ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games – ตอนที่ 23

ตอนที่ 23

มาร์นี่•วิลฟ์รู้สึกปวดหัว

ตอนนี้ผีน้อยทั้ง 5 ที่ช่วยเขาไล่เผ่าก็อบลินได้ขอติดตามกองคาราวานไปด้วย

แน่นอน เขายินดีต้อนรับพวกเขาด้วยอ้อมแขนที่เปิดกว้างอยู่แล้ว เนื่องจากกลุ่มเด็กที่เรียกตัวเองว่าสาวกของเทพเจ้าแห่งเกมกลุ่มนี้ มีความแข็งแกร่งอย่างไร้ข้อกังขา แม้ว่าพฤติกรรมของพวกเขาจะค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่ด้วยกองคาราวานขนาดใหญ่นี้ มาร์นี่ก็อาจจะได้พบกับสัตว์ประหลาดเผ่าอื่นอีกครั้งก็เป็นได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่ต้องคอยกังวลว่าพวกเด็ก ๆ จะมีแรงจูงใจแอบแฝงต่อสินค้าของเขา เด็ก ๆ พวกนี้สามารถฆ่าคนทั้งคาราวานและเอาทุกอย่างไปได้หากพวกเขาต้องการ ด้วยจำนวนผู้คุ้มกันกว่าครึ่งที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ พวกเขาไม่มีทางสู้พวกเด็ก ๆ ได้เลย

ด้วยเหตุนี้มาร์นี่•วิลฟ์จึงไม่ลังเลที่จะเห็นด้วยกับคำขอของเอ็ดเวิร์ด ที่จะติดตามขบวนของเขาไปด้วย

แต่ปรากฏว่าหลังผ่านไปเพียง 2 วัน เขาก็ต้องเสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนั้น

เขามันซื่อเกินไป…

ผีน้อยทั้ง 5 รบกวนทุกคนในกองคาราวานตลอดทั้งวัน เพื่อเผยแพร่หลักคำสอนของเทพเจ้าที่พวกเขาศรัทธา ‘เทพเจ้าแห่งเกม’

ในฐานะพ่อค้าที่มีประสบการณ์ เขาจึงรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย และมาร์นี่ก็รู้จักเทพเจ้าแห่งเกม มันผ่านไปไม่ถึง 10 ปีนับตั้งแต่ที่เทียร์ราล่มสลายลง เมื่อก่อนนั้น อาณาจักรแห่งความบันเทิงนับเป็นสรวงสวรรค์สำหรับเหล่าพ่อค้า ซึ่งความจริงแล้วเงินก้อนแรกของมาร์นี่ ก็ได้มาจากการขายชุดหมากรุกไม้ในเทียร์ร่า

เขาคิดถึงพลเมืองที่ดีและจริงใจในอาณาจักรแห่งนั้น พวกเขาปฏิบัติต่อกองคาราวานพ่อค้าที่มีสถานะด้อยกว่าเช่นเขาอย่างเท่าเทียม

แต่จากข่าวลือที่เขาได้ยิน มันเป็นเพราะศรัทธาของเทียร์ร่าที่มีต่อเทพเจ้าแห่งเกม ทำให้พลเมืองของพวกเขาต่างหลงระเริงไปกับการเล่นเกมและการพนัน จนจิตใจของพวกเขาจึงเสื่อมโทรมและทำให้ทั้งอาณาจักรต้องอ่อนแอลง พวกเขาปล่อยให้อาณาจักรเพื่อนบ้านบุกรุกเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

ยิ่งไปกว่านั้น ความศรัทธาของพวกเขาที่มีต่อเทพเจ้าแห่งเกมก็ไร้ความหมาย ท้ายที่สุดเมืองหลวงของเทียร์ร่าที่ยาการันที่ 11 ยึดเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายก็ถูกถล่มลงในสงคราม

อาณาจักรที่เข้าร่วงสงครามได้ตัดแบ่งดินแดนของเทียร์ร่าออกเป็นหลายส่วน และการล่มสลายของเทียร์ร่าก็ได้กลายเป็นเครื่องเตือนใจของทุกคน ทุกอาณาจักรได้สั่งห้ามพลเมืองของพวกเขาทั้งหมด ไม่ให้อธิษฐานถึงเทพเจ้าแห่งเกม

ความจริงแล้วดินที่มาร์นี่และคนอื่น ๆ กำลังเหยียบอยู่ในตอนนี้ ก็เคยเป็นดินแดนของเทียร์ร่า ซึ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรที่ชนะสงคราม

ตอนนี้ ในความคิดของคนส่วนใหญ่ เทพเจ้าแห่งเกมไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากเทพเจ้าที่อ่อนแอ ไม่มีประโยชน์และไม่คุ้มค่าแก่การมอบศรัทธา

มีหลายคนที่เชื่อว่าเทพองค์นั้นถูกอุปโลกน์ขึ้นโดยยาการันที่ 11 และตัวตนของเทพเจ้าแห่งเกมนั้นก็ไม่เคยมีอยู่จริง

มาร์นี่เป็นฝ่ายที่เชื่อว่าเทพเจ้าแห่งเกมไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง เขาคิดว่าผีน้อยทั้ง 5 กำลังพยายามอำพรางตัวตนเมื่อพวกเขาเผยแพร่หลักคำสอน พวกเด็ก ๆ ไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยเทพเจ้าที่แท้จริงของพวกเขา

นั่นเพราะอิทธิพลของเทพเจ้าหลายองค์มักจะมีข้อบกพร่องบางอย่างอยู่ ทำให้นักบวชของพวกเขามีจุดอ่อนร้ายแรง นั่นจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะต้องระมัดระวังเมื่ออยู่ข้างนอก

แต่เด็ก ๆ ทั้ง 5 ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมจริง ๆ และยังคงขยันเผยแพร่หลักคำสอนในกองคาราวานอย่างไม่ลดล่ะ!

ตอนแรกมีผู้คุ้มกันหนึ่งหรือสองคนที่ไม่สามารถทนกับการหลอกล่อได้ พวกเขาสัญญาว่าจะเปลี่ยนใจไปเลื่อมใสในเทพเจ้าแห่งเกม และเริ่มสวดอ้อนวอนทุกวันเหมือนกับพวกเด็ก ๆ

มาร์นี่คิดว่าพวกเขาแค่ทำไปอย่างนั้นเองเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนเซ้าซี้ แต่สองวันถัดมา ผู้คุ้มกันเหล่านั้นก็กำลังเผยแพร่หลักคำสอนของเทพเจ้าแห่งเกมเช่นกัน!

ยิ่งไปกว่านั้น ผลการเผยแพร่หลักคำสอนส่วนใหญ่นั้นประสบความสำเร็จจริง ๆ ผู้คุ้มกันจำนวนมากกว่าครึ่งในกองคาราวานตอนนี้ ได้เปลี่ยนใจไปเลื่อมใสศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมแล้ว!

นอกจากนั้นมาร์นี่ยังได้สังเกตเห็นความแปลกประหลาด ที่เกิดขึ้นกับผู้คุ้มกันที่เปลี่ยนใจไปเลื่อมใสในเทพเจ้าแห่งเกม พวกเขาเลิกฝึกสมาธิกำหนดลมหายใจ และฝึกฝนการต่อสู้เหมือนทุกวันที่เคยทำมาตลอด

แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขากลายเป็นคนขี้เกียจหรอกนะ พวกเขายังเป็นผู้คุ้มกันคนเดิมที่จะกระโจนเข้าใส่ศัตรูทันทีที่เห็น และเมื่อใดก็ตามที่กองคาราวานวิ่งเข้าไปเจอสัตว์ประหลาด หรือสัตว์ร้ายที่กีดขวางเส้นทาง

ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ พวกเขาจะเริ่มโจมตีและไล่ล่าศัตรูไปไกลถึง 2-3 ไมล์อย่างไม่ลดละเพื่อฆ่าพวกมันให้จงได้

ทำให้ตอนนี้ไม่มีสัตว์ตัวใด กล้าที่จะปรากฏตัวต่อหน้ากองคาราวานเลย…

ตามที่กล่าวมา เหล่าสาวกใหม่ดูเหมือนจะได้เรียนรู้ภาษาลึกลับเช่นกัน พวกเขามักจะรวมกลุ่มกันเพื่อพูดคุยหรือโต้เถียงกันอย่างผิดปกติประมาณว่าว่า ‘เชี่ย เจ้าขโมยฆ่าตัวที่ข้าเล็งไว้!‘ ‘ฆ่าสัตว์ร้ายไม่ค่อยได้ EXP เลย ข้าไปทำเควสดีกว่า‘ หรือ ‘คลาสไหนดีกว่ากัน? ไม่เห็นต้องถาม ก็ต้องวอร์ริเออร์อยู่แล้ว‘

แถมมาร์นี่ยังบังเอิญได้ยินหนึ่งในผู้คุ้มกันที่เปลี่ยนใจไปเลื่อมใสศรัทธาเทพเจ้าแห่งเกม ละเมอพูดออกมาประมาณว่า เขาหวังว่าเผ่าก็อบลินจะกลับมาโจมตีขบวนอีกครั้ง…

เทพเช่นนี้จะเป็น ‘เทพเจ้าแห่งเกม‘ ไปได้ยังไง? เขาเป็นเทพเจ้าชั่วร้ายที่สามารถทำลายจิตใจของผู้คนได้!

ไม่เพียงแค่นั้น ผู้คุ้มกันบางคนก็ได้มาขอให้มาร์นี่สอนทักษะดาบของเขาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

แม้ว่ามาร์นี่จะเป็นพ่อค้า แต่เขาก็ได้พบกับสัตว์ร้ายมามากมายแม้กระทั่งสัตว์ประหลาดเขาก็เคยเจอ พ่อค้าอย่างเขาที่เดินทางไปทั่วควรมีทักษะหนึ่งหรือสองอย่างติดตัวนอกเหนือจากความกล้าหาญ

แม้ว่าความสามารถของมาร์นี่ จะเทียบไม่ได้กับหัวหน้าผู้คุ้มกันขบวน แต่เขาก็สืบทอดทักษะดาบมาจากครอบครัวของเขา

ถึงจะบอกว่ามันเป็นมรดกตกทอด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทักษะดาบธรรมดา ที่ปรับปรุงมาจากวิถีดาบที่บรรพบุรุษของเขาหล่อหลอมมาจากการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน มันไม่ได้เป็นความลับอะไร และปู่ของเขาก็หวังว่าทักษะนี้จะสามารถแพร่กระจายออกไปได้อย่างกว้างขวาง ด้วยเหตุนี้ มาร์นี่จึงสอนมันให้กับหัวหน้าผู้คุ้มกันเมื่อพวกเขาประมือกันครั้งก่อน

จากนั้นปรากฏว่าหัวหน้าผู้คุ้มกันที่เขาฝากความหวังไว้ ก็ได้ถูกล้างสมอง และกลายเป็นสาวกของเทพเจ้าแห่งเกมไปอีกคนในวันที่ 4

อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากที่เขาเปลี่ยนศาสนา ทันใดนั้นเขาก็บอกสาวกคนอื่น ๆ ของเทพเจ้าแห่งเกมว่า ทักษะดาบของมาร์นี่•วิลฟ์ สามารถใช้แต้มทักษะเรียนรู้ได้

และด้วยเหตุนี้ ผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ จึงเข้าหาเขาเพื่อขอเรียนรู้ทักษะดาบจากเขา…

