ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games – ตอนที่ 99

ตอนที่ 99

“จริงด้วย เมื่อเทียบกับหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่น่าสงสารแบบนี้ รังของพวกโจรภูเขาก็คือขุมทรัพย์ที่แท้จริง!” เมื่อเห็นเอ็ดเวิร์ดสนใจ จอมก็เริ่มตีเหล็กขณะที่ยังร้อน “หลังจากที่เราจัดการโจรภูเขาไป 2 กลุ่มแล้ว นอกเหนือจากยักษ์แห้งแล้ง ที่นั่นอาจมีศัตรูเหลืออยู่ไม่มาก!”

อันที่จริงการต่อสู้สองครั้งก่อนในช่วงบ่ายและกลางคืน พวกเขาก็ได้จัดการกับศัตรูไปแล้วประมาณ 60 คน และทั้งหมดก็เป็นชายหนุ่มที่มีสุขภาพแข็งแรง แม้แต่กลุ่มโจรที่ใหญ่ที่สุดก็มีขีดจำกัดของพลังรบที่พวกเขาสามารถมีได้ หากกลุ่มมีขนาดใหญ่เกินไปและสร้างความปั่นป่วนมากเกินไป พวกเขาก็จะถูกกำจัดโดยศาสนจักรรอบ ๆ

แม้ว่าโจรภูเขากลุ่มนี้จะมีประวัติเอาชนะกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ของสวนธัญพืช แต่นั่นก็บอกไม่ได้ว่าพวกเขาแข็งแกร่ง เพราะกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ของสวนธัญพืชนั้นอ่อนแอสุดในบรรดาศาสนจักรขนาดใหญ่ทั้งหมด

ข้าหมายถึง เจ้าคงไม่คิดว่ากลุ่มชาวนาที่ไม่มีพรเกี่ยวกับการต่อสู้จะมีพลังมากใช่ไหม?

การที่พวกเขาไม่มีพร ทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาน้อยมาก แม้ว่าสวนธัญพืชจะมีผู้ศรัทธามากมาย แต่เทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยวก็ยังคงติดอยู่ที่ปลายขอบของเทพระดับสูง และไม่สามารถก้าวไปสู่สถานะของเทพบิดรอันศักดิ์สิทธิ์ได้

“จริง เจ้ารู้ไหมว่ารังของพวกโจรภูเขาอยู่ที่ไหน”

เอ็ดเวิร์ดไม่ใช่คนหัวร้อนที่ตัดสินใจแล้วบุ่มบ่ามทำเลย เขาถามจอมเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

“เอ่อ…” จอมรู้สึกพลาดทันที

ใช่ รังโจรมันอยู่ไหน?

มีตัวประกันคนไหนให้พวกเขาถามได้บ้าง? เขามองไปยังสนามรบและพบว่าสิ่งเดียวที่ยังหายใจอยู่คือโจโคโบะที่ใกล้ตาย…และผู้เล่นกลุ่มหนึ่งก็กำลังยืนคุยกันว่ามันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน และโคคา-โคล่าจะมีผลกับมันหรือไม่ ฉากนั้นน่าขนลุกมาก

ไม่น่าแปลกใจที่ชาวบ้านรักษาระยะห่างจากพวกเขา

จากนั้นสุนัขชาเป่ยสีเทาผอมแห้งที่ได้ยินการสนทนาทั้งหมดจากทางเข้าหมู่บ้าน ก็ลุกขึ้นยืนและเห่าใส่จอม

“หมามาจากไหน” โกวต้านขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น

สุนัขชาเป่ยไม่สนใจโกวต้านและยังคงเห่าใส่จอมต่อไป

ทีแรกจอมสับสน ก่อนจะรู้ตัวว่ามันพยายามจะทำอะไร “เจ้าต้องการแก้แค้นให้กับเจ้าของเจ้ารึ”

สุนัขชาเป่ยไม่ได้พยักหน้า แต่มันหยุดเห่าและเริ่มดมกลิ่นที่พื้น สักพักมันก็วิ่งออกไปในทิศทางที่โจรภูเขามา จากนั้นก็หันกลับมาแยกเขี้ยวใส่จอม หลังจากวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว

จอมรีบเล่าเรื่องสุนัขให้เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ ฟัง เอ็ดเวิร์ดจึงตัดสินใจตามมันไปทันที

“ตามมันไปเลย”

ผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็ตามไปด้วยเช่นกัน พวกเขามาที่นี่เพื่อร่วมสนุกและสู้กับบอส ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่น่าเบื่อนี้

ชาวบ้านส่วนใหญ่อยู่ที่หมู่บ้าน แต่มีพรานไม่กี่คนตัดสินใจติดตามผู้เล่นไปโดยมีโจอี้เป็นผู้นำ

“เราจะไปสู้กับยักษ์แห้งแล้ง เจ้าจะตามมาทำไม” เทอร์รี่ถามโจอี้ขณะที่พวกเขาเดินตามสุนัข “มันขวางทาง”

เขาเป็นคนตรงไปตรงมา เขาพูดสิ่งที่เขาคิดกับโจอี้และพรานคนอื่น ๆ อย่างไม่ไว้หน้า

ความหมายก็คือ ‘พวกเจ้าอ่อนแอมาก หากเจ้าตามเราไปเจ้าก็ได้แต่ถ่วงเราเท่านั้น’

“ข้ารู้ ว่าเราอาจช่วยเหลือพวกเจ้าไม่ได้มากนัก” โจอี้เงียบไปพักหนึ่ง เขาพบว่าสิ่งที่เขาเคยคิดเกี่ยวกับเด็ก ๆ นั้นอาจจะผิด เด็กชายทั้งสองไม่ใช่เด็กที่ถูกโยนเข้าสู่สงครามตอนที่พวกเขายังเล็ก บุคลิกที่พวกเขาเป็นไม่ได้มาจากการทรมานและการนองเลือดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกเขาเติบโตมาภายใต้กลุ่มคนประหลาดเหล่านี้ ที่สามารถหัวเราะและทำตัวตลกได้ในขณะที่พวกเขากำลังเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง

คนเหล่านี้แปลกมาก บางคนเห็นได้ชัดว่าเป็น…พวกงี่เง่าที่เชื่อถือไม่ได้ แต่จากสิ่งที่โจอี้เห็น พวกเขาเป็นคนดีอย่างไม่ต้องสงสัย จอมและเทอร์รี่จะชอบคนเหล่านี้มากกว่าที่จะอยู่กับเขาแน่ ดังนั้นเขาจะไม่พูดถึงการรับพวกเด็ก ๆ มาดูแลอีกต่อไป “แต่อย่างน้อย เราก็สามารถเฝ้าดูเจ้าต่อสู้จากข้างสนามได้ ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น เราก็จะได้รีบกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อเตรียมตัว”

จอมมองเขาและไม่พูดอะไร ส่วนเทอร์รี่ก็ไม่ได้ไล่พวกเขากลับอีกต่อไป

ผู้เล่นคนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มชาวบ้านที่เป็นกลางไม่กี่คน และระดับของพวกเขาก็ต่ำมาก ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่นั่นหรือไม่ มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรเลย

เมื่อผู้เล่นไปถึงที่รังของโจรภูเขาพร้อมกับสุนัขชาเป่ย พวกเขาก็พบว่าพวกเขาประเมินพวกโจรต่ำเกินไป

รังของโจรภูเขาถูกสร้างขึ้นบนหน้าผา บางทีคำว่า ‘สร้าง’ อาจจะไม่ใช่คำที่ถูกต้องนัก เพราะพวกโจรขุดพื้นที่ตรงกลางหน้าผาออก และใช้โพรงที่ขุดเป็นที่รังลับของพวกเขา

ผู้เล่นเงยหน้าขึ้นมองรังโจรและเริ่มคุยเรื่องแผนการโจมตี

ผู้เล่นบางคนได้อัปโหลดรูปภาพและอัปเดตเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันลงไปในฟอรัม เพื่อให้ผู้เล่นที่ไม่ได้เข้าร่วมได้พูดคุยและแบ่งปันความคิด

เมื่อผู้เล่นเข้าใกล้รังโจร ก้อนหินขนาดใหญ่ข้างใต้หน้าผาก็มีชีวิตขึ้นมาทันที และเหวี่ยงกำปั้นหินเข้าใส่พวกเขา!

“นี่ยักษ์แห้งแล้งเหรอ” จอมที่ยืนอยู่ด้านหน้าหลบการโจมตีที่เชื่องช้าของศัตรูได้อย่างง่ายดาย เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แม้ว่าการโจมตีจะทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ และกำปั้นของมันก็ทำให้พื้นดินกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ที่คนธรรมดาโดนเข้าไปอาจจะแบนเป็นแพนเค้กทันที แต่ความเร็วของมันก็ช้าเกินไปที่จะเป็นภัยคุกคามต่อผู้เล่น

ไม่นานหลังจากนั้นแถบ HP และชื่อของมันก็ปรากฏขึ้นเหนือยักษ์หินที่โจมตีพวกเขา

[ทหารโกเลมหิน อีลิท เลเวล 12]

จากนั้นโกเลมหินจำนวนมากก็โผล่ออกมาจากใต้พื้นดินประมาณ 1 โหล

“พวกนี้ดูเหมือนจะเป็นลูกสมุนของยักษ์แห้งแล้ง เราต้องกำจัดพวกมันก่อนที่บอสจะมา!” นักล่าสัตว์ประหลาดที่มีประสบการณ์สูงเอ็ดเวิร์ด เริ่มออกคำสั่งให้ผู้เล่นคนอื่นโจมตีโกเลมเหล่านี้ทันที

มันมีพลังโจมตีสูงและการป้องกันสูง แต่โกเลมหินขาดในเรื่องของความเร็ว มันเทียบผู้เล่นไม่ได้เลย โกเลมหินส่วนใหญ่ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงไม่กี่ตัวที่ยังยืนอยู่

เห็นได้ชัดว่าคนออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่ ต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าโกเลมหินของพวกเขาจะถูกทำลายได้ง่ายดายขนาดนี้ เมื่อโกเลมหินตัวสุดท้ายใกล้ตาย แรงสั่นสะเทือนก็กระจายไปทั่วพื้น

บูม บูม บูม

จากนั้นมือที่ใหญ่กว่าตัวโกเลมหินหลายเท่า ก็ถูกวางลงบนยอดเขา มันดึงเงาที่น่ากลัวซึ่งก่อนหน้านี้ซ่อนอยู่หลังหน้าผาสูงชันออกมา

ยักษ์สูงเกือบ 30 เมตร มันสูงเกือบเท่าหน้าผา น้ำหนักของมันไม่สามารถวัดได้ด้วยตาเปล่า แต่พื้นก็สั่นสะเทือนทุกครั้งที่มันย่างก้าว มันเป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถบดขยี้ต้นไม้ใหญ่ได้เพียงแค่ก้าวเดิน สิ่งมีชีวิตที่สามารถต่อสู้กับมังกรในตำนานได้

มันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยหนามหินใหญ่เท่าเสา และผิวหนังของมันก็แข็งกว่ากำแพงเมือง นอกเหนือจากดวงตาสีเทาขนาดใหญ่บนใบหน้าของมันแล้ว ก็ไม่มีอวัยวะอื่นใดบนใบหน้าอีก

นี่คือยักษ์แห้งแล้ง

—————————–

ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games

ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games

Status: Ongoing

นี่คือเรื่องราวของมนุษย์ธรรรมดาผู้ซึ่งได้ข้ามโลกมาเป็นเทพเจ้าชั้นสามที่กำลังจะตาย เขาได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรวบรวมเหล่าผู้ศรัทธา และก่อให้เกิดมหาสงครามเทพเจ้าครั้งที่สี่ในที่สุด

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องเทพเจ้าแห่งเกมไหม?” “เทพเจ้าแห่งเกม…?” เอลีน่าส่ายหัวด้วยความสงสัย “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพระองค์…” “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเทพเจ้าแห่งเกม สามารถมอบพลังให้เจ้าเอาชนะศัตรูตรงหน้าเจ้าได้” ซีเว่ยเกลี้ยกล่อมเธออย่างอดทน เอลีน่านิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาอย่างแน่วแน่ และจ้องมองไปที่ซีเว่ย “ถ้าอย่างนั้น ข้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม!” “ความศรัทธาไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถมีได้ด้วยปากเจ้า จงหลับตาและจินตนาการถึงพระนามของพระองค์ในใจเจ้า และสัมผัสถึงพลังของพระองค์ด้วยหัวใจของเจ้า” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท