บทที่ 154 เกงโยค
เมื่อหัวหน้าทหารรักษาการของเมืองได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่แววตาของเขามีความสุขแฝงอยู่เล็กน้อย แม้นจะเป็นการลอบโจมตี แต่เขาก็เร่งพลังออร่าและชักดาบของเขาเหวี่ยงไปที่มูฟาซา!
ตัวอักษร ‘อันตราย’ สีแดงสดที่มีเพียงมูฟาซาเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ปรากฏขึ้นบนหัวของเขา
เขาหยุดมันไม่ได้!
หัวใจของมูฟาซาเต้นแรง มือที่กําดาบอยู่ของเขาสั่นสะท้านก่อนจะขยับอย่างรวดเร็ว มันเป็นการโจมตีเพื่อป้องกัน แทนที่จะพยายามป้องกันเพียงอย่างเดียว!
การเคลื่อนไหวของเขาน่าจะทําลายคอบโบของโบลท์ได้ อย่างไรก็ตามโบลท์กลับไม่ได้สะดุ้งสะเทือนมากนัก เขาแก้ไขมันด้วยพลังระเบิดที่สะท้อนออกมาจากดาบได้อย่างง่ายดาย มูฟาซา สูญเสียโอกาสในการหยุดเขา
มูฟาซาอดไม่ได้ที่จะตะลึง
แต่เขาไม่รู้ว่าโบลท์ตะลึงยิ่งกว่า แม้ใบหน้าของเขาจะยังนิ่งเหมือนเดิม
การโจมตีของเขาถูกหยุดไว้ได้โดยคนที่ไม่ใช้ออร่า? มันจะเป็นไปได้ยังไง?!
ออร่าเป็นพรศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งสงครามคราตอส โดยพื้นฐานแล้ว มันมีพลังเหนือธรรมชาติเช่นเดียวกับเวทมนตร์ และเวทมนตร์ทั้งหมดบนโลกใบนี้มาจากเมจิกไวโอเล็ท เนื่องจากทั้งเขา และคราตอสเป็นสองในเจ็ดเทพบิดร มันจึงไม่มีความเหลื่อมล้ําในด้านพลังระหว่างทั้งสองอย่างชัดเจน อย่างน้อยที่สุดก็ในสายตาของมนุษย์
ดังนั้นพรที่ได้จากเทพ จึงน่าจะคร่าชีวิตคนธรรมดาได้โดยที่คนธรรมดาไม่สามารถหยุดยั้งได้ไม่ว่าทักษะดาบของพวกเขาจะดีเพียงใดก็ตาม
เว้นแต่คน ๆ นั้นจะเป็นบุคคลพิเศษที่อยู่เหนือกฎของโลก หรือได้รับปาฏิหาริย์และกลายเป็นแชมป์เปี้ยนในตํานาน
โบลท์ไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาคือแชมป์เปี้ยนคนหนึ่ง ถ้าเขาเป็นบุคคลในตํานานจริง ๆ เขาคงจะใช้อํานาจทําลายพวกเขาที่เอ่ยคําสบประมาทก่อนหน้านี้ไปแล้ว โดยทําให้ทั้งโบลท์และคนอื่น ๆ ถูกฝังไปพร้อมกับแลงคาสเตอร์
และพลังของเขาก็ไม่น่าจะใช่เวทมนตร์เช่นกัน เพราะมูฟาซาไม่ได้ทําสัญลักษณ์ใด ๆ เลย
ดังนั้นความเป็นไปได้เดียวที่เหลืออยู่ก็คือ ‘ศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์’ มีโอกาสสูงมากที่มูฟาซาจะได้รับการฝึกฝนศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์บางอย่างที่สามารถต่อต้านพลังออร่าได้!
ไม่ว่าหัวหน้าทหารรักษาการของเมืองจะสรุปได้อย่างไร เขาก็ต้องถอนคําดูถูกที่เขาเคยคิดไว้
ความจริงที่ว่ามูฟาซาสามารถหยุดการโจมตีที่แฝงพลังออร่าของเขาได้ นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นมากกว่ามนุษย์ธรรมดา และอยู่ในขอบเขตของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ไม่ใช่ตัวตนง่าย ๆ แต่เป็นตัวตนที่ควรค่าแก่การให้ความเคารพ
“ข้า! โบลท์มาร์บิล หัวหน้าทหารรักษาการของเมืองแลงคาสเตอร์ ทายาทของนักดาบผู้ยิ่งใหญ่เอลตันคอบบ์ และเป็นผู้ถือตราของวิหารแห่งความรุ่งโรจน์!” เขาประกาศเสียงดังใสมูฟาซา “จงเอ่ยนามของเจ้าออกมา!”
ชื่อยาวนี้โคตรเท่เลย
มูฟาซาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
ดังนั้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เขาก็เลียนแบบโบลท์และพูดว่า “ข้า ผู้เป็นพยานการล่มสลายของลัทธิกระดูกเน่า ผู้จุดไฟในดินแดนแห่งความตายอันน่าเศร้า นักล่าสมบัติในส่วนลึกของเกรย์ฟยอร์ด และนักรบที่ขับไล่การรุกรานของเผ่ามนุษย์เงือก มูฟาซาคนธรรมดาที่ผ่านทางมา!”
‘คนธรรมดาที่ผ่านทางมาบ้านเจ้าสิ!’ ทั้งโบลท์และขุนนางหนุ่มต่างสบถอยู่ในใจ
เขาคิดว่ามูฟาซาไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน ดังนั้นโบลท์จึงไม่พูดมากความและเริ่มโจมตีมูฟาซา อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม แทนที่จะแลกเปลี่ยนการโจมตีกับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา หัวหน้าทหารรักษาการของเมืองกลับใช้รูปแบบการต่อสู้อันโหดเหี้ยมที่ผิดปกติ ด้วยพลังออร่าของเขา ทําให้ความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าคนทั่วไปมาก หากเป็นผู้เล่นคนอื่น ๆ พวกเขาอาจเสียเปรียบและพ่ายแพ้ให้กับหัวหน้าทหารอย่างรวดเร็ว
นั่นเพราะบ้านโทรม ๆ หลังนี้เล็กและแคบเกินไป เมจและเรนเจอร์จะไม่มีพื้นเพียงพอให้ร่ายทักษะ ชาโดว์โรคก็ไม่เก่งในการเผชิญหน้ากับศัตรูตรง ๆ เครลิคก็ได้แต่สวดมนต์ ในขณะที่นักดาบวิญญาณก็อาจฆ่าตัวตายโดยการถล่มที่นี่
แต่มูฟาซาเป็นข้อยกเว้น เขาเป็นซอร์ดมาสเตอร์เพียงคนเดียวที่เดินในเส้นทางของเกงโยค
ในฐานะที่เป็นเกงโยค มูฟาซาไม่มีความสามารถอื่นใดนอกจากทักษะดาบ ไม่มีคลื่นดาบ ไม่มีความสามารถในการแลกเปลี่ยน HP เพื่อรับบัฟที่ทรงพลัง ไม่มีเทคนิคสกปรกเช่นการปาทรายหรือปาอิฐ
สิ่งที่เขาพึ่งพาได้อย่างเดียวคือทักษะดาบของตัวเอง
เป็นธรรมดาที่เขาจะแพ้สัตว์ประหลาดที่มีเลเวลเท่ากัน
ตอนแรกที่เขาตัดสินใจเปลี่ยนคลาสเป็นเกงโยคหลังจากที่ถูกหลอกด้วยวิดีโอตัวอย่าง ความจริงเขาแค้นใจมาก เมื่อเขาถูกสัตว์ประหลาด 2-3 ตัวล้อม แม้ว่าพวกมันจะเลเวลน้อยกว่าเขาถึง 6 เลเวล เขาก็ยังพ่ายแพ้ ความสามารถในการต่อสู้ของเขาไม่ถือว่าทรงพลังเมื่อเทียบกับผู้เล่นคลาสอื่น ๆ เช่นเดียวกับที่เขามักจะถ่วงผู้เล่นคนอื่น ๆ ในปาร์ตี้เมื่อลงดันเจี้ยน
เมื่อเวลาผ่านไป มุฟาซาจึงยอมแพ้กับปาร์ตี้ และตัดสินใจที่จะลองท้าทายดันเจี้ยนเพียงลําพัง
ต้องรู้ก่อนว่าในเวลานั้น เลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นแตกต่างจากเลเวลปัจจุบัน ดันเจี้ยนนั้นยากและ อันตรายมากสําหรับผู้เล่นที่มีจํานวนคนในปาร์ตี้เต็มโควต้า
ตามปกติแล้ว มูฟาซาอาจตายได้ง่าย ๆ และเขาอาจมีเลเวลต่ํากว่า 15 หากเขาไม่ระวัง
แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาเริ่มรู้สึกว่าลูกกระจ๊อกในดันเจี้ยนนั้นอ่อนแอลงมาก ตอนนี้เขาสามารถเห็นร่องรอยการเคลื่อนไหวและวิถีการโจมตีของพวกมัน ทําให้เขาสามารถปัดป้องหรือเบี่ยงเบนการโจมตีได้อย่างง่ายดาย และจริง ๆ แล้วเขาสามารถตัดสองในสาม HP ของอัครมุขนายกกระดูกเน่าได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะถูกฆ่าด้วยทักษะ AOE ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
นั่นทําให้มูฟาซาหลงอยู่ในภาพลวงตาว่าเขาสามารถฆ่าอัครมุขนายกกระดูกเน่าได้ด้วยตัวคนเดียว หากมีสมาชิกปาร์ตี้ที่ไว้ใจได้คอยรักษาเขา…
น่าเสียดายที่ชื่อเสียของคลาสเกงโยคได้แพร่กระจายไปทั่วฟอรั่ม จนแม้แต่ผู้เล่นที่ไม่เคยรู้จักเขาก็ยังพูดว่า ‘ปาร์ตี้เราเต็มแล้ว’ หรือ ‘พี่ใหญ่ละเว้นข้าเถอะ นี่ 20 เหรียญ พี่เอาไปซื้อเนื้อย่าง กินซะนะ’ หลังจากรู้ว่าเขาเป็นซอร์ดมาสเตอร์ที่เดินบนเส้นทางของ ‘เก็งโยคุ’
ดังนั้นตอนนี้มูฟาซาซึ่งได้ละทิ้งเควสถาวร [แสงของเทพเจ้าจะส่องสว่างไปทั่วผืนแผ่นดิน] ไประยะหนึ่ง จึงตัดสินใจรับสมัครผู้เล่นใหม่เข้าร่วมปาร์ตี้ และเริ่มการเผยแพร่ศาสนาในแลงคาสเตอร์
และนั่นคือเหตุผลที่ตอนนี้มูฟาซาสามารถติดตามการโจมตีของหัวหน้าทหารที่พัดกระหน่ําราวพายุได้…เขาสามารถตามจังหวะของโบลท์ และมองเห็นการโจมตีของเขาได้ก่อนที่เขาจะใช้มันออกมา!
ดังนั้นโบลท์ที่วางแผนจะใช้การโจมตีอันบ้าคลั่งของเขาเพื่อทําให้มฟาซามือไม้พันกัน และเช็ด เขาออกไปด้วยการโจมตีที่เฉียบขาดเพียงครั้งเดียว จึงถูกดึงเข้าสู่สงครามแห่งการปะทะดาบอันดุเดือดนี้!
เขาแตกต่างจากมูฟาซาที่สามารถอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดได้ตราบใดที่แถบพลังกายของเขายังไม่ว่างเปล่า โบลท์เป็นเพียงมนุษย์ ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ของเขาจะลดลงพร้อมกับพลังกายที่ลดลง หลังจากต่อสู้กันไปเพียงครึ่งนาทีเขาก็พลาด เขาไม่อาจตอบสนองได้ทันเวลา เมื่อนิ้วของเขา ถูดฟาดด้วยด้ามดาบของมูฟาซาดาบของเขาก็หลุดกระเด็นออกจากมือ
‘มันยังไม่จบ!’
โบลท์คํารามในใจ และระเบิดพลังออร่าทั้งหมดของเขาออกมา!
ไม่มีใครเคยบอกว่าพลังออร่าของเทพสงครามใช้ได้กับอาวุธเท่านั้น! โบลท์ยิ้มเหี้ยม เขาควบแน่นพลังออร่าเป็นกระสุนแล้วยิงไปที่มูฟาซา!
ความจริงแล้วโบลท์มีทักษะดาบดีมาก แต่เขาก็ยังขาดเมื่อเทียบกับคนที่เก่งจริง ๆ แม้เขาจะแพ้ให้กับนักดาบคนอื่น ๆ ในระดับเดียวกันบ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มักจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย เพราะนักดาบทุกคนมักจะประมาทโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อพวกเขาเคาะดาบออกจากมือศัตรูได้
ความจริงกระสุนพลังออร่าที่เขาปล่อยออกมาตอนนี้ คือทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา!
แต่ทันใดนั้นรอยยิ้มของเขาก็ต้องแข็งค้าง
กระสุนพลังออร่าที่เขายิงออกไปด้วยพลังงานทั้งหมดของเขา กลับถูกปัดป้องได้!
‘เป็นไปได้ยังไง?! ออร่าไม่ใช่ทักษะดาบแต่เป็นการควบแน่นของพลังงานบริสุทธิ์ มันจะถูกปัดป้องแบบนั้นได้ยังไง? อีกฝ่ายไม่ได้ใช้ออร่าเลยด้วยซ้ํา!’
หากเขาได้ยินความคิดของโบลท์ มูฟาซาคงจะเยาะเย้ยเขาว่า ‘มันก็แค่การยิงคลื่นพลังใช่ไหมล่ะ ข้าเคยเห็นมันมานักต่อนักแล้วตอนที่ข้า PK’
ตราบใดที่ไม่มีคําว่า ‘อันตราย’ ปรากฏขึ้นบนหัวเขา เขาก็สามารถปัดป้องลูกไฟ ระเบิดน้ําแข็ง หนวดปลาหมึก อาหารทะเล และโชริวเคน(เอ๊ะ?)ได้
อย่างไรก็ตามโบลท์ หัวหน้าทหารรักษาการของเมืองไม่มีเวลาให้สงสัยอีกต่อไป ทันที่ที่มูฟาซา ปัดป้องคลื่นพลังของเขาได้ เขาก็ไม่ปล่อยโอกาสให้โบลท์ยอมจํานนแต่อย่างใด มูฟาซากระโจน เข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตีลังกาและตัดหัวโบลท์อย่างหมดจดในดาบเดียว!