นั่นมันก็ดี แต่ที่น่ารำคาญยิ่งกว่าก็คือ เมื่อเขาแสดงทักษะดาบของเขาให้ดู พวกผู้คุ้มกันก็จะพยักหน้าและบอกว่าพวกเขาเข้าใจแล้ว จากนั้นพวกเขาจะร่ายทักษะดาบที่เชี่ยวชาญและทรงพลังกว่าที่เขาแสดงให้ดูออกมาทันที…

ถ้ามาร์นี่ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่เคยเรียนรู้มันมาก่อน เขาคงจะคิดว่าเขากำลังถูกหลอก

พวกเขามักจะพยายามเผยแพร่หลักคำสอนให้มาร์นี่ แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธกลับไปทุกครั้ง

“ข้าขอตายดีกว่าที่จะเลิกนับถือเทพธิดาแห่งความรุ่งเรือง!”

มาร์นี่ถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เขากัดอาหารแห้ง 2 คำ ก่อนจะลุกขึ้นจากพื้นพร้อมที่จะเดินทางต่อ

ตามแผน พวกเขาจะสามารถออกจากป่าและไปถึงเมืองบ่อเกลือ ซึ่งเป็นเมืองปลายทางได้ในอีก 2 วัน

ในตอนนั้นเอง ผู้คุ้มกันคนหนึ่งที่พึ่งเปลี่ยนใจไปเลื่อมใสในเทพเจ้าแห่งเกมเมื่อวาน ก็เดินเข้ามาหาเขา

“เจ้าต้องการเรียนรู้ทักษะดาบของข้าด้วยรึ?” มาร์นี่ชักดาบออกมาอย่างมีความสุข เขาพร้อมสำหรับการสาธิต

“อ่าไม่เป็นไร ท่านเอ็ดเวิร์ดเพิ่งทำการทดลองไปเมื่อไม่นานมานี้ เขาบอกว่าทักษะดาบระดับ 2 ของท่าน เทียบไม่ได้กับทักษะดาบผ่าปฐพีระดับ 1 ที่เป็นทักษะดาบพื้นฐานของเรา…”

“…” มาร์นี่พูดไม่ออก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปหลากหลายรูปแบบ “มันยากไหมที่จะเรียนรู้ทักษะดาบผ่าปฐพี” เขาถาม

“ไม่เลย ข้อกำหนดคือเลเวล 3 ข้าก็พึ่งเรียนมันไปเมื่อวานนี้” ผู้คุ้มกันตอบ

มาร์นี่เงียบไปนาน ในที่สุดเขาก็พูดออกมาอย่างยากลำบากว่า “ตอนนี้ข้ายังสามารถเปลี่ยนไปเป็นสาวกของเทพเจ้าแห่งเกมได้อยู่ไหม…”

——————————————————————————

ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games

ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games

Status: Ongoing

นี่คือเรื่องราวของมนุษย์ธรรรมดาผู้ซึ่งได้ข้ามโลกมาเป็นเทพเจ้าชั้นสามที่กำลังจะตาย เขาได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรวบรวมเหล่าผู้ศรัทธา และก่อให้เกิดมหาสงครามเทพเจ้าครั้งที่สี่ในที่สุด

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องเทพเจ้าแห่งเกมไหม?” “เทพเจ้าแห่งเกม…?” เอลีน่าส่ายหัวด้วยความสงสัย “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพระองค์…” “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเทพเจ้าแห่งเกม สามารถมอบพลังให้เจ้าเอาชนะศัตรูตรงหน้าเจ้าได้” ซีเว่ยเกลี้ยกล่อมเธออย่างอดทน เอลีน่านิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาอย่างแน่วแน่ และจ้องมองไปที่ซีเว่ย “ถ้าอย่างนั้น ข้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม!” “ความศรัทธาไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถมีได้ด้วยปากเจ้า จงหลับตาและจินตนาการถึงพระนามของพระองค์ในใจเจ้า และสัมผัสถึงพลังของพระองค์ด้วยหัวใจของเจ้า” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท