บทที่ 130 วันพักผ่อนของผู้เล่น [3]
เมืองไร้ชื่อ
แม้ว่าแองโกร่าจะไม่ได้อยู่ที่เมือง แต่ภายใต้การบริหารของนายกเทศมนตรีชรา (พ่อของวีลา) เมืองนี้ก็ไม่ได้สูญเสียความเป็นระเบียบเรียบร้อยและตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
ช่วงนี้ผู้เล่นถูกปล่อยให้ว่างงานเล็กน้อย เนื่องจากไม่มีการก่อสร้างในขณะที่แองโกร่าไม่อยู่ แต่พวกเขาก็ยังสามารถรับเควสประจําวันได้จากกระดานประกาศ และกุญแจดันเจี้ยนห้องใต้ดินลับของผีดิบก็ยังสามารถรับได้จาก “เจ้าหญิงนักรบลีอายาการัน” ซึ่งหมายความว่าชีวิตประจําวันของผู้เล่นไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ
พวกเขายังคงขยันขันแข็งดังเช่นทุกวัน
อันที่จริงต้องบอกว่าการปรากฏตัวของฟอรัมและโพสต์ต่าง ๆ ที่เขียนว่า [ข้าเป็นมือใหม่และข้าเพิ่งดรอปไอเทมแรร์ม่วงเลเวล 20 ได้ ไอเทมนี้ดีหรือไม่] จุดประกายการแข่งขันกันในฟอรัม
ในฐานะผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม ปกติแล้วผู้เล่นไม่ได้แข่งขันกันด้วยสินค้าหรูหราเช่นนาฬิกาข้อมือหรือรองเท้าผ้าใบ แต่มันคือการมีเลเวลสูงกว่าหรือไอเทมที่ดีกว่า
ดังนั้นผู้เล่นจํานวนมากจึงวิ่งออกไปอัพเลเวลและท้าทายดันเจี้ยนกันอย่างกระตือรือร้น เพื่อที่พวกเขาจะได้รับไอเทมดรอปสีทองเทพ ๆ และอวดมันในฟอรัมให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ ได้อิจฉา
ซีเว่ยสนับสนุนทัศนคตินี้ของพวกเขา แม้ว่าเขาจะรู้ว่าไอเทมทั้งหมดของเขาในตอนนี้ ไม่มีไอเทมไหนที่เป็นระดับตํานานสีทองอีกแล้ว
สรุปสั้น ๆ ว่า ตอนนี้ผู้เล่นมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อก่อนมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการที่เลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นเพิ่มขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะวิ่งเข้าไปเจอบิชอปชุดดําในห้องใต้ดินลับของผีดิบ พวกเขาก็ยังกล้าเผชิญหน้า
ผู้เล่นบางถึงกับใช้กลยุทธ การวิ่งเข้าไปตายอย่างรวดเร็วเมื่อสุ่มเจอกันบิชอปชุดดํา” หรือ “การวิ่งเข้าไปตายอย่างรวดเร็วเมื่อสุ่มเจอดันอาร์ชบิชอปกระดูกเน่า”
นั่นจึงทําให้การฟาร์มของผู้เล่น ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
เพราะผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมของการตายยกตี้ได้ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาวิ่งเข้าไปเจออาร์ชบิชอปกระดูกเน่า ดังนั้นมันก็ดีกว่าที่พวกเขาจะพุ่งเข้าหาความตายทันทีเพื่อประหยัดเวลา พวกเขาจะได้เอาเวลาที่เหลือไปสํารวจหุบเขาแห่งความตายและท่าเรือเกรย์ฟยอร์ดต่อ
แต่นั่นก็ทําให้ผู้เล่นจํานวนมากคิดถึงวันที่มาร์นี่ยังฝันที่เคลียร์ดันเจี้ยนนี้ให้สําเร็จ เพราะทุกครั้งที่เขามาท้าทายดันเจี้ยน เขาก็มักจะวิ่งเข้าไปเจออาร์ชบิชอปกระดูกเน่าที่มีอัตราการปรากฏตัวขึ้นเพียง 2 ครั้งต่อวัน และปูเส้นทางที่ปลอดภัยให้กับผู้เล่นคนอื่นด้วยชีวิตของเขา
อาจเป็นไปได้ว่าตอนนี้มาร์นี้ได้ล้มเลิกความฝันของเขาไปแล้ว หลังจากที่เขาเข้าใจว่าการลงดันเจี้ยนของเขาก่อให้เกิดความสูญเสียมากกว่าการได้กําไร ดังนั้นเขาจึงไปหมกมุ่นอยู่กับการค้าขายและสํารวจท่าเรือเกรย์ฟอร์ดที่อันตรายน้อยกว่า ซึ่งทําให้ผู้เล่นหลายคนเสียใจ…
โจอี้ อาร์บิตเตอร์ (พรานวัยกลางคนที่ต้องการดูแลเทอร์รี่และจอมเหมือนลูก) กําลังเดินอยู่บนถนนในเมืองไร้ชื่อกับเพื่อนนายพรานจากหมู่บ้านของเขา พวกเขาได้ติดตามผู้เล่นที่มีประสบการณ์และค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในหมู่ผู้เล่นใหม่ คนที่มักจะช่วยพาผู้เล่นเลเวต่ำกว่าเคลียร์ดันเจี้ยนห้องใต้ดินลับของผีดิบ
“นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมตําแหน่งการโจมตีถึงสําคัญมาก เมื่อเจ้าเห็นโอกาส เจ้าก็รีบลอบไปอยู่ด้านหลังบอสและตีตูดมันซะ” เขาแบ่งปันประสบการณ์ของเขากับโจอี้และคนอื่น ๆ อย่างกระตือรือร้น “เจ้าจําโจโคโบะที่โจมตีหมู่บ้านของเจ้าตอนนั้นได้ไหม? ข้าสร้างดาเมจได้เยอะมากด้วย การฟาดตูดมันด้วยการโจมตีเดียว และช่วยหมู่บ้านของเจ้าเอาไว้ได้!”
“ฮะ แต่ข้าจําได้ว่า เจ้าถูกนกตัวนั้นเตะ..พี่ชายวัลแคน” พรานคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างลังเล
พรานคนนั้นถูกตบหัวก่อนที่เขาจะพูดเสร็จ “เจ้ากําลังพูดอะไร!? พี่ชายวัลแคนใจดีมากที่มาแบ่งปันประสบการณ์ให้เราฟัง ทําไมเจ้าถึงพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้? ด่วน รีบพูดว่า “ขอบคุณพี่ชายวัลแคน!”
ดังนั้นเหล่าอดีตนายพรานจึงร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า “ขอบคุณพี่ชายวัลแคน!”
ทันใดนั้นผู้เล่นที่อยู่กลางสี่แยกก็ตะโกนว่า “เจ้ามือดํามาแล้ว!”
จากนั้นถนนที่มีชีวิตชีวาก่อนหน้านี้เงียบลงทันที ครูต่อมา ผู้เล่นรอบ ๆ ต่างก็วิ่งหนีราวกับฝูงนกแตกตื่น พวกเขากลัวสิ่งที่ถูกเรียกว่า “เจ้ามือดํา”
แค่เพียงอึดใจเดียว ก็เหลือเพียงโจอี้และกลุ่มมือใหม่เท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้บนถนน พร้อมกับกะหล่ำปลีหัวเดียวที่ยังคงกลิ้งอยู่บนพื้น
โจอี้มองไปที่พี่ชายวัลแคนอย่างกังวล “เจ้ามือดําเป็นคนที่เราไม่ควรไปมีเรื่องด้วยงั้นรึ?”
วัลแคนพยักหน้า “จะว่างั้นก็ได้”
นั่นทําให้โจอี้นึกถึงสมัยที่เขายังเป็นนายพราน เมื่อเขาไปที่เมืองเพื่อขายขนสัตว์ เขาก็มีโอกาสได้พบกับบุตรชายขอวอาร์คบิชอปที่มีอํานาจและผู้มีอิทธิพลคนอื่น ๆ ที่คอยกดขี่ชาวบ้าน
แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ประสบการณ์ของพวกเขาในฐานะผู้เล่น ทําให้โจอี้และคนอื่น ๆ ชอบชีวิตของพวกเขาในศาสนจักรเทพเจ้าแห่งเกมตอนนี้มาก
ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ โจอี้จึงรู้สึกผิดหวังมาก เขาไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ในศาสนจักรของเทพเจ้าแห่งเกมด้วย
“เจ้าเรียกใครว่ามือดํา! ข้าคือซอนหยาน* กรงเล็บเทา!”
(ซอนหยาน ขอเปลี่ยนชื่อจากเดิมคือ “ซ่งเยวี่ยน” นะคะ คิดอีกที่ชื่อจีนไม่เข้าเลย เอาทําศัพท์ eng แทนแล้วกันค่ะ)
ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวไม่ต่างจากผู้เล่นคนอื่น ๆ ปรากฏตัวขึ้นริมถนน เขาบ่นอย่างไม่พอใจที่ผู้เล่นคนอื่น ๆ พากันหลบหนีเขาราวกับเขาเป็นตัวเชื้อโรค
“ทําไมเขาดูไม่เหมือนคนเลวเลยล่ะ” โจอี้กระซิบกับวัลแคน
“เลวเหรอ? ไม่ ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น ข้าหมายความว่าเจ้าไม่ควรมองข้ามเขา จริง ๆ แล้วซอนหยานเป็นคนดีและมีฝีมือมาก แต่มือของเขาก็แค่ดํา” วัลแคนส่ายหัว “เจ้ารู้เรื่องธรรมเนียมการแตะศพใช่ไหม? มันก็คือการดึงไอเทมดรอปจากสัตว์ประหลาดที่ตายแล้วในดันเจี้ยนก่อนที่ร่างของพวกมันจะหายไป”
โจอี้และคนอื่น ๆ พยักหน้า พวกเขาคุ้นเคยกับความรู้เกี่ยวกับดันเจี้ยนโดยธรรมชาติ
“ไอ้ที่เขาถูกเรียกว่ามือดํานั้นก็หมายถึง เขาได้รับไอเทมดรอปที่ไม่ดีทุกครั้งที่เขาแตะศพ” วัลแคนอธิบาย
“นั่นไม่ใช่แค่โชคร้ายเหรอ? ต้องกลัวกันขนาดนั้นเลย?” พรานคนหนึ่งถาม
“เจ้ายังไร้เดียงสาเกินไป” วัลแคนส่ายหัว “ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องเคยได้ยินเรื่องเซ็ตไอเทมกระดูกหนามใช่ไหม? มันเป็นหนึ่งในเซ็ตไอเทมที่ดีที่สุดในห้องใต้ดินลับของผีดิบ และมันจะดรอปอย่างน้อย 1 ชิ้นส่วนต่อการเคลียร์ดันเจี้ยน 1 ครั้ง แต่หากเจ้ามีเจ้ามือดําอยู่ในปาร์ตี้ตลอดทั้งเดือน…”
“ก็จะไม่มีไอเทมดรอป?” โจอี้เดา
“ไม่ แต่ไอเทมที่ดรอปเพียงชิ้นเดียวตลอดทั้งเดือน ก็คือถุงมือกระดูกหนามข้างขวา และไม่มีชิ้นส่วนอื่นเลย”
ใบหน้าของผู้เล่นใหม่ทุกคนดูหวาดกลัวมาก
ไม่น่าแปลกใจที่ถุงมือกระดูกหนามข้างขวาขายถูกมากจนน่าขันในฟอรัม แม้แต่ผู้มาใหม่อย่างพวกเขาก็ยังสามารถซื้อใส่ได้
“แล้วทําไมเจ้าถึงรู้ลึกจัง?” โจอี้ถามด้วยความอยากรู้
เป็นผลให้วัลแคนผู้ซึ่งกําลังพูดคุยเรื่องประวัติความเป็นมาของเจ้ามือดําอย่างกระตือรือร้นตัวแข็งทื่อ เขามีสีหน้าเจ็บปวดราวกับว่าเขาจําประวัติศาสตร์อันดํามืดบางอย่างที่เขาไม่อยากจะจําขึ้นมาได้
“โย ว่าไงวัลแคน ปาร์ตี้ลงดันเจี้ยนของเจ้ายังขาดคนอยู่รึเปล่า” ซอนหยานยิ้มทักทายวัลแคนที่อยู่ใกล้ที่สุด และพบว่าเขากําลังอยู่ท่ามกลางผู้เล่นมือใหม่
จากนั้นวัลแคนก็วางมือทั้งสองข้างลงบนไหล่ของซอนหยาน และพูดกับอดีตสมาชิกปาร์ตี้ของเขาอย่างจริงจังว่า
“รีเซ็ตคะแนนทักษะของเจ้า และกลับไปฝึกฝนมาใหม่ซะ”
ซอนหยาน: ???