ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games – ตอนที่ 67

ตอนที่ 67

ขณะเดียวกัน ซีเว่ยก็กำลังดูโชว์พร้อมกับกินป๊อปคอร์นอยู่ในอ่าง

เทียบกับลัทธิกระดูกเน่าแล้ว เขาไม่กังวลเรื่องสมาคมลับแห่งดวงตาเลยสักนิด

เหตุผลนั้นง่ายมาก ลัทธิกระดูกเน่าศรัทธาในเทพเจ้า และได้รับการสนับสนุนจากเทพเจ้ากระดูกเน่า

นั่นหมายความว่าที่ตั้งของโบสถ์กระดูกเน่านั้น ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังงานของเทพเจ้ากระดูกเน่า และถึงซีเว่ยจะมีระดับสูงกว่าเขา 2-3 ขั้น เขาก็ไม่อาจมองเห็นผ่านม่านบาเรีย และสังเกตสิ่งที่ศัตรูกำลังทำอยู่ได้

สมาคมลับแห่งดวงตานั้นต่างกัน

สมาคมเป็นองค์กรค้าของเถื่อนที่มีสมาชิกจากทั่วทวีป แต่นั่นก็หมายความว่าพวกเขาส่วนใหญ่ศรัทธาในเทพเจ้าที่แตกต่างกัน สิ่งนี้ทำให้พวกเขาไม่มีบาเรียศักดิ์สิทธิ์ที่เข้มข้นพอที่จะป้องกันการสังเกตจากซีเว่ย

แม้ว่าพวกเขาทำตัวลึกลับ และมีมาตรการปกป้องอย่างดีเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์ในสายตาของซีเว่ย ตราบใดที่มันเป็นสถานที่ที่ผู้ศรัทธาของซีเว่ยพิชิตได้ ซีเว่ยก็จะสามารถมองเห็นทุกรายละเอียดได้อย่างชัดเจน!

สำหรับซีเว่ย องค์กรนี้ก็เป็นเพียงเค้กชิ้นหนึ่งเท่านั้น

ครั้งนี้เขาได้ส่งผู้เล่นไปยังหมู่บ้านมนุษย์กบ และออกเควสเตือนพวกเขา เมื่อเห็นว่าศัตรูออกจากฐานและกำลังจะมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านมนุษย์กบ

สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง เขาไม่กังวลเลย ยังไงผู้เล่นก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาที่เมืองไร้ชื่อได้อยู่แล้วหากพวกเขาล้มเหลว

ด้วยการที่ผู้เล่นมีฐานที่มั่นลับใต้ดินของแลงคาสเตอร์เป็นอาณาเขตสำรอง หมู่บ้านเริ่มต้นในปัจจุบันจึงสามารถป้องกันสมาคมลับแห่งดวงตาได้โดยไม่มีปัญหา และถึงแม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียอย่างร้ายแรง ซีเว่ยก็ยังสามารถลงไปที่โลกมนุษย์และกวาดล้างพวกมันได้ในทันที เพราะสมาคมลับแห่งดวงตาไม่ใช่องค์กรที่ได้รับการสนับสนุนจากเทพเจ้า ดังนั้นจึงไม่มีเทพเจ้าอื่นมาหาเรื่องเขา

ความจริงหลังจากที่เขาอัปเดตระบบและสร้างดันเจี้ยนขึ้นมา เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้เล่นมากนัก

เพราะเขายังมีเรื่องเร่งด่วนอีกมากมายให้ทำ

ความสัมพันธ์ระหว่างเทพเจ้าในวิหารเดียวกันนั้นใกล้ชิดกว่าที่ซีเว่ยคิด แม้ว่าคุณสมบัติของเทพกระดูกเน่าจะยังไม่ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ทำให้วิหารใต้พิภพไม่รู้ว่าลูกสมุนของพวกเขาถูกฆ่าโดยซีเว่ย แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น

ซีเว่ยกำลังมองหาวิธีตัดการเชื่อมต่อระหว่างเทพเจ้ากระดูกเน่าและวิหารใต้พิภพ หรืออย่างน้อยก็เตรียมความพร้อมให้เพียงพอที่จะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากเทพองค์ใด ๆ จากวิหารใต้พิภพต้องการมาหาเรื่องเขา และเขาก็เดาได้เลยว่าเทพที่มาในครั้งนี้คงไม่ง่ายที่จะจัดการเหมือนเทพเจ้ากระดูกเน่าแน่ ๆ

ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บเกี่ยวกระเทียม…แค่ก เก็บเกี่ยวพลังงานเทพเจ้าให้มากขึ้น

สรุปก็คือ เขาจะดูแลผู้เล่นเป็นครั้งคราว และเขาจะไม่เสียพลังงานเทพเจ้าไปเพื่อช่วยเด็กน้อยในแดนมรรตัย

หมู่บ้านมนุษย์กบ ห้องรับแขก (บ้านหอยสังข์)

การโจมตีจากสมาคมลับแห่งดวงตามาช้ากว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้เล็กน้อย ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างเงียบสงบ

ระบบผิดพลาดรึเปล่า? หรือมันเลิกนิสัยเสียที่ชอบรังแกพวกเขายามคับขันแล้ว?

เรื่องนี้แม้แต่เอ็ดเวิร์ดก็ยังสงสัย

โชคดีที่พวกเขาทุกคนเชื่อมั่นในเทพเจ้าแห่งเกม พวกเขาส่วนใหญ่มาถึงระดับของผู้ศรัทธาที่เคร่งศาสนา และเกือบจะกลายเป็นพวกคลั่งศาสนา นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงขจัดความหวั่นไหวของตัวเองออกไปได้อย่างรวดเร็ว และมีกำลังใจเข้มแข็ง

พวกเขายังคงนอนรอการโจมตีที่กำลังจะมาถึง

“ข้าคิดว่า เรามีปัญหา…” โกวต้านลากโจที่เกือบจมน้ำตายไปวางตรงหินรูปไข่ขนาดใหญ่ที่มนุษย์กบใช้เป็นเตียงนอน

ในขณะที่เขาพยายามตากโจให้แห้ง โกวต้านก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าสมาคมลับแห่งดวงตาต้องการโจมตีหมู่บ้านมนุษย์กบ พวกเขาจะทำยังไง?”

“พวกเขาจะทำยังไงน่ะเหรอ? ก็แค่เข้ามาในหมู่บ้าน เผาแล้วก็ปล้นสะดม…” พูดได้แค่นั้นวีลาก็หยุดชะงักไป

เธอตระหนักว่าพวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะคิดผิด เมื่อได้รับการแจ้งเตือนว่าสมาคมลับแห่งดวงตากำลังจะโจมตีหมู่บ้านมนุษย์กบ พวกเขาก็คิดพวกสมาคมเป็นโจรธรรมดาโดยไม่รู้ตัว

พูดตามตรง ถ้าเป็นกลุ่มโจรปกติแม้ว่าจะมีคน 70-80 คน คนเหล่านั้นก็ไม่สามารถสู้กับผู้เล่น 6 คนในปาร์ตี้นี้ได้ เพราะนอกจากวีลาแล้วอีก 5 คนในปาร์ตี้ก็เป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์และแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้เล่นทั้งหมด

แต่ศัตรูกลับปรากฏในเควสของระบบ นั่นหมายความว่า ศัตรูไม่ใช่โจรธรรมดา!

และก็หมายความว่าประสบการณ์ใด ๆ ที่พวกเขาเคยใช้จัดการกับศัตรูประเภทนี้ จะต้องถูกโล๊ะทิ้ง

“ให้ข้านึกก่อน…” ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่น 3 คนที่เคยบุกเข้าไปในที่ซ่อนของสมาคมลับแห่งดวงตา สีหน้าของเอ็ดเวิร์ดมืดลงจนต้องขมวดคิ้ว

“ข้าคิดว่ามีนักเวทย์อยู่ในสมาคมลับแห่งดวงตา…”

นักเวทย์ที่มีเวทย์มนตร์ระยะไกลที่แข็งแกร่งและทรงพลังนั้น เหมาะที่สุดในการบุกโจมตีหมู่บ้านอย่างไม่ต้องสงสัย

ราวกับจะพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาถูกต้อง พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนราวกับมีแผ่นดินไหว แม้แต่น้ำทะเลตื้น ๆ ก็สั่นเป็นระลอกคลื่นจากแรงสั่นสะเทือน

ผู้เล่นทั้งหมดรีบออกไปด้านนอกทันที

บางทีอาจเป็นเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว มนุษย์กบจึงสร้างหมู่บ้านในมุมที่เงียบสงบมุมหนึ่งของชายฝั่งทะเล หมู่บ้านหันหน้าไปทางทะเลในขณะที่อีกด้านหนึ่งติดกับหน้าผาสูงชัน และอีกด้านหนึ่งของหน้าผาก็เป็นพื้นที่โล่งไม่มีที่สิ้นสุด

ตอนนี้สิ่งที่เอ็ดเวิร์ดและพรรคพวกเห็นก็คือโคลนที่ไหลลงมาจากหน้าผาด้วยความเร็วที่น่ากลัว!

โคลนที่ถล่มลงมามีขนาดใหญ่มาก จนมนุษย์กบต่างพากันตกตะลึงเมื่อได้เห็นมัน จิตใจของพวกเขาว่างเปล่าโดยสมบูรณ์

“อะไรกัน…เอ็ดเวิร์ด เจ้าไม่เห็นเคยบอกเราเลยว่านักเวทย์จากสมาคมลับแห่งดวงตามีพลังมากขนาดนี้!” โกวต้านมองไปที่โคลนถล่มด้วยสีหน้าว่างเปล่า

“ไม่ เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เคยพบนักเวทย์ระดับนี้มาก่อน…มันอาจเกิดจากนักเวทย์หลายคน!”

เอ็ดเวิร์ดปฏิเสธทันที เขาไม่คิดว่านักเวทย์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะอยู่ในสมาคมลับแห่งดวงตา

เขานึกย้อนกลับไปตอนที่เขาแอบเข้าไปในสมาคม นอกจากคนที่โดดเด่นไม่กี่คน คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย

“นี่! เราควรวิ่งก่อนไม่ใช่เหรอ!” วีลาตะโกนออกมาอย่างเหงื่อตก

แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นผู้เล่นที่แทบจะฆ่าไม่ตายง่าย ๆ และยังสามารถสละชีวิตตัวเองเพื่อสร้างโอกาสให้พันธมิตรของพวกเขาได้ แต่สามัญสำนึกและสัญชาตญาณของมนุษย์ก็ยังคงร้องเตือนให้พวกเขาหนีเมื่อพบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ

“ไม่ มันถล่มเร็วเกินไป!”

เอ็ดเวิร์ดใจหายกับเหตุการณ์ที่พลิกผันนี้

ถ้าเขาเลเวลสูงสุด (เลเวล 45) และได้เรียนรู้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดในสายทักษะของเมจ บางทีมันอาจจะช่วยได้ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะมีเลเวลสูงสุดในหมู่ผู้เล่นตอนนี้ แต่เขาก็มีเลเวลแค่ 28 เท่านั้น

เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการโจมตีระดับนี้ เขาก็ยังไร้พลังเกินไป

“นี่ ช่วยข้าถือหน่อย”

เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้ เอลีน่าที่กินอมยิ้มเงียบ ๆ ก็เก็บอมยิ้มของเธอใส่ห่อแล้วมันยัดลงในมือของวีลา

“ฮะ?” วีลามองไปที่เด็กสาวผมเงินด้วยความสงสัย เธอคิดว่าเด็กคนนี้แปลกนิดหน่อย พวกเขากำลังจะถูกฝังอยู่ในดิน นี่ใช่เวลาที่ต้องห่วงเรื่องขนมเหรอ?

เอลีน่าไม่รู้ว่าวีลากำลังคิดอะไรอยู่ เธอหยิบอาวุธของตัวเองออกมา

ในฐานะผู้เล่นเลเวลสูง เอลีน่าที่เป็นนักบุญฝึกหัดก็ควรจะมีอาวุธประจำตัวของนักบุญ ไม่ว่าจะเป็นค้อน โล่ หรือแม้กระทั่งไม้กางเขน

แต่เนื่องจากเอลีน่ามุ่งเน้นไปที่การรักษาหรือการร่ายหอกแห่งชัยชนะเป็นครั้งคราว เธอจึงไม่เคยถืออาวุธในมือมาก่อน ดังนั้นวีลาจึงเดาว่าเด็กสาวยังไม่พบอาวุธที่เหมาะกับเธอ

แต่ความจริงแล้วเอลีน่ามีอาวุธของเธอ

มันคือหนังสือปกแข็งที่ห้อยอยู่ที่สะโพกของเธอด้วยโซ่สีเงิน ที่ดูเหมือนจะเป็นเครื่องประดับเสื้อคลุมนักบวช และมันก็ถูกล็อคไว้อย่างแน่นหนาด้วยตัวล็อคโลหะ หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า ‘เกมไบเบิล’ และมีโลหะแหลมสีขาวติดอยู่ที่มุมแต่ละด้านของหนังสือ โดยรวมแล้วมันก็คืออุปกรณ์ร่ายเวททรงสี่เหลี่ยมที่มีหนามแหลมแปดอัน…

ถึงแม้ว่ามันจะสร้างความเสียหายได้มากมายในการต่อสู้ แต่มันก็ดูไม่ได้ช่วยอะไรในสถานการณ์ปัจจุบัน…

“บาเรียศักดิ์สิทธิ!”

เด็กสาวถือโซ่และใช้มันเหวี่ยงหนังสือเล่มใหญ่ออกไปในระยะไกล

ทันใดนั้นบาเรียสีฟ้าซีดขนาดใหญ่ ที่สร้างขึ้นจากหนังสือก็ได้ทิ้งตัวลงบนพื้น!

ตรงกลางของบาเรียนั้นมีสัญลักษณ์ไม้กางเขนสีขาว และปลายแขนทั้งสี่ด้านกางเขนก็มีสัญลักษณ์ที่คล้ายกับดาบ ไม้คทา คันธนู และสุดท้ายคือหนังสือ ตรงกลางไม้กางเขนมีสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งเกม

บาเรียนี้มีขนาดใหญ่มากจนครอบคลุมทั้งหมู่บ้านมนุษย์กบ และยังขยายออกไปอีกไกล มันสูงเกือบถึงสวรรค์ โคลนที่ไหลลงมาจากหน้าผากระทบบาเรียในทันที แต่มันก็ไม่แม้แต่จะทำให้บาเรียสั่นสะเทือน!

“ทะ ท่านต้องล้อข้าเล่นแน่…” วีลาตกตะลึง

เธอรู้จักทักษะบาเรียศักดิ์สิทธิ์ดี เพราะมันเป็นทักษะการป้องกันที่เครลิคสามารถเรียนรู้ได้เมื่อถึงเลเวลถึง 15 ซึ่งสามารถเรียกบาเรียแสงออกมาได้ บาเรียที่เครลิคทั่วไปสามารถทำได้คือขนาดเท่าความสูงของมนุษย์ และมีความกว้างประมาณ 2 เมตร นั่นเป็นสาเหตุทำให้เธอตกใจกับบาเรียแสงขนาดใหญ่ตรงหน้าเธอสุด ๆ!

ตอนนั้นเองเธอก็จำสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดเคยพูดก่อนหน้านี้ได้ว่า “อย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปก ท่านวีลา หากนับเพียงพลังต่อสู้ เธออาจจะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเรา”

ทีแรกเธอคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลก แต่พวกเขาไม่ได้ล้อเล่น!!

วีลาไม่ใช่คนเดียวที่สั่นเพราะบาเรียแสงขนาดใหญ่ เมื่อเหล่ามนุษย์กบเห็นเด็กสาวผมสีเงินทวินเทล ปิดกั้นการโจมตีที่สามารถทำให้พวกเขาตายอย่างที่ไม่อาจโต้แย้งอะไรได้ พวกเขาทั้งหมดก็คุกเข่าลงกับพื้นและเริ่มพึมพำเป็นภาษามนุษย์กบที่ผู้เล่นไม่เข้าใจ ก่อนจะหมอบกราบและคำนับลงไปที่พื้น ราวกับว่าพวกเขากำลังเข้าใจเด็กสาวผิด ว่าเธอคือสิ่งมีชีวิตชั้นสูง…

ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games

ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games

Status: Ongoing

นี่คือเรื่องราวของมนุษย์ธรรรมดาผู้ซึ่งได้ข้ามโลกมาเป็นเทพเจ้าชั้นสามที่กำลังจะตาย เขาได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรวบรวมเหล่าผู้ศรัทธา และก่อให้เกิดมหาสงครามเทพเจ้าครั้งที่สี่ในที่สุด

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องเทพเจ้าแห่งเกมไหม?” “เทพเจ้าแห่งเกม…?” เอลีน่าส่ายหัวด้วยความสงสัย “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพระองค์…” “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเทพเจ้าแห่งเกม สามารถมอบพลังให้เจ้าเอาชนะศัตรูตรงหน้าเจ้าได้” ซีเว่ยเกลี้ยกล่อมเธออย่างอดทน เอลีน่านิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาอย่างแน่วแน่ และจ้องมองไปที่ซีเว่ย “ถ้าอย่างนั้น ข้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม!” “ความศรัทธาไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถมีได้ด้วยปากเจ้า จงหลับตาและจินตนาการถึงพระนามของพระองค์ในใจเจ้า และสัมผัสถึงพลังของพระองค์ด้วยหัวใจของเจ้า” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท