เมื่อมีผู้เล่นเข้ามามากขึ้น หมู่บ้านมนุษย์กบก็แออัดมาก
เนื่องจากมีเอลีน่าและหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ ทำให้มนุษย์กบสงบลง พวกเขาเฝ้าดูผู้เล่นวิ่งไปรอบ ๆ หมู่บ้านด้วยความอยากรู้เอยากเห็น บางครั้งพวกเขาก็เห็นผู้เล่นบางคนขุดหาสมบัติในทะเล แต่คนพวกนี้ก็ไปได้ไม่ไกลก่อนจะถูกสัตว์ประหลาดในทะเลโผล่ออกมาจับกิน
ถ้าไม่ใช่เพราะอากาศหนาวจัดและมีหิมะหนา ๆ กองอยู่บนพื้น ผู้เล่นอาจเปลี่ยนชายหาดให้กลายเป็นแหล่งขุดค้นทางโบราณคดี เพื่อดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีปูสักตัวเดียวหนีรอดไปได้
ไม่ใช่ว่ามนุษย์กบไม่เคยเห็นมนุษย์มาก่อน แต่ผู้เล่นเหล่านี้แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างมาก
พวกเขาจะไปตายอย่างกระตือรือร้นได้ยังไง? ทำไมพวกเขาถึงอยากฆ่าตัวตายด้วยวิธีการพิสดารเหล่านี้? พวกมนุษย์กบไม่รู้และไม่กล้าถาม พวกเขาได้แต่ปล่อยให้ผู้เล่นทำตามที่พวกเขาพอใจ
ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะซีเว่ยได้กำหนดให้มนุษย์กบกลายเป็นพันธมิตรล่วงหน้า ให้ผู้เล่นไม่สามารถโจมตีพวกเขาได้…ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้เล่นบางคนอาจกำลังหาวิธีทดสอบพวกเขา และปักมีดของพวกเขาบนหัวมนุษย์กบผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
โชคดีที่การมาถึงของเจ้าหญิงลีอา ทำให้การแสดงตลกต่าง ๆ ของผู้เล่นยุติลง
เนื่องจากพวกเขาจำได้ว่าเธอเป็น NPC ผู้ออกเควสกิจกรรมครั้งที่แล้ว และจำท่าทางที่งดงามของเธอในตอนท้ายของกิจกรรมได้ เจ้าหญิงจึงได้รับความเคารพในหมู่ผู้เล่นที่มีประสบการณ์ และผู้ลี้ภัยที่มาใหม่ก็อยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้เล่นที่มีประสบการณ์เหล่านี้ พวกเขาจึงได้รับอิทธิพลมาด้วยไม่มากก็น้อย คำพูดของเธอจึงมีน้ำหนักมากในใจของผู้เล่น
ตรงกันข้ามกับแองโกร่าที่ไม่เคยมีอิทธิพลเช่นนี้กับผู้เล่น เขาเกือบจะน้ำตาไหล เขาอยู่ที่นั่นตลอด นำพวกเขา ฝึกฝนพวกเขา…เขาทำทุกอย่าง แต่เทียบอะไรกับเธอไม่ได้เลย! บ้าเอ้ย!
หลังจากที่ผู้เล่นสงบลงแล้ว เอ็ดเวิร์ดก็แนะนำเจ้าหญิงลีอาให้กับหัวหน้าหมู่บ้านมนุษย์กบ
แน่นอนว่าผู้เล่นหลายคนได้สังเกตเห็นเผ่ามนุษย์กบที่หน้าตาแปลกประหลาดเหล่านี้แล้ว ผู้เล่นที่กล้าหาญบางคนอยากจะลองสำรวจพวกมนุษย์กบ แต่ก็ถูกเอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ ไล่พวกเขาออกไปไม่ให้มายุ่งวุ่นวายใกล้ ๆ พวกกบ
“สวัสดีท่านผู้เฒ่า ข้าคือลีอา•ยาการัน เจ้าหญิงแห่งเทียร์ร่า”
หลังจากที่คุณปู่นายทะเบียนซึ่งเคยรับงานเสริมอย่างการสอนมารยาท ก้าวเข้ามาเพื่อสั่งสอนเจ้าหญิงลีอาถึงมารยาทที่เหมาะสมในฐานะสตรีสูงศักดิ์จากเทียร์ร่า หลังจากที่เธอได้พบกับผู้นำเผ่าอื่น เธอจึงหยิบมารยาทของราชวงศ์ออกมาใช้
“ยินดีต้อนรับเจ้าหญิงมนุษย์ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับท่านในสถานที่ที่แห้งแล้งเช่นนี้” หัวหน้าหมู่บ้านมนุษย์กบพูดช้า ๆ “ที่นี่ไม่มีหญ้าสักต้นมาต้อนรับท่าน หมู่บ้านของเราแห้งแล้งจริง ๆ ฮ่าฮ่า…” หัวหน้าหมู่บ้านมนุษย์กบหัวเราะเบา ๆ
ลีอาทำได้เพียงยิ้มอย่างสุภาพ “ก็มันเป็นหาดทรายนี่คะ”
หัวหน้าหมู่บ้านพูดหลายอย่าง แต่เนื้อหาที่เขาพูดส่วนใหญ่จะไร้ความหมาย
หากชายชรา…กบชรา ยังคงยังพูดต่อไปเช่นนี้ พวกเขาก็คงคุยกันไม่จบก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
ดังนั้นเด็กสาวจึงเป็นฝ่ายเริ่มพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา “ข้าอาจจะหยาบคายเล็กน้อยและทำให้ท่านไม่พอใจ แต่ข้าต้องรู้ ว่าทำไมท่านถึงเลือกที่จะสู้กับกับศัตรูที่ไม่มีทางชนะอย่างสิ้นหวังอยู่ที่นี่ แทนที่จะละทิ้งชายหาดแห่งนี้ไป”
ชายฝั่งทะเลของเกรย์ฟยอร์ดตรงนี้มันสำคัญกับชุมนุมลับดวงตา เพราะมันคือช่องทางขนของเถื่อนของพวกเขา พวกเขาต้องการสร้างท่าเรือที่นี่แบบลับ ๆ
แต่นอกเหนือจากความได้เปรียบทางภูมิประเทศแล้ว ชายหาดนี้ก็ไม่มีอะไรคุ้มค่าเลย ไม่มีแร่ธาตุอยู่ใต้พื้นดิน ไม่เหมาะสำหรับการปลูกพืชในทรายเปียก…แม้จะมีการตกปลาในพื้นที่น้ำตื้น แต่ถ้าอยู่ไกลออกไปในทะเล คุณก็จะถูกสัตว์ประหลาดรุมฆ่า
เช่นเดียวกับที่หัวหน้าหมู่บ้านเคยกล่าวไว้ มันเป็นสถานที่ที่แห้งแล้ง
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอสงสัย ว่าทำไมพวกมนุษย์กบจึงเลือกที่จะอยู่ต่อ เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีของชุมนุมลับดวงตา
เท่าที่เธอทราบ มนุษย์กบไม่ใช่ชนเผ่าประเภทที่จะยึดติดกับผืนดินใด ๆ มากเกินไป เนื่องจากพวกเขาสามารถดำน้ำได้ดีกว่า พวกเขาจึงสามารถหนีจากชุมนุมลับดวงตาได้ และยังหาบ้านหลังใหม่ตามแนวชายฝั่งได้ง่าย ๆ
หากพวกเขาสามารถบอกเรื่องนี้กับเธอได้ เธออาจจะวางแผนได้ดีกว่านี้ เช่นช่วยย้ายหมู่บ้านมนุษย์กบไปอยู่ที่อื่น จากนั้นก็ปล่อยหมู่บ้านให้ร้างและใช้มันเพื่อซุ่มโจมตีชุมนุมลับดวงตา หากเวลาเอื้ออำนวย พวกเขาก็สามารถสร้างกำแพงป้องกันและกับดักได้
มนุษย์กบเงียบไปชั่วขณะ ในขณะที่เจ้าหญิงกำลังคิดว่าเขาจะไม่ตอบคำถาม เขาก็พูดขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ ว่า “เด็กน้อย เจ้ารู้จักเจ้าแห่งน้ำรึเปล่า”
“เจ้าแห่งน้ำ?”
“ใช่แล้ว นั่นคือเทพเจ้าที่มนุษย์กบเคารพบูชา เด็กน้อย เจ้าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพระองค์ไหม”
ลีอาตกใจ เธอพยายามเรียกความรู้ทางเทววิทยาทั้งหมดของเธอกลับมา แต่หลังจากนึกอยู่นาน เธอก็ยังจำไม่ได้ว่าเธอเคยได้ยินเกี่ยวกับเทพองค์นี้
ในฐานะผู้สืบทอดราชวงศ์เทียร์ร่า ลีอาได้ศึกษาหลายสิ่งหลายอย่างรวมถึงเรื่องของเทพเจ้าและศาสนา อาจกล่าวได้ว่าในโลกที่เทพเจ้ามีตัวตนอยู่จริง มันถือได้ว่าเป็นวิชาที่สำคัญ
แต่เธอก็ไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเจ้าแห่งน้ำมาก่อน
เธอสามารถแสร้งทำเป็นว่าจำชื่อนี้ได้และเออออตามสิ่งที่เขาพูด แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น
“ข้าขออภัย” เธอขอโทษ “ข้าไม่รู้จักเทพเจ้าองค์นั้น”
“อย่างที่คาด” หัวหน้าหมู่บ้านพึมพำ “เป็นเวลาเกือบ 1,000 ปีมาแล้ว ที่เทพเจ้าองค์นี้แสดงปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย มีบางคนที่เชื่อว่าเขาได้ถูกสังหารในสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งสุดท้าย”
ข้อมูลนี้ทำให้ลีอาตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับคำถามของเธอใช่ไหม ว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกที่จะอยู่ที่นี่?
“เราอยู่ที่นี่มาตลอด” หัวหน้าหมู่บ้านอธิบาย “แม้จะมีลมฝนหรือพายุ แต่เราก็ยังคงอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ที่ว่า นานมาแล้วบรรพบุรุษของเราได้รับมอบหมายจากเจ้าแห่งน้ำ ว่าตราบใดที่เรายังคงอยู่ที่นี่ และรักษาศรัทธาที่มีให้ต่อพระองค์ วันนั้นจะมาถึง วันที่เทพผู้ยิ่งใหญ่ของเราจะกลับมาหาเรา เพื่อนำทางเราอีกครั้ง”
“พันปีที่ผ่านมา เราประสบความยากลำบากไม่รู้จบโดยที่ไม่มีเทพเจ้ามาคอยดูแล เราถูกศาสนาและเผ่าพันธุ์อื่นเยาะเย้ยและกดขี่…แต่เราไม่เคยสูญเสียศรัทธาสักครั้ง เพราะเทพเจ้าของเราจะกลับมาหาเรา และทำให้ทุกอย่างกลับมาเรียบร้อยอีกครั้ง ไม่ว่าสถานการณ์จะดูอันตรายหรือสิ้นหวังแค่ไหน เราก็จะไม่ไปไหน นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา!”
เจ้าหญิงสูดหายใจเข้าลึก เธอรู้สึกเคารพอีกฝ่ายเธอจึงก้มหัวให้เขาเล็กน้อย
เธอเข้าใจสภาพของพวกเขาดีกว่าใคร ๆ ในช่วงที่เทียร์ร่ากำลังล่มสลายลง เทพเจ้าแห่งเกมก็ไม่ได้สร้างปาฏิหาริย์ใด ๆ และหลังจากที่เทียร์ร่าล่มสลายลงไม่นาน ผู้รอดชีวิตก็ได้ถูกกดดันจากศาสนาอื่น ๆ และพวกเธอก็ต้องถอยร่นลงไปในท่อระบายน้ำใต้ดิน ถึงกระนั้นเจ้าหญิงก็ยังคงยึดมั่นในศรัทธาของเธอที่มีต่อเทพเจ้าแห่งเกม และในที่สุดพระองค์ก็ตอบรับคำอธิษฐานของเธอ ตอนนั้นเธอรู้สึกราวกับว่าชีวิตของเธอที่หยุดนิ่งมานาน ในที่สุดก็กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับการรอคอยเพียงไม่กี่ปีของเธอ ความศรัทธาของมนุษย์กบเหล่านี้ได้อดทนมาหลายชั่วอายุคนเป็นเวลาเกือบพันปี!
ไม่น่าแปลกใจที่แม้แต่ศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นชุมนุมลับดวงตา ก็ล้มเหลวในการสร้างความหวาดกลัวให้กับมนุษย์กบ เมื่อเทียบกับศรัทธาที่คงอยู่มาเป็นพันปี ความตายไม่ได้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวเลย