 1 หน่วยเป็นพื้นที่เริ่มต้นของ QQFarm]
สิ่งแรกที่แองโกร่าต้องทำ ก่อนอื่นเลยคือการเลือกที่ตั้งของฟาร์ม ไม่งั้นเขาจะเริ่มระบบ QQFarm ไม่ได้
ระบบบอกเขาว่า ‘พื้นที่ในอาคารไม่สามารถใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกได้’ เมื่อเขาพยายามจะใช้งานมันในห้องพักของเขา นั่นจึงเป็นสาเหตุที่แองโกร่าต้องออกมาเดินเล่นรอบเมือง เพื่อมองหาสถานที่ที่เหมาะสำหรับการทำฟาร์มและปศุสัตว์แห่งแรกของเขา
แต่หลังจากที่วีลาออกมาตามหาเขา เขาก็คิดว่ามันน่าจะง่ายกว่าที่จะยืมฟาร์มของครอบครัวเธอ แทนที่เขาจะพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกใหม่ในสถานที่แปลก ๆ
ยังไงซะ หากเขาต้องการที่จะตั้งหลักในเมืองนี้ เขาก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากปู่ของวีลาที่เป็นเจ้าเมืองก่อน
ดังนั้นตามคำแนะนำของระบบ แองโกร่าจึงได้เลือกพื้นที่เพาะปลูกที่แห้งแล้งของครอบครัววีลาเป็นฟาร์มแห่งแรกของเขา
เมื่อคำว่า ‘ล็อค’ ปรากฏขึ้น แองโกร่าก็พบพื้นที่ขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพียงแห่งเดียวในพื้นที่เพาะปลูกของเมืองนี้ที่กำลังส่องแสง นั่นคือสิ่งที่บ่งบอกเขาว่าพื้นที่ 1 หน่วย (เท่ากับ 1 ตารางเมตร) นั้นใหญ่มากแค่ไหน
น่าเสียดาย มันเป็นเช่นเดียวกับระบบ แสงนี้มีเพียงแองโกร่าเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้
จากนั้นแองโกร่าก็รับชุดของขวัญผู้เล่นใหม่จากคลังของเขา ภายในมีไอเทม 2 อย่าง ได้แก่ เมล็ดข้าวโอ๊ตวิญญาณ x1 และบัวรดน้ำของผู้ศรัทธา x1
เมล็ดข้าวโอ๊ตวิญญาณนั้นก็เหมือนกับเมล็ดพืชทั่วไป แต่บัวรดน้ำของผู้ศรัทธากลับทำให้แองโกร่าต้องประหลาดใจ
ถึงมันจะเป็นแค่บัวรดน้ำ แต่มันก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีตมาก ผิวสัมผัสของมันดูเหมือนจะทำจากวัสดุคุณภาพสูง เป็นโลหะสีเงินแวววาวมีความสง่างามเป็นเอกลักษณ์ ความคิดที่ว่ามันจะไม่มีวันเป็นสนิมเกิดขึ้นในขณะที่เขามองมัน ตัวถังมีการแกะสลักลวดลายที่งดงามและเรียบง่ายซึ่งทำให้มันดูน่าหลงใหล ส่วนด้ามจับของมันแม้ว่าจะทำจากโลหะเหมือนกัน แต่ก็ใกล้เคียงกับทองเหลืองมากกว่า และมันถูกแกะสลักด้วยลวดลายเถาวัลย์พืชที่เขาไม่รู้จัก แต่ก็รู้สึกไม่แกะกะ มันกลับถือได้สะดวกและพอดีมือมาก
นั่นเพราะเด็ก ๆ จากต่างโลก ไม่เคยได้ยินเรื่องการยศาสตร์*
(การยศาสตร์(ergonomics) เป็นคำที่มาจากภาษากรีก คือ “ergon” ที่หมายถึงงาน(work) และอีกคำหนึ่ง “nomos” ที่แปลว่า กฎตามธรรมชาติ(Natural Laws) เมื่อนำมารวมกันจำกลายเป็นคำว่า “ergonomics” หรือ “laws of work” ที่อาจแปลได้ว่ากฎของงาน ซึ่งเป็นศาสตร์ หรือวิชาการที่เป็นการปรับเปลี่ยนสภาพงานให้เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติงาน)
“เฮ้ ท่านเอาบัวรดน้ำมาจากไหน” วีลาเห็นมือของแองโกร่าที่เอื้อมไปข้างหลังเขา จากนั้นเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อเขาหยิบบัวรดน้ำที่สวยงามนั้นออกมาจากอากาศ
“เราขุนนางเรียนรู้เวทมนตร์กับผู้วิเศษก่อนที่เราจะสืบทอดศักดินา…แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น”
แองโกร่าคิดว่าการเอาบัวรดน้ำออกมาจากอากาศต่อหน้าวีลาถือเป็นความผิดพลาด แต่โชคดีที่พยานเป็นเพียงวีลา เด็กสาวชาวบ้านเช่นเธอมักจะหลอกง่ายอยู่แล้ว
และเธอก็ถูกหลอกจริง ๆ เธอทำหน้าตาชื่นชมที่เขาอ่านได้ว่า ‘ขุนนางชั้นสูงในเมืองใช้มายากลได้จริง ๆ เหรอ!’
เขาภาวนาไม่ให้จินตนาการของเธอแตกเร็วเกินไป…
จากนั้น แองโกร่าก็ฝังเมล็ดข้าวโอ๊ตวิญญาณลงในดินภายใต้การจ้องมองของวีลา
“ท่านพยายามจะปลูกพืชรึ? นี่มันไม่ได้ผลหรอก สายเกินไปแล้ว ฤดูหนาวกำลังจะมาถึงในอีกครึ่งเดือน ถึงท่านจะปลูกมันตอนนี้ ไวสุดมันก็ทำได้แค่แตกหน่อก่อนที่พืชของท่านจะแข็งตาย!” วีลาขมวดคิ้ว เธอพยายามเกลี้ยกล่อมแองโกร่าต่อ “ฤดูหนาวที่นี่หนาวเป็นพิเศษ แม้แต่สัตว์ต่าง ๆ ก็พากันจำศีล ใบไม้ของต้นไม้จะร่วงและทั้งป่าก็จะโกร๋น จากนั้นท่านก็จะไม่มีจะกินแม้แต่ขนมปังน้ำตาลที่ท่านไม่อยากจะกินนี่ด้วยซ้ำ…ท่านควรรีบออกไปจากที่นี่”
“ถ้ามันไม่ได้ผล ข้าจะไปเอง” แองโกร่ายักไหล่ “แต่นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะสิ้นหวัง”
หลังจากที่เขาฝังเมล็ดลงดินแล้ว ตัวจับเวลานับถ้อยหลัง 3:59:59 น. ก็ปรากฏขึ้นเหนือฟาร์มในสายตาของแองโกร่า
‘ใช้เวลาเพียงแค่ 4 ชั่วโมงเพื่อให้พืชโต…’
แองโกร่ารู้สึกโล่งใจ คำถามเดียวในตอนนี้คือปริมาณผลผลิต
“เจ้าก็รู้แล้วนี่ว่าฤดูหนาวและหมอกของที่นี่ลำบากมากแค่ไหน ทำไมเจ้ายังไม่ย้ายออกไปอีกล่ะ” แองโกร่าถามวีลาด้วยความอยากรู้ขณะที่เขาเติมน้ำลงถัง “แม้มันจะค่อนข้างไกล แต่ถ้าเจ้าย้ายไปอยู่ในเขตอาณาจักร เจ้าก็จะไม่ต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้ใช่ไหมล่ะ”
“ปู่บอกว่าเขาเป็นเจ้าเมือง ถ้าแม้แต่เขายังกลัวและหนีไป เมือง ๆ นี้ที่เขาได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษก็จะจบสิ้นลง” วีลายิ้มอย่างขมขื่น “แม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เขาก็ยังอยากจะอยู่ที่เมืองนี้ เขาจะเป็นเจ้าเมืองของเมืองนี้จนถึงวาระสุดท้าย…
“แล้วศาสนจักรที่อยู่ใกล้ ๆ ล่ะ? พวกเขาไม่ช่วยอะไรเลยเหรอ” แองโกร่าถาม เนื่องจากศาสนจักรต่าง ๆ มักรับผิดชอบในการบรรเทาทุกข์บำรุงสุขของชาวเมืองอยู่แล้ว พวกเขาจะไม่ช่วยเมืองเช่นนี้ได้ยังไง
“ไม่มีศาสนจักรใดอยู่ในระยะสิบไมล์จากเมือง” เด็กสาวตอบ สีหน้าของเธอขมขื่นยิ่งขึ้น “ข้าว่า บางทีเทพเจ้าอาจทอดทิ้งพวกเราที่อาศัยอยู่ในดินแดนอันหนาวเหน็บนี้”
แองโกร่าเติมน้ำลงในถังอย่างเงียบ ๆ
เขารู้ดีว่าหากเขาไม่ทำอะไรเลย ที่แห่งนี้ที่มีชื่อเป็นเมืองแต่มีขนาดเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ จะไม่มีวันอยู่รอดได้ตลอดทั้งฤดูหนาว ชาวเมืองที่เหลืออยู่จะต้องทนทุกข์ทรมานจากความหิวโหยและหนาวเหน็บ ถ้าพวกเขาจะไม่หนาวตาย พวกเขาก็อาจจะอดตาย
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าบัวรดน้ำในมือของเขาหนักอึ้ง ราวกับว่ามันมีอย่างอื่นนอกจากน้ำอยู่ในนั้นด้วย
[บัวรดน้ำของผู้ศรัทธา(ระดับตำนาน) : โปรดอธิษฐานอย่างจริงใจต่อเทพเจ้าแห่งเกมเมื่อท่านใช้บัวรดน้ำนี้ พลังศรัทธาของท่านจะแปรผันกับการลดระยะเวลาที่พืชจะต้องใช้ในการเจริญเติบโต อัตราการลดสูงสุดคือ 50%]
“ไม่ นั่นไม่จริง แม้ว่าเทพเจ้าองค์อื่นจะลืมพวกเจ้า แต่ยังมีเทพเจ้าองค์หนึ่งเฝ้าดูพวกเจ้าอยู่ที่นี่!”
แองโกร่าที่มีภาพลักษณ์ของขุนนางที่ไม่เคยแยแสอะไร ในที่สุดเขาก็กลายเป็นคนจริงจังขึ้นมา
“นั่นเป็นการปลอบใจที่เกินจริงไปหน่อยล่ะมั้ง…” เด็กสาวยิ้มเยาะ
“ข้าพูดไม่ค่อยเก่ง และข้าก็เข้าใจว่าแค่คำพูดธรรมดาคงใช้ไม่ได้กับพวกเจ้า ดังนั้นเจ้าควรตั้งใจดู!”
แองโกร่าถือบัวรดน้ำด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความศรัทธาอย่างที่เขาไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต เขาค่อย ๆ รดน้ำลงบนเมล็ดพืชที่เขาเพิ่งฝังลงในดิน
“นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการแสดงให้พวกเจ้าทุกคนเห็น ปาฏิหาริย์จากเทพเจ้าของข้า!”
ในเวลาต่อมา ต้นกล้าสีเขียวที่อ่อนนุ่มก็โผล่ขึ้นมาจากผืนดินที่ปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าสีดำ
ดังเช่นหยกล้ำค่า
—————————————