ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games – ตอนที่ 9

ตอนที่ 9

เมืองนอกหุบเขาแห่งความตายที่น่าเศร้า ไม่ใช่สถานที่ที่เขาสุ่มเลือกขึ้นมา แต่เป็นสถานที่ที่เขาเลือกหลังจากวางแผนมาแล้วอย่างดี

หมู่บ้านเคนนิงตันอยู่ห่างไกลเกินไปและป่ารอบ ๆ ก็มีเพียงสัตว์ป่าธรรมดา มันไม่ใช่สถานที่ที่ดีสำหรับผู้เล่นในการฟาร์มเลเวล

เนื่องจากการมีอยู่ของเทพเจ้า จึงมีโบสถ์และวิหารมากมายถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่พวกเขา และสถานเหล่านั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า มันมีพลังเสมือนเป็นม่านบังตาสำหรับเทพเจ้าองค์อื่น ๆ หากซีเว่ยไม่มีสาวกของเขาอยู่ในนั้น เขาก็จะไม่สามารถมองเห็นสถานที่เหล่านั้นโดยใช้ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ได้

และสถานที่ที่ไม่ได้รับการปกป้องด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าองค์อื่น ก็มักจะยากไร้ อันตราย และไม่เหมาะจะให้ผู้คนอยู่อาศัย แต่มันจะกลายเป็นหมู่บ้านเริ่มต้นสำหรับเหล่าสาวกของเขาที่สมบูรณ์แบบ

อย่างไรก็ตามซีเว่ยใช้เวลาพอสมควรในการค้นหาสถานที่ที่ค่อนข้างดี 2-3 แห่ง

หุบเขาแห่งความตายที่น่าเศร้าถือเป็นหนึ่งในนั้น

ในโลกที่เต็มไปด้วยเทพเจ้า สงครามเทพเจ้าเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่ซีเว่ยยังไม่รู้รายละเอียดมากนัก เนื่องจากในเวลานั้นเทพเจ้าแห่งเกมยังไม่เกิด แต่จากร่องรอยที่คลุมเครือ ซึ่งเหลือทิ้งไว้ในความทรงจำเทพเจ้าของเขา ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนจะมีหลายอาณาจักรที่เกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนั้น

มันเป็นสงครามที่เกือบจะรีเซ็ตโลกทั้งใบ และทำให้ตรีเอกานุภาพแห่งการสรรค์สร้างต้องแยกอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าออกจากโลก และห้ามเทพเจ้าเข้าไปยังแดนมรรตัย

ในฐานะสะพานเชื่อมระหว่างทวีปตะวันออกและทวีปตะวันตก หุบเขาแห่งความตายที่น่าเศร้า ซึ่งทอดยาวหลายร้อยกิโลเมตร จึงเป็นหนึ่งในเขตสงครามหลักของสงครามเทพเจ้า ที่นี่ราชาแห่งความตายฮาเดส ได้สังหารเทพแห่งความตายยุคบรรพกาล และขโมยพลังของเขาไปยังโลกใต้พิภพ

เมื่อเทพแห่งความตายยุคบรรพกาลสิ้นลง เขาก็ได้ปล่อยพลังแห่งความตายจำนวนมากออกมาเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตเกือบครึ่งโลก

หนึ่งพันปีต่อมา พลังแห่งความตายยังคงเอ่อล้นออกมาจากหุบเขาแห่งความตาย และเปลี่ยนหุบเขานี้ให้กลายเป็นดินแดนต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด และมันก็ได้ตัดแยกทวีปสองทวีปออกจากกันอย่างสิ้นเชิง

ซีเว่ยไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ผู้เล่นท้าทายซากศพของเทพเจ้ายุคดึกดำบรรพ์เหล่านั้นตั้งแต่ต้น แต่เนื่องจากพลังแห่งความตายเข้มข้นที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศมานานนับพันปี มันจึงได้ก่อตัวกลายเป็นไมแอชม่า(miasma)* สิ่งนี้ทำให้มีเหล่าเรฟเวแนนท์(revenants)*มากมายนับล้านปรากฏอยู่ทั่วทั้งหุบเขา แม้กระทั่งพื้นที่ชายขอบนอกไมแอชม่า ก็ยังมีพวกมันปรากฏขึ้นเป็นระยะ

(ไมแอชม่า(miasma) บรรยากาศที่เป็นพิษ ปกคลุมไปด้วยอำนาจมืด หรือมีอิทธิพลชั่วร้าย)

(เรฟเวแนนท์(revenants)* ผู้หวนคืน ผี วิญญาณที่ลุกขึ้นมาจากความตาย)

จำนวนของเรฟเวแนนท์ยังคงเพิ่มขึ้นทุกวัน และด้วยความเกลียดชังตามธรรมชาติที่พวกมันมีต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ยังมีลมหายใจ ทำให้พวกมันออกจากหุบเขาแห่งความตายโดยสัญชาตญาณ พวกมันมักจะรวมตัวกันเป็นฝูง และบุกเข้าทำลายหมู่บ้าน หรือเมืองของมนุษย์ที่อยู่โดยรอบเป็นประจำ

ทุก ๆ ปีจักรวรรดิจะใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อจัดกองทัพทำลายล้างเรฟเวแนนท์เหล่านี้ ไม่ใช่ว่าจักรวรรดิไม่ต้องการแก้ปัญหาที่ต้นตอ แต่พวกเขาไม่มีเทพจารีต*ที่มีอิทธิพลเหนือความตาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

(เทพจารีต คือเทพเจ้าที่คนในทวีปยอมรับ เทพที่นอกเหนือจากนั้น เช่นซีเว่ยที่เป็นเทพเจ้าแห่งเกมที่ถูกแบนจากคนหลายอาณาจักร ถือเป็นเทพนอกรีต)

แม้ว่าเหล่าเทพจะทุ่มพลังศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากเพื่อสร้างเครื่องรางป้องกันให้กับเหล่าสาวก แต่มันก็สามารถใช้ปกป้องพวกเขาได้เพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น ซึ่งการส่งคนจำนวนนี้บุกเข้าไปในไมแอชม่าที่เต็มไปด้วยเรฟเวแนนท์ทุกซอกหลืบของหุบเขา ก็มันไม่มีประโยชน์เลย

แถมราชาแห่งความตายเฮเดสก็เป็นพวกชอบเก็บตัว เขาเป็นเทพเจ้าที่หาตัวเจอได้ยากมาก และเขาก็ไม่เคยพูดคุยกับเทพเจ้าองค์อื่น ๆ เลย ไม่มีทางที่เขาจะสนใจปัญหานี้แน่

หุบเขาแห่งความตายที่น่าเศร้า จึงสามารถคงอยู่ในทวีปนี้ต่อไปได้ด้วยประการฉะนี้

นักบวชจากศาสนจักรสีขาวอันสว่างไสวได้ทำนายว่าไมแอชม่าจะสลายไปเองในสามถึงสี่พันปี…และนั่นคือถ้าพวกเขาโชคดี

ดินแดนแห่งนี้ถูกเทพเจ้าองค์อื่น ๆ มองว่าเป็นพิษและถูกทอดทิ้ง แต่มันได้กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับซีเว่ยในการตั้งหมู่บ้านเริ่มต้นของเขา จำนวนสัตว์ประหลาดไม่จำกัด จำนวนทรัพยากรที่ไม่มีที่สิ้นสุด และไม่ต้องกังวลว่าการฆ่ามากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของโลก แถมเรฟเวแนนท์ของที่นี่ยังมีระดับความแข็งแกร่งเป็นขั้น ๆ ไปด้วย โดยเริ่มตั้งแต่พวกโครงกระดูก ซอมบี้ ไปจนถึงดูลาฮาน และมังกรซอมบี้ที่อยู่ลึกเข้าไปในใจกลางของหุบเขา ซึ่งนั่นหมายความว่า ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ กลุ่มสัตว์ประหลาดก็จะยิ่งอุดมสมบูรณ์และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ! เขาไม่ต้องกังวลว่าผู้เล่นจะหาที่อัพเลเวลไม่ได้เมื่อเลเวลพวกเขาสูงขึ้น

แถมเขาอาจจะเจอแจ็คพอตที่นี่ เนื่องจากหุบเขาแห่งความตายเป็นเขตสงครามหลักของเทพเจ้า บางทีอาจจะมีของล้ำค่าอยู่ในนั้น! (เช่นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ หรือชิ้นส่วนความเป็นพระเจ้าของเหล่าเทพ)

แม้จะไม่เหลือของมีค่าแบบนั้นอยู่ แต่อย่างน้อยก็ต้องมีซากศพของเทพบรรพกาลเหลืออยู่แน่! หากผู้เล่นสามารถหามันเจอและสังเวยมันให้เขา เขาก็จะยกระดับความเป็นพระเจ้าของเขาได้อย่างแน่นอน!

“แต่ก่อนหน้านั้น ฉันต้องเตรียมการบางอย่างก่อน” เขาบ่นกับตัวเอง “ถ้าเด็ก ๆ พวกนั้นเดินทางมาถึงและได้เจอแต่ความว่างเปล่า ฉันก็เสียศักดิ์ศรีในฐานะที่เป็นเทพเจ้าของพวกเขาหมด”

แองโกร่า•เฟาสต์ เป็นบุตรชายคนที่สามของดยุคอินทรีเงินฮอร์รัน•เฟาสต์ ในฐานะลูกคนสุดท้องของครอบครัว เขาไม่มีความหวังที่จะสืบทอดตำแหน่งของครอบครัวอย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นดยุคผู้เป็นพ่อ ก็ไม่มีแผนจะปล่อยให้ลูกของเขาที่มีสายเลือดชนชั้นสูงกลายเป็นสามัญชนที่ต่ำต้อย

อย่างไรก็ตามแองโกร่าไม่มีความสามารถในการต่อสู้เลย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเป็นอัศวินและคว้าศักดิ์ศรีให้กับตัวเองในสนามรบได้

แม้ว่าเขาจะศรัทธาเทพแห่งสงคราม ‘คราตอส’ เช่นเดียวกับพ่อของเขา แต่เขาก็เป็นเพียงผู้ศรัทธาที่ตื้นเขินเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถแม้แต่จะใช้ ‘ปราณต่อสู้’ ได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเป็นนักบวชในวิหารแห่งความรุ่งโรจน์ได้เช่นกัน

เมื่อแองโกร่าเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ พี่ชายคนที่สองที่ไม่ชอบขี้หน้าเขา ก็ได้ปลุกพลังปราณต่อสู้ขึ้นมาได้

โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากมาย พี่ชายคนที่สองก็ได้ตบเขาลงกับพื้น แองโกร่าไม่มีแม้แต่แรงที่จะสู้กลับ ความภาคภูมิใจของเขาถูกทำลาย และนั่นก็เป็นฟางเส้นสุดท้ายของเขา เขาได้สูญเสียศรัทธาในคราตอสไปหมดแล้วและกลายเป็นผู้ไร้ศรัทธา

โชคดีที่ดยุคปฏิบัติต่อทายาทของเขาอย่างดีพอสมควร หลังจากที่เขาตระหนักว่าแองโกร่าไม่มีความสามารถใด ๆ เขาจึงจ่ายเงินเพียงเล็กน้อยซื้อศักดินาจากอาณาจักร เพื่อให้แองโกร่าได้รับตำแหน่งบารอนพร้อมที่ดินในหมู่บ้านห่างไกล

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ นอกประตูสีม่วงที่ทุกคนหวาดกลัว แต่อย่างน้อยเขาก็ยังได้เป็นขุนนาง ตามคำพูดของดยุคผู้เป็นพ่อ “การเป็นขุนนางในสถานที่อันตราย ยังดีกว่าการเป็นสามัญชนที่ต่ำต้อย”

ในรถม้าที่สั่นไหวไปตามพื้นถนนที่ขรุขระ แองโกร่ารู้สึกว่าอนาคตของเขาช่างมืดมนนัก

ตามรายงาน ทุกปีจะมีพวกเรฟเวแนนท์บุกเข้าโจมตีหมู่บ้านและเมืองของมนุษย์ที่อยู่บริเวณโดยรอบหุบเขาแห่งความตายที่น่าเศร้า และภายใต้สถานการณ์เหล่านั้น เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะปลอดภัยกว่าชาวบ้านทั่วไปรอบตัวเขานักหรอก

ในขณะที่เขายังคงกังวลเกี่ยวกับอนาคต สารถีสูงวัยก็ร้องอุทานขึ้นมาว่า “โจร! มีโจรอยู่ที่นี่! นายน้อยรีบ…อ๊ากกก!”

ตอนนี้เสียงกรีดร้องโหยหวนของสารถีผู้ซื่อสัตย์เงียบหายไปแล้ว ร่างกายของแองโกร่าสั่นด้วยความกลัว นี่เขาต้องตายก่อนที่จะไปถึงศักดินาของเขางั้นรึ?

‘พระเจ้า…หากท่านมีอยู่จริง โปรดเมตตามอบความหวังแก่ข้าด้วย แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ยังดี…’ เขาสวดวิงวอนอย่างสิ้นหวัง

และตอนนั้นเอง…

<ติ้ง! เจ้าได้เปิดใช้งานระบบ Overlord แล้ว!>

—————————————————–

ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games

ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games

Status: Ongoing

นี่คือเรื่องราวของมนุษย์ธรรรมดาผู้ซึ่งได้ข้ามโลกมาเป็นเทพเจ้าชั้นสามที่กำลังจะตาย เขาได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรวบรวมเหล่าผู้ศรัทธา และก่อให้เกิดมหาสงครามเทพเจ้าครั้งที่สี่ในที่สุด

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องเทพเจ้าแห่งเกมไหม?” “เทพเจ้าแห่งเกม…?” เอลีน่าส่ายหัวด้วยความสงสัย “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพระองค์…” “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเทพเจ้าแห่งเกม สามารถมอบพลังให้เจ้าเอาชนะศัตรูตรงหน้าเจ้าได้” ซีเว่ยเกลี้ยกล่อมเธออย่างอดทน เอลีน่านิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาอย่างแน่วแน่ และจ้องมองไปที่ซีเว่ย “ถ้าอย่างนั้น ข้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม!” “ความศรัทธาไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถมีได้ด้วยปากเจ้า จงหลับตาและจินตนาการถึงพระนามของพระองค์ในใจเจ้า และสัมผัสถึงพลังของพระองค์ด้วยหัวใจของเจ้า” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท