เมื่อพวกเขามาถึงหน้าผาก็ไม่เห็นใครแล้ว
“ดีจริง ๆ เราล้มเหลว”
โจพาดดาบใหญ่ไว้บนบ่าและพูดด้วยความเสียใจ “มันหนีไปแล้ว”
คล็อกกาโตว์ผู้ที่วิ่งเร็วที่สุดในหมู่มนุษย์กบไม่สามารถไล่ตามปาร์ตี้ของเอ็ดเวิร์ดได้ทัน เขาหอบก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเขากำลังจะแห้งในอีกไม่กี่อึดใจ
จากนั้นเขาก็มองไปที่โจที่ไม่มีอาการอ่อนเพลียอะไรเลยและเริ่มสงสัยตัวเอง เขาเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเผ่ามนุษย์กบ แต่เขาเทียบไม่ได้กับมนุษย์ที่กำลังจะตาย?
และจากที่เขาได้ยินคนพวกนี้พูดกัน มนุษย์ที่ชื่อว่าโจคนนี้เพิ่งจะกลายเป็นนักรบได้ไม่นาน…มนุษย์พวกนี้เป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกัน!
“ไม่มีร่องรอยการหลบหนีบนพื้น ถ้างั้น…” เอ็ดเวิร์ดมองไปที่โกวต้าน
โกวต้านรู้ทันทีว่าเพื่อนต้องการให้เขาทำอะไร เขานั่งยอง ๆ และเริ่มหยิบลูกแก้วขนาดเท่าลูกปิงปองออกมา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็ปิดหูตัวเองทันที นั่นทำให้คล็อกกาโตว์งุงงน
จากนั้นโกวต้านก็ฟาดลูกแก้วในมือลงไปที่พื้น
ทันใดนั้นเสียง ตูม! ที่ทำให้หูแทบหนวกก็ดังออกมาขณะที่ลูกแก้วระเบิด เสียงนั้นดังมากจนคนทั้งปาร์ตี้เห็นคลื่นเสียงสั่นสะเทือนในอากาศ
ทักษะนี้เรียกว่า ‘ลูกแก้วคลื่นเสียง’ ที่เป็นส่วนหนึ่งของทักษะ ‘ร้อยล่า’ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของคลาสเรนเจอร์ ทักษะนี้เป็นทักษะที่ใช้สร้างไอเทมเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์การล่าที่แตกต่างกัน และนอกเหนือจาก ‘ลูกแก้วคลื่นเสียง’ แล้วก็ยังมี ลูกแก้วพลางตัว ลูกแก้วระเบิดตด ลูกแก้วระเบิดแสง และอื่น ๆ อีกมากมาย
เนื่องจากเรนเจอร์สามารถสร้างวัตถุระเบิดและกับดักได้ ผู้เล่นจากคลาสอื่น ๆ จึงเรียกทักษะนี้ว่า ‘กระเป๋ามิติของเรนเจอร์’ (ผู้เล่นไม่มีคลังเก็บไอเทมเลยต้องพกอุปกรณ์ต่าง ๆ ติดตัวไปมา เพราะซีเว่ยไม่สามารถสร้างคลังเก็บของจากอากาศบาง ๆ ได้)
นอกจากมันจะใช้ดึงดูดความสนใจจากศัตรูในระยะไกลได้แล้ว มันยังมอบสถานะช็อคกับใครก็ตามที่ไม่ทันตั้งตัว และยังสามารถกำจัดไส้เดือนในดินได้…
ตอนนี้ดูเหมือนว่าทักษะจะใช้ได้ผลดีทีเดียว เพราะนอกจากคล็อกกาโตว์ที่ช็อคจนล้มลงกับพื้นเหมือนกบตัวใหญ่แล้ว ยังมีผู้ชายอีกคนโผล่ออกมาจากใต้ดิน!
นักเวทจากชุมนุมลับดวงตาดูเหมือนจะใช้เวทมนตร์บางอย่างทำให้ดินกลายสภาพเป็นของเหลว ซึ่งเขาสามารถแอบเข้าไปและซ่อนตัวอยู่ในนั้นได้
น่าเสียดายที่แผนการของเขาถูกทำลายโดยโกวต้านด้วย ‘ลูกแก้วคลื่นเสียง’ ที่ทรงพลัง เขาตกใจมากจนไม่สามารถคงสภาพเวทมนตร์ได้ ทำให้ร่างกายของเขาครึ่งหนึ่งติดอยู่ใต้ดิน
“เอ่อ…” เมื่อมองไปยังผู้เล่นที่กำลังก้าวมาหาเขาด้วยแววตาชั่วร้าย อัลเบิร์ตก็เหงื่อแตกและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ตอนนี้สายไปรึเปล่าที่ข้าจะยอมจำนน?”
เนื่องจากพวกเขาต้องการข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากอัลเบิร์ต เอ็ดเวิร์ดและปาร์ตี้จึงไม่ได้ฆ่าอัลเบิร์ตทันที
อย่างที่คิด เมื่อพวกเขาพบศัตรูและลากเขาขึ้นมาจากพื้นเพียงครู่เดียว ระบบก็ตัดสินว่าพวกเขาประสบความสำเร็จ ขั้นแรกของเควสผู้พิทักษ์มนุษย์กบเสร็จสมบูรณ์และเริ่มเควสต่อเนื่องทันที
ขั้นที่สองของเควสนั้นง่ายมาก พวกเขาแค่ต้องกลับไปขอความช่วยเหลือจากผู้เล่นที่หมู่บ้านเริ่มต้น เมื่ออัลเบิร์ตจอมเวทย์ผู้แข็งแกร่งล้มเหลวในการกลับไปรายงานสมาคม สมาคมจะต้องส่งกำลังพลมาโจมตีหมู่บ้านมนุษย์กบอีกครั้งแน่ และครั้งนี้พวกมันต้องใช้ทรัพยากรทั้งหมดของสาขาจักรวรรดิวัลลาเพื่อบุกโจมตีหมู่บ้าน
ปกติแล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้ ที่จะป้องกันการโจมตีระลอกต่อไปจากชุมนุมลับดวงตาด้วยผู้เล่นเพียง 6 คนและมนุษย์กบที่ไร้ความสามารถ
ผู้เล่นที่มาถึงหมู่บ้านมนุษย์กบและเข้าร่วมการป้องกันจะได้รับรางวัลเท่ากันหมดทุกคน
ทั้งปาร์ตี้เริ่มรวมหัวกัน พวกเขาคุยกันว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี
“จากที่นี่เราใช้เวลาไปกลับเมืองไร้ชื่อประมาณ 1 วัน เราไม่รู้ว่าชุมนุมลับดวงตาจะบุกเข้ามาอีกครั้งเมื่อไหร่…” เอ็ดเวิร์ดวิเคราะห์อย่างใจเย็น “ถ้าเรากลับมาไม่ทัน หมู่บ้านจะต้องถูกทำลายแน่ ดังนั้นพวกเราส่วนใหญ่จะต้องรั้งอยู่ที่นี่ และส่งคนไปขอความช่วยเหลือ”
“ให้ข้าทำ ข้าจะรีบออกเดินทางทันที!” วีลารับเควสนี้โดยไม่ลังเล “ข้าอ่อนแอที่สุด หากข้าอยู่ข้าก็คงช่วยเหลือพวกเจ้าไม่ได้มากนัก ฝากเควสนี้ไว้กับข้า!”
เมื่อไม่นานมานี้เมืองไร้ชื่อได้ถูกโจมตีโดยเหล่าเรเวแนนท์ ในเวลานั้นวีลายังไม่ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม วีลายังคงไม่ลืมความหวังที่เบ่งบานในหัวใจของเธอ เมื่อได้เห็นผู้เล่นเข้ามาช่วยเหลือพวกเธอในวันที่เธอสิ้นหวังที่สุด
และในตอนนี้ ก็ได้เวลาแล้วที่เธอจะสร้างความหวังให้กับหมู่บ้านมนุษย์กบ
“ได้” เอ็ดเวิร์ดพยักหน้า วีลาจึงออกเดินทางไปยังเมืองไร้ชื่อทันที
“ข้ามีแผน” หลังจากที่วีลาจากไป เอ็ดเวิร์ดก็ปรึกษากับผู้เล่นคนอื่น ๆ ต่อ
“แผนอะไร” เจสสิก้าถามอย่างสงสัย
“ทำให้มนุษย์กบศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม และเปลี่ยนพวกเขาเป็นผู้เล่น”
ข้อเสนอนี้ทำให้คนอื่น ๆ มองหน้ากันด้วยความสงสัย
“นี่มันยากไปรึเปล่า” โกวต้านถามอย่างไม่แน่ใจ “พวกมนุษย์กบมีเทพเจ้าที่พวกเขาศรัทธาแน่ ๆ ไม่งั้นทำไมพวกเขาถึงบูชาเอลีน่าเหมือนว่าเธอเป็นคนที่เทพของพวกเขาส่งมา”
“เราก็แค่ให้เอลีน่าบอกพวกเขาว่าเทพของพวกเขาเปลี่ยนชื่อ!” เอ็ดเวิร์ดพูดต่ออย่างไม่ลังเล “เทพองค์นั้นไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเขาเลย มันดีกว่าที่พวกเขาจะศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม!”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดเสริมว่า “แถม เรายังจะได้รางวัลจากเควสถาวรและได้ EXP เพิ่ม…”
โกวต้านและเจสสิก้า “…”
เฮ้ นั่นคือเหตุผลที่แท้จริงของเจ้าสินะ!
อีกด้าน โจรู้สึกว่ามันยากที่ตามบทสนทนาของคนอื่น ๆ เพราะเขาเป็นคนไม่ฉลาด เขาจึงนั่งกินปลาเค็มย่างอยู่ข้าง ๆ
แม้ว่าปลาเค็มที่ทำโดยมนุษย์กบจะดูน่าเกลียด แต่เนื่องจากพวกเขาอาศัยอยู่ริมทะเล วัตถุดิบที่ใช้จึงสดและส่งผลให้ปลาเค็มมีรสชาติอร่อย
“นักรบ เจ้ายังกินได้อยู่รึ…?”
คล็อกกาโตว์เดินเตาะแตะไปนั่งข้าง ๆ โจ เขามองดูชายหนุ่มที่กำลังกินปลาเค็มอย่างสบายใจด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
โจที่ไม่รู้ว่าความเข้าใจผิดยังไม่ได้รับการแก้ไข เขาคิดว่ามนุษย์กบไม่หิวเพราะกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง
“ทำไมจะกินไม่ได้ล่ะ? เวลาแบบนี้คือเวลาที่เจ้าต้องเติมท้องของเจ้าให้เต็ม!” โจมีความเชื่อมั่นที่จะไม่ต่อสู้ขณะท้องว่าง
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าคงไม่อยากจากไปตอนท้องว่าง…” คล็อกกาโตว์จ้องโจอย่างสงสาร นั่นทำให้โจรู้สึกอึดอัด “เจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?”
โจถึงกับอึ้งไป นี่ระบบไม่ได้บอกว่าผู้เล่นเป็นพันธมิตรกับมนุษย์กบเหรอ? ทำไมหมอนี่ถึงอยากให้เขาตายมากขนาดนี้?
แต่แล้วเขาก็หาเหตุผลให้ตัวเองได้ ภาษาชูโมเนียนของคล็อกกาโตว์คงจะไม่ค่อยแข็งแรง เขาอาจจะพูดผิด บางทีเขาอาจถามว่ามนุษย์จะมีอายุยืนยาวแค่ไหนสินะ?
“น่าจะ 60 หรือ 70 ปีล่ะมั้ง?” โจตอบแบบสบาย ๆ
“เจ้าคนผิวแห้ง…มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีก 60 ปีจริงหรือ!” คล็อกกาโตว์ตกตะลึง
“เมื่อก่อนก็น่าจะประมาณ 30-40 ปี แต่ตอนนี้ข้าศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมแล้ว ชีวิตของข้าเลยน่าจะยืนยาวขึ้น…” โจถอนหายใจ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็สามารถมีภรรยาและลูกได้!” คล็อกกาโตว์อุทาน “มนุษย์สามารถอยู่ได้นานหลังจากที่ตายแล้วรึ?”
“แน่นอน และอาจอยู่ได้นานจนเห็นหลานด้วย!” โจไม่รู้ว่าคำพูดครึ่งหลังของคล็อกกาโตว์หมายถึงอะไร แต่เขาก็ยังพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ
คล็อกกาโตว์นั่งอึ้งอยู่นาน ก่อนที่เขาจะพูดออกมาได้ในที่สุด…
“มนุษย์ เจ้ายอดเยี่ยมมาก…”