ที่ร้านเหล้าเล็ก ๆ ใกล้เมืองไร้ชื่อ
ความจริง มันค่อนข้างไม่ถูกต้องที่จะเรียกที่นี่ว่าร้านเหล้า ส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่มีใครเลือกที่จะตั้งร้านเหล้าที่นี่ ที่แม้แต่เมืองที่ใกล้ที่สุดก็อยู่ห่างออกไปมากกว่า 10 กิโลเมตร
ถ้าจะเทียบกับนิยายเรื่อง 108 ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน* สถานที่แบบนี้ คงเป็นสถานที่ที่ร่มรื่นสำหรับเสิร์ฟขนมปังเนื้อมนุษย์ และเครื่องดื่มที่น่าสงสัยที่ทำจากวัสดุที่ไม่รู้จัก
(108 ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน (ซ้องกั๋ง) ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน (อังกฤษ: Water Margin, Outlaws of the Marsh, All Men Are Brothers จีน: ซ้องกั๋ง 宋江 หรือ สุยหู่จ้วน 水浒传) เป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีนร่วมกับ สามก๊ก ไซอิ๋ว และความฝันในหอแดง)
วันนี้ร้านเหล้าเต็มไปด้วยผู้คนและดูมีชีวิตชีวามาก
ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก หิมะและลมหนาวที่พัดโหมกระหน่ำผ่านประตูปลิวเข้ามา ตัดกับบรรยากาศที่อบอุ่นในร้าน
สิ่งที่มาพร้อมกับหิมะ คือชายคนหนึ่งในเสื้อโค้ทหนาปกสูง ไม่เพียงแต่ปกคอเสื้อจะปิดไปถึงคอ แต่ยังปิดไปถึงครึ่งหน้าของเขาด้วย
ที่สะโพกของเขามีดาบสีเลือดแปลก ๆ ห้อยอยู่ เขาสวมหมวกหนังทำให้ดูเหมือนทหารรับจ้างทั่วไป แต่ภายใต้เงาของหมวก มันไม่ใช่ดวงตาขุ่นมัวเพ้อฝันเหมือนของทหารรับจ้าง แต่กลับเป็นดวงตาที่แหลมคม
บาร์เทนเดอร์ที่กำลังเช็ดแก้วสบตากับเขาเพียงชั่วครู่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกแทง เขาจึงก้มหัวลงทันทีและหลีกเลี่ยงการสบตากับชายคนนั้น
“ร้านเหล้าของเจ้าที่นี่ค่อนข้างพิเศษ ใช่ไหม” ชายคนนั้นนั่งลงตรงหน้า และมองไปที่รูปปั้นสิงโตสีเงินที่วางไว้ขวาสุดของเคาน์เตอร์ “ไม่ใช่ว่าเจ้าควรวางรูปปั้นของเทพีแห่งความมั่งคั่งไว้ที่นั่นหรือ”
“เจ้าของร้านเราชอบรูปปั้นนี้มากกว่า” บาร์เทนเดอร์ตอบด้วยรอยยิ้มสุภาพ ก่อนจะพูดว่า “เจ้าจะรับอะไรดี”
“สเต็กเนื้อ” ชายคนนั้นตอบอย่างเย็นชา
การเคลื่อนไหวของบาร์เทนเดอร์หยุดลง “สุกแค่ไหน”
“แรร์ปานกลาง ย่างช้า ๆ” ชายคนนั้นพูดต่อ
หยดเหงื่อไหลลงมาตามหน้าผากของบาร์เทนเดอร์ ก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างฝืน ๆ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ รอเดี๋ยว…”
“ไม่ ไม่ นั่นไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง!” ชายคนนั้นหัวเราะและพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ ราวกับว่าเขากำลังสอนลูกศิษย์ของเขา “ตอนนี้เจ้าควรพูดว่า ‘ใจและวิญญาณของข้า สะอาด และชัดเจนเหมือนกระจก’ และข้าควรตอบกลับไปว่า ‘การกระทำทั้งหมดของข้า เป็นไปตามความยุติธรรมและชัดเจน’ จากนั้นเจ้าก็ควรให้ข้าดูรายการคำพิพากษาไม่ใช่หรือ”
เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว บาร์เทนเดอร์ก็ไม่สนใจที่จะแกล้งทำอีกต่อไป เขารีบยกโทมาฮอว์กออกมาจากใต้บาร์ทันที ก่อนจะตะโกนว่า “พิพากษา!” และเหวี่ยงขวานไปที่คอของชายคนนั้น
เสียงตะโกนของบาร์เทนเดอร์คือสัญญาณ จากนั้น ลูกค้าในร้านเหล้าเกือบทั้งหมดก็ลุกขึ้นยืน และหยิบอาวุธขึ้นมาตะโกนว่า “พิพากษา!” ก่อนที่จะพุ่งเข้าโจมตีชายคนนั้น!
สาเหตุที่ใช้คำว่า ‘เกือบ’ ก็เพราะว่าที่มุมหนึ่งของร้านเหล้า มีผู้เล่นชื่อสีขาวที่เป็นเพียงลูกค้าธรรมดา ในขณะที่ทุกคนในร้านเหล้าลุกขึ้นพร้อมกัน เขากลับไม่ได้ลุก และได้แต่มองคนอื่น ๆ อย่างมึนงง เขามีคำว่า ‘เกิดอะไรขึ้น?’ ‘ฉันมาทำอะไรที่นี่’ และ ‘ฉันเป็นใคร?’ เขียนไว้บนหน้า
ผู้มาใหม่ไม่รู้สึกรู้สาต่อการโจมตีที่โถมเข้ามาเหมือนคลื่น เขาเพียงแค่ยิ้มและยืนขึ้น ก่อนที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสด้ามดาบ และเคลื่อนไหวราวกับว่าเขาเคยทำมันมาแล้วเป็นหมื่น ๆ ครั้ง
เสี้ยววินาทีต่อมา แสงสีแดงก็บานสะพรั่ง
เพียงครู่เดียว ทุกคนในร้านเหล้าก็ตัวแข็งทื่อราวกับว่าพวกเขาโดนกดปุ่มสต๊อป
จากนั้น ไม่นานเลือดก็พุ่งออกมาจากร่างกายของพวกเขาราวกับดอกไม้บาน ผู้คนทั้งหมดในร้านเหล้ากลายเป็นศพถูกหันร่วงลงกับพื้นโดยที่ไม่มีการขัดขืนใด ๆ ราวกับว่าพวกเขาไม่รู้ตัวว่าพวกเขาได้ตายไปแล้ว
สำหรับผู้เล่นที่ถูกบังและไม่เห็นอะไรเลย เขามองไปที่ส้อมของเขาที่ถูกเฉือนออกเป็นสองส่วน ในขณะที่คอของเขาร่วงตกลงไปที่พื้น…พลางบ่นในใจว่า ‘เชี่ย นี่ข้าตายยังไงเนี่ย’
หลังจากสังหารผู้ติดตามของเทพเจ้าแห่งความยุติธรรมทั้งหมด (พร้อมกับผู้เล่นที่ไร้เดียงสา) ชายคนนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ และเหลือบมองบาร์เทนเดอร์ที่ถูกตัดหัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเอื้อมมือไปหยิบขวดเหล้าและเทมันลงในแก้ว
จากนั้นเขาก็พบขนมปัง 2 ชิ้น และเนื้อรมควันจากเคาน์เตอร์บาร์ ในร้านเหล้ามีแต่ซากศพเกลื่อนกลาด และแม้แต่อากาศก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นสนิมของเลือด เขาดึงคอเสื้อของเขาลง เผยให้เห็นครึ่งล่างของใบหน้าที่มีเส้นเลือดสีแดงเข้มชัดเจน และเริ่มกินอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น การเคลื่อนไหวของเขาก็หยุดลง และสายตาของเขาก็มองไปที่รูปปั้นสิงโตสีเงินบนเคาน์เตอร์บาร์
ครู่ต่อมา รูปปั้นสิงโตสีเงินก็มีชีวิตขึ้นมา มันคำรามเสียงดังและกระโดดลงมาจากเคาน์เตอร์ กลายเป็นสิงโตที่สง่างามสูงใหญ่กว่าตัวคน
“เจ้าปีศาจ เจ้ากล้าฆ่าผู้ศรัทธาของข้ามากมายขนาดนี้ได้ยังไง!”
“เหอะเทพเจ้าเล่ห์ ถ้าข้าไม่ฆ่าพวกมัน เจ้าจะให้ข้ายืดคอรอให้พวกมันมาฆ่าข้ารึไง?” เขาเยาะเย้ย ไม่เพียงแต่เขาจะไม่กลัวเทพเจ้าเลยแม้แต่น้อย แต่ยังดูตื่นเต้นอย่างน่าประหลาด “แต่ในที่สุดข้าดึงเจ้าออกมาได้! นังเทพธิดาลูน่านั่นอ่อนแอเกินไป นางไม่กล้าแม้แต่จะออกมาเผชิญหน้ากับข้า มันไร้ประโยชน์ไม่ว่าข้าจะฆ่าผู้ศรัทธาของนางไปแล้วกี่คน! ไอ้ที่เรียกว่า ‘ความยุติธรรม’ ของเจ้านั้นยั่วยุง่ายกว่ามาก…มันไม่ไร้ประโยชน์ที่ข้าไล่ฆ่าพวกมัน”
“เจ้า…” สิงโตขนขาวหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนที่จะแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ากำลังวางแผนฆ่าเทพเจ้า? ไม่ เจ้าไม่ใช่ปีศาจ หรือว่า…”
“ปีศาจ? โอ้ เจ้าหมายถึงสิ่งที่อยู่บนดาบเล่มนี้งั้นรึ?” ชายคนนั้นแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน ก่อนที่เขาจะพูดว่า “มันต้องการยึดร่างของข้า ข้าก็เลยกำจัดมันทิ้งไปแล้ว! ข้าไม่ต้องการความแข็งแกร่งและพลังของมัน! ถ้าไม่ใช่เพราะว่าดาบเล่มนี้สามารถยืดอายุขัยของข้า เพื่อให้ข้าได้สัมผัสกับความลึกล้ำของศิลปะดาบ และสัมผัสกับความรู้สึกของการต่อสู้ ข้าก็ไม่ต้องการมันเลย!”
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ามีร่างต้องสาปที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียง 20 ปี…” เพราะอัสลานเป็นเทพ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจอิทธิพลของดาบปีศาจ เขามองสำรวจมนุษย์ตรงหน้า แต่เมื่อเขาได้พิจารณาอย่างใกล้ชิด เขาก็ยิ่งประหลาดใจ “สามารถระงับการกลืนกินจากปีศาจได้โดยปราศจากความช่วยเหลือ…จะมีมนุษย์เช่นนี้อยู่ได้อย่างไร…”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระซะที! ข้าจะฆ่าเจ้าที่นี่ และสร้างเทคนิคดาบสุดท้ายของข้าให้สำเร็จ!” ชายคนนั้นยกดาบชี้ไปที่สิงโตและตะโกนออกมา
“แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากไข่ปีศาจ แต่เจ้าก็ไม่สามารถยืดอายุขัยของเจ้าได้นานกว่านี้…นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงยืนกรานที่จะฆ่า? หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะให้การพิพากษาเจ้าในฐานะเทพเจ้าแห่งความยุติธรรม!”
“ความยุติธรรม? ไร้สาระ! มองดูโลกที่สับสนวุ่นวายนี้สิ ความยุติธรรมที่เจ้าพูดถึงทำให้มันดีขึ้นได้งั้นเหรอ? ข้าไม่เคยเห็นความยุติธรรมมาก่อน! มีแต่การกลั่นแกล้งและเกรงกลัว ตอนนี้มาพูดถึงความยุติธรรมอะไร ข้าไม่สนใจฟังเจ้าพล่าม ไปตายซะ!”
ชายคนนั้นตะโกนความเชื่อมั่นของตัวเอง ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงดาบเข้าหาเทพเจ้าโดยไม่ลังเล
——————————-