บทที่ 142 ผู้เล่นคนอื่น ๆ กําลังน้ำลายไหล
เรือลําเล็ก ๆ หลายลํา แล่นออกจากท่าเรือเกรย์ฟยอร์ดไปยังเกาะมนุษย์เงือกที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้า ๆ
และเรือที่นําหน้าอยู่คือปาร์ตี้ 5 คนของเอ็ดเวิร์ด เป็นเวลานานแล้วนับตั้งแต่ที่พวกเขาได้รับชื่อเสียงในหมู่ผู้เล่นในฐานะ “ปีศาจบ้าเควส”
แต่ถึงอย่างนั้น เรือลําน้อยของพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก
“อ๊า! รอยแตกเต็มไปหมดเลย น้ำกําลังจะท่วมเรือแล้ว! เราไปไม่ถึงเกาะมนุษย์เงือกแน่!” เจสสิก้าตะโกนอย่างตื่นตระหนก ในขณะที่เธอรีบบัฟให้คนอื่น ๆ
“มันเป็นความผิดพลาด ข้าไม่คิดว่าจะมีแมวน้ำจํานวนมากอยู่แถวนี้” โจพูดขณะที่เขาใช้เกราะส่วนอกของเขาแทนขัน และวิดน้ำออกจากเรือ “เรือลํานี้จะอ่อนแอเกินไปแล้ว มันแตกทันทีที่ข้าเคาะ”
“นี่จะต้องเป็นการทดสอบที่เทพเจ้าแห่งเกมมอบให้กับเรา เขาต้องการเตือนให้เราไม่ประมาท!” เอ็ดเวิร์ดกําลังคิดอย่างจริงจัง ในฐานะเขาเป็นผู้ศรัทธา 3 อันดับแรก เขาถือเป็นหนึ่งในศาสดาพยากรณ์ของเทพเจ้าแห่งเกม “ข้าลืมคิดถึงสถานการณ์นี้ไปเลยทั้งที่มันชื่อว่า “เรื่อธรรมดา? เราควรจะใช้น้ำแข็งหรือวัสดุอื่น ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเรือก่อน ถ้าเรารู้ก่อน เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”
“ครั้งต่อไปถ้าข้าเห็นไอ้แมวน้ำเชี่ยนั่นอีกครั้ง ข้าจะผ่าหัวมัน!” โจสบถอย่างไม่มีความสุข
เพราะเมื่อก้นเรือรั้ว ทั้งโจและโควต้านต่างก็ตกโจจนโยนไม้พายทิ้งลงทะเล แต่เหตุผลเดียวที่เรือยังคงเคลื่อนไปข้างหน้าได้ก็เพราะคล็อกกาโตว์คู่หูของเอลีน่า กําลังว่ายน้ำลากเรือไปข้างหน้า
ขณะเดียวกัน เด็กหญิงก็นั่งอยู่ตรงหัวเรือ และคอยส่งเสียงเชียร์ให้กําลังใจด้วยน้ำเสียงน่ารัก ๆ ของเธอ
“ข้าว่า..” โกวต้านซึ่งอยู่ท้ายเรือคอยวิดน้ำออกด้วยหมวกเกราะ หันไปหาเอ็ดเวิร์ดที่กําลังใช้เวทมนตร์น้ำแข็งอุดรูรั่วของเรือ “เราไม่จําเป็นต้องขึ้นนําทุกครั้งก็ได้จริงไหม? ให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ คําที่ใช้ในฟอรัมคืออะไรนะ? ให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ ไปเป็นแนวหน้าตายแทนก่อนก็ได้”
ตั้งแต่แรกปาร์ตี้ของพวกเขาเป็นปาร์ตี้แนวหน้า เมื่อใดก็ตามที่ระบบมีการอัปเดตเวอร์ชั่นออกเควสใหม่ ดันเจี้ยนใหม่ หรือกิจกรรมต่าง ๆ เช่นการปลดล็อกไอเทมกิจกรรมอย่างเรื่อธรรมดาครั้งนี้ก็ด้วย พวกเขาก็มักจะอยู่แนวหน้า คอยเสี่ยงอันตรายแทนคนข้างหลังเสมอ
เมื่อพวกเขาทําสําเร็จ ผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหลังก็จะวางกลยุทธ์ โดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของพวกเขา ทําให้คนอื่น ๆ ที่เหลือสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันตรายได้
พูดง่าย ๆ ก็คือ เอ็ดเวิร์ดและปาร์ตี้กําลังข้ามแม่น้ำโดยการถ่มก้อนหิน ในขณะที่ผู้เล่นคนอื่น ๆ ข้ามแม่น้ำโดยการเดินผ่านถนนที่พวกเขาสร้างไว้.
แม้มันจะทําให้พวกเขาได้รับความเคารพและชื่อเสียงมากมายในสายตาของผู้เล่นคนอื่น ๆ แต่ในฐานะที่เขาเป็นเรนเจอร์ที่คล่องตัวที่สุดในทีม เขาก็มักจะตกเหยื่อของการเผชิญหน้าครั้งแรกเสมอ พอหลายครั้งเข้า โกวต้านก็รู้สึกไม่พอใจนิด ๆ
มันบ้ามากที่พวกเขาต้องเป็นหินถมทางเพื่อให้คนอื่นข้ามแม่น้ำ
“แม้มันจะอันตราย แต่รางวัลของเราก็มากที่สุดเสมอไม่ใช่เหรอ”
เอ็ดเวิร์ดตอบ แต่เขาก็ต้องถอนหายใจอีกครั้ง “ถึงข้าจะพูดแบบนั้น เจ้าก็คงไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ”
โกวต้านไม่ตอบ แต่ที่หน้าเขามีคําว่า “ใช่เจ้าถูก!” แปะอยู่
“เหตุผลของข้าเรียบง่ายมาก ถ้าเราไม่นับลุงซีเว่ยผู้ลึกลับคนนั้น เราอาจเป็นผู้ศรัทธาที่เก่าแก่ที่สุดที่เทพเจ้าแห่งเกมยอมรับ” เอ็ดเวิร์ดพูดช้า ๆ
“ห้ะ? เจ้าหญิงลีอาเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมมาตั้งแต่ยังเด็กแล้วไม่ใช่เหรอ” โกวต้านถามด้วยความประหลาดใจ
“ในทางทฤษฎีก็ใช่ และข้าก็เคยเชื่อแบบนั้น จนกระทั่งไม่กี่วันก่อน ตอนที่ข้าได้ทําเควสร่วมกับองครักษ์ของเธอ ข้าก็ค้นพบเรื่องนี้โดยบังเอิญว่า เธอไม่ได้มีระบบมาตั้งแต่แรกเธอพึ่งได้รับมันเมื่อต้นฤดูหนาว นั่นช้ากว่าพวกเราอีก!”
เอ็ดเวิร์ดพูดอย่างมั่นใจ “ยิ่งไปกว่านั้น เรามีนักบุญหญิงอยู่กับเรา”
เอลีน่าที่นั่งเอาเท้าจุ่มน้ำทะเลคอยให้กําลังใจคล็อกกาโตว์ รู้สึกเหมือนว่ามีใครเรียกเธอ เธอจึงหันกลับมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เอ็ดเวิร์ดทําท่าทาง ไม่มีอะไร ให้เธอ จากนั้นเด็กหญิงก็หันกลับไปที่หัวเรือ และฮัมเพลงพร้อมกับโครงหัวจนทําให้ทวิลเทลสีเงินขยับไหว
กลับกัน โกวต้านยังไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้ต่อต้านการถ่มทางให้คนอื่นแล้ว
“ข้าไม่ได้มีปัญหากับการที่พวกเจ้าจะคุยกันหรอกนะ แต่จะพูดก็อย่าหยุดตักน้ำ ไม่งั้นเรือจะจม!”
โจที่พยายามวิดน้ำออกคนเดียวมาตั้งแต่เมื่อกี้ เกือบต้องหลั่งน้ำตา
น่าเสียดายที่เรือไม่รอดไปถึงเกาะ..
เรือลําน้อยนั่งลงห่างจากชายหายของเกาะมนุษย์เงือกเพียง 10 เมตร เรือลําน้อยกระแทกเข้ากับลูกมะพร้าวที่ร่วงลงหล่นมา จนมีรูขนาดใหญ่ปรากฏบนเรือเหมือนถูกตอร์ปิโดยิงใส่ ทําให้การดิ้นรนอย่างหนักหน่วงของทุกคนต้องพังทลายลง
ในขณะที่เรือค่อย ๆ จมลงสู่ทะเล โชคดีที่ทุกคนเคยเคลียร์ดันเจี้ยนในท่าเรือเกรย์ฟยร์ดแล้ว พวกเขาสามารถว่ายน้ำได้ แม้ว่าพวกเขาจะว่ายน้ำไม่เก่งก็ตาม และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ถูกคลื่นซัดหายไปกับทะเล
พวกเขาประสบความสําเร็จในการปีนขึ้นไปบนชายหาดของเกาะมนุษย์เงือก
เมื่อเทียบกับชายฝั่งทะเลซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านมนุษย์กบ เกาะมนุษย์เงือกนั้นอันตรายกว่ามาก เอ็ดเวิร์ดและปาร์ตี้วิ่งเข้าไปหาศัตรูกลุ่มแรกทันทีที่พวกเขามาถึงชายหาด พวกมันไม่ใช่มนุษย์เงือก แต่เป็นปูนักฆ่าที่มีขนาดเท่าลูกช้าง ผู้ปกครองชายหาดของเกาะมนุษย์เงือก!
ปูเหล่านี้เป็นศัตรูตามธรรมชาติของมนุษย์เงือก มนุษย์เงือกส่วนใหญ่จะไม่รอดจากก้ามปูของมันเมื่อถูกมันจับได้ จากนั้นพวกเขาก็จะถูกตัดออกเป็นสองส่วน และกลายเป็นอาหารปูในที่สุด
กระดองปูไม่ใช่เปลือกแข็ง แต่เป็นเปลือกผสมกับโลหะบางชนิด ที่มีลักษณะคล้ายกับเกราะเหล็กหนา ๆ แต่อาวุธส่วนใหญ่ที่มนุษย์เงือกใช้นั้นทําจากเปลือกหอยและปะการัง นั่นทําให้ไม่มีทางที่พวกมนุษย์เงือกจะรอดชีวิตไปได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปูนักฆ่า พวกเขาทั้งหมดต่างลงเอยด้วยการเป็นอาหารปู ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามจับปูด้วยวิธีใดก็ตาม นั่นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่มีมนุษย์เงือกสักตัวบนชายหาด
แต่การต่อสู้ระหว่างมนุษย์เงือกและปูนักฆ่า ไม่มีประโยชน์อะไรต่อมนุษย์ โดยเฉพาะกับผู้เล่น
เปลือกของมันจะเทียบกับชุดเกราะได้เหรอ? แม้ว่ามันจะเหมือนชุดเกราะจริง ๆ แต่ผู้เล่นก็ไม่ได้เก็บเอามันมาใส่ใจเลย พวกเขาได้เรียนรู้ทักษะดีบัฟ ที่จะทําให้ร่างกายของศัตรูอ่อนแอลง เรียนรู้ทักษะยิงเจาะเกราะ และเรียนรู้ทักษะการทําปูนึ่ง…
ดังนั้น เมื่อผู้เล่นกลุ่ม 2 ที่ใช้ความพยายามและเวลาไปอย่างมาก กว่าจะมาลงจอดบนชายหาดเกาะมนุษย์เงือกได้อย่างสวัสดิภาพ ได้พบกับผู้เล่นกลุ่มแรก ที่ไม่สามารถถอนตัวออกจากปาร์ตี้ปูนึ่งอันเอร็ดอร่อยที่เพิ่งค้นพบได้ จากความสงสารของเทพเจ้าแห่งเกม ที่นำเพียงเนื้อปูและเปลือกเพียงบางส่วนไป และอนุญาตให้ผู้เล่นเก็บส่วนอื่น ๆ ที่กินได้เกือบทั้งหมดเอาไว้
เนื้อปูสดหวานอร่อย และไข่ปูก็เหลืองเนียน มันไม่เลี่ยนจนเกินไป และให้ความรู้สึกหนึบ ๆ เวลาเคี้ยว เมื่อกินคู่กับขนมปังแผ่นบาง ๆ มันก็อร่อยจนตัวปลิว ทําให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่พึ่งมาถึงได้ แต่น้ำลายสอ…