ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games – ตอนที่ 163

ตอนที่ 163
บทที่ 163 เพิ่มรายได้ควบคุมรายจ่าย
พลังของซีเว่ย สามารถบันทึกได้เฉพาะประสบการณ์ของผู้ศรัทธาหลังจากที่พวกเขาเปลี่ยนใจ มาเลื่อมใสศรัทธาเขาเท่านั้น นั่นเป็นสาเหตุที่ทําให้เขาไม่รู้ถึงอดีตของซอนหยาน
เพราะหุบเขาแห่งความตายที่แยกทั้ง 2 ทวีปออกจากกันถือเป็นสถานที่อันตราย ทําให้มีมนุ ษย์ไม่กี่คนที่สามารถเข้าถึงทวีปตะวันตกได้ นอกเหนือจากการใช้เส้นทางเดินเรือที่ชุมนุมลับดวง ตาสร้างขึ้น
ซอนหยานเองก็เป็นชาวเผ่าสิงโต ซึ่งเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์หายากแม้ในหมู่มนุษย์สัตว์ ถึงอย่างนั้นคน ๆ นี้ก็มักจะเหม่อถึงเรื่องราวในอดีตที่เจ็บปวด ด้วยเหตุนี้เขาจึงดูแปลกแยกจากผู้เล่นที่ชอบทําตัวงี่เง่าไปวัน ๆ
ซีเว่ยพอจะเดาได้ว่าซอนหยานคงกําลังแบกอะไรบางอย่างอยู่ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่ลูกบอลเรืองแสง อันที่จริงมันอาจเป็นเพียงอดีตที่สิ้นหวังเช่น ถูกพ่อแม่ไล่ออกจากบ้านเพราะเขาแย่เกินไป หรือ ล้มเหลวในการต่อสู้ชิงบัลลังก์และถูกขับไล่โดยคนในเผ่า หรือข้าคือพ่อเจ้า!” “ม่ายยย!? อะไรแบบนี้
นั่นคือเหตุผลที่เขามอบเควส [ชัยชนะของราชาแห่งสรรพสัตว์] ให้เขา เพื่อให้ซอนหยานสามารถนํากลุ่มผู้เล่นไปสอดแนมในทวีปตะวันตก ที่ซึ่งการแข่งขันของเทพเจ้านั้นดุเดือดน้อยกว่าทวีปตะวันออกมาก
ถ้าเขาสามารถเข้าถึงทวีปนั้นได้ ศาสนจักรแห่งเกมก็สามารถก่อตั้งฐานที่มั่นแห่งใหม่ที่นั่นได้
เสียแต่ว่าพลังของผู้เล่นในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ
แม้ว่าพวกเขาบางคนจะเข้าถึงเลเวล 40 ได้หลังจบกิจกรรมเกาะมนุษย์เงือก และได้เรียนรู้ทักษะระดับสูงของคลาสต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงขอบเขตที่เรียกว่า “เหนือธรรมชาติ” ไปแล้ว แต่ด้วยเอกลักษณ์ของผู้เล่น รวมถึงทรัพยากรที่พวกเขาสามารถแบ่งปันได้นั้นมาจากสระน้ําเล็ก ๆ ของซีเว่ย (ที่เป็นเพียงเทพชั้นสาม) แต่ละคนจึงเป็นได้เพียงยอดมนุษย์ระดับต่ําเท่านั้น
อันที่จริงอัครมุขนายกกระดูกเน่านั้นก็ค่อนข้างอ่อนแอในหมู่ยอดมนุษย์ เนื่องจากเทพเจ้ากระดูกเน่าก็ไม่ต่างจากเทพเกิดใหม่อย่างซีเว่ย เพราะพวกเขาเป็นเทพเจ้าที่อ่อนแอ และเนื่องจากอัครมุขนายกไม่ได้เป็นทั้งผู้ถูกเลือกหรือนักบุญ เช่นเดียวกับที่เขาไม่ใช่พระสันตะปาปา ด้วยเหตุนี้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รับจึงค่อนข้างจํากัด มากสุดเขาก็มีเลเวลแค่ 30 ตามการประเมินของซีเว่ย
นอกจากนี้เมื่อผู้เล่นมีเลเวลเกิน 40 อัครมุขนายกกระดูกเน่าอาจไม่สามารถทําลายผู้เล่นทั้งปาร์ตี้ได้อีกต่อไป แต่ก็ยังไม่มีผู้เล่นคนใดสามารถเอาชนะเขาได้ด้วยตัวคนเดียว แม้จะมีช่องว่างมากถึง 10 เลเวลก็ตาม แม้แต่มูฟาซาที่เลือกเส้นทางเกิ้งโยค เมื่อเขามีเลเวล 40 เขาก็ยังคงเป็นเหยื่อที่ถูกเหยียบโดยอัครมุขนายกอยู่ดี
ด้วยเหตุนี้ ซีเว่ยจึงไม่ได้ตั้งใจจะส่งซอนหยานออกไปยังทวีปตะวันตกทันทีหลังจากที่เขาได้รับเควส เพราะผลลัพธ์เดียวที่เขาจะได้รับคือการตายของซอนหยาน..
พูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนนี้ผู้เล่นต้องการเวลาเพิ่มเลเวลก่อน เพื่อเข้าถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริง
และเควสที่ซีเว่ยมอบหมายให้ซอนหยานทําในระยะแรกคือ เควสรวบรวมวัสดุพิเศษเช่น ไม้ ไอเทมดรอปจากสัตว์ประหลาด และหินเสริมแกร่ง
หลังจากที่เขาทําสําเร็จ ซีเว่ยก็จะให้ซอนหยานสร้างเรือเดินทะเลด้วยฝีมืออันประณีตของเขา และมอบความไว้วางใจให้เขาทําเควสต่อเนื่อง ค้นหาสมาชิกปาร์ตี้ที่มีใจรักการผจญภัยเช่นเดียวกัน และร่วมมือกันเพื่อออกเดินทางไปยังทวีปตะวันตก
สําหรับแผนที่ที่จะนําทางไปสู่ทวีปตะวันตก ซีเว่ยวางแผนจะใช้เส้นทางเดินเรือลักลอบขนสินค้าที่ชุมนุมลับดวงตาจัดทําขึ้นเพื่อเป็นรางวัลเควส
เนื่องจากผู้เล่นเป็นมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์การเดินเรือ การเดินทางครั้งแรกก็คงจะจบลงด้วยการจมเรือตัวเองและกลายเป็นศพแม้จะมีแผนที่ทางทะเลเป็นข้อมูลอ้างอิงก็ตาม
ในฐานะที่เขาเป็นเทพเจ้าผู้เมตตา ซีเว่ยจะไม่ตัดสินว่าซอนหยานทําเควสล้มเหลว ในตอนนั้นเขาจะรีเซ็ตเควสกลับไปยังเฟสแรก และให้ผู้เล่นรวบรวมวัสดุเพื่อสร้างเรือใหม่อีกครั้ง ยังไงซะการรวบรวมวัสดุก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเขาทํามันร่วมกับเพื่อน ๆ
ซีเว่ยไม่ได้มีตาทิพย์ที่สามารถมองเห็นอนาคตได้ เขาจะเห็นผลลัพธ์ได้ก็ต่อเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น
ยังไงซะก็เป็นซอนหยานและผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่เล่นเกมนี้ไม่ใช่เขา…
สําหรับซีเว่ย มันเป็นเกมหมากรุกสบาย ๆ มันจะโอเคแม้ว่ามันจะไม่ได้ผล หากมันล้มเหลวอย่างน้อยเขาก็จะได้รู้ว่ามีอะไรอันตรายในทวีปตะวันตก และยังไม่พร้อมที่จะสํารวจ
นอกจากนี้ผู้เล่นยังอยู่ห่างจากเลเวล 60 เพียงไม่กี่เลเวล แต่เนื่องจากความต้องการด้าน EXP ที่เพิ่มขึ้น ผู้เล่นจึงต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้นเพื่อถ่มช่องว่างนั้น และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ซีเว่ยจะต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
สุดท้ายแล้วความสามารถของผู้เล่นก็ต้องพัฒนา และต้องมีเพดานเลเวลสูงสุดใหม่
ตราบใดที่ซีเว่ยเต็มใจใช้พลังงานเทพเจ้าของเขา ในฐานะเทพเขาสามารถพัฒนาผู้เล่นได้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะต้องบังคับพวกเขาก็ตาม แต่จะมีปัญหาร้ายแรงเกิดขึ้น ถ้ามีแค่ผู้เล่นไม่กี่คนมันก็โอเค แต่หากมีผู้เล่นเลเวลเกิน 60 จํานวนมาก พลังงานเทพเจ้าของซีเว่ยจะไม่เพียงพอ และเขาจะต้องเผชิญกับภาวะล้มละลาย
ตอนนี้ความจริงแล้วพลังงานเทพเจ้าของเขาแทบจะไม่มีความสมดุลระหว่างรายรับและราย จ่าย และไม่มีผลกําไรมหาศาลอย่างที่เขาคิดไว้ในตอนแรก
เหตุผลก็ง่ายมาก เขาประเมินรายจ่ายของทักษะต่ําเกินไป เมื่อใดก็ตามที่ผู้เล่นแต่ละคนเรียนรู้เทคนิกใหม่ ๆ ที่ระบบยอมรับว่าเป็นทักษะ พวกเขาก็จะใช้คะแนนทักษะเพื่อเรียนรู้มันทันที และการลงทุนคะแนนทักษะมากขึ้นก็ทําให้ผลของทักษะดีขึ้น
กระบวนการนี้มีค่าใช้จ่ายแบบขั้นบันไดสําหรับพลังงานเทพเจ้าของซีเว่ย การเรียนรู้ทักษะระดับหนึ่งจะใช้พลังงานเทพเจ้าไม่มากนัก แต่ค่าใช้จ่ายในการเพิ่มระดับทักษะจากระดับ 8 ไป 9 นั้นน่ากลัวมาก
ซีเว่ยไม่เคยคิดถึงสถานการณ์นี้มาก่อนเลย เพราะงั้นเขาเลยต้องใช้พลังมหาศาลเพื่อป้องกันไม่ให้ระบบทักษะพังทลาย
หากเขาสามารถโหลดไฟล์บันทึก และให้หนังสือเล่มนี้ย้อนกลับไปยังบทที่หนึ่งได้ เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะเปลี่ยนระบบทักษะใหม่ คะแนนทักษะจะใช้เพื่อเรียนรู้ทักษะเท่านั้น ในขณะที่ระดับทักษะจะเพิ่มขึ้นได้โดยการฝึกฝนมันซ้ํา ๆ ด้วยตัวเองเท่านั้น
“ฉันจะติดตัวแดงไม่ช้าก็เร็วถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป ถ้าฉันไม่อยากกลายเป็นลูกบอลเที่ยว ฉันคงต้องวางแผนใช้พลังงานเทพเจ้าของฉันตั้งแต่ตอนนี้”
ซีเว่ยยังคงยึดมั่นในวิธีเดิมนั่นคือ การเพิ่มรายได้และการควบคุมรายจ่าย
ที่บอกว่าควบคุมรายจ่ายนั้น เป็นอะไรที่ยากมากในความเป็นจริง เนื่องจากศาสนจักรแห่งเกมยังคงมีอะไรอีกมากมายให้ต้องทํา และสถานที่ที่ควรลงทุนพลังงานเทพเจ้าก็ไม่สามารถประหยัดได้ ถ้าซีเว่ยชะลอการพัฒนาของตัวเองลงเพียงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายบางอย่าง มันก็เหมือนกับการลากรถเข็นก่อนที่จะได้ม้ามาเทียม
หากเป็นแบบนั้นซีเว่ยสามารถใส่ เควสปลุกพลัง” หรืออะไรก็ตามที่คล้ายกันเพื่อควบคุมผู้เล่น โดยให้พวกเขาผ่านการทดสอบเพื่อที่เขาจะได้มีพลังงานเทพเจ้ามากขึ้น ก่อนที่จะเพิ่มเลเวลให้ผู้เล่น และในกระบวนการนี้ เขาก็จะเลือกผู้เล่นที่คุ้มค่ากับการลงทุนเพื่ออัพเลเวลให้สูงกว่า 60
ในทางกลับกัน การเพิ่มรายได้ทําได้ง่ายกว่ามาก
อย่างเช่นเมื่อกิจกรรมจบลง หมายความว่าผู้เล่นมีส่วนร่วมในฟอรัมและคุยโม้น้อยลง นอกจากนี้ผู้เล่นยังบ่นในฟอรัมว่ามันน่าเบื่อเกินไป และไม่มีอะไรให้ทํานอกจากนั่งอยู่เฉย ๆ ในกระท่อมสีดําหลังน้อยระหว่างรอฟื้นคืนชีพ
ดูเหมือนว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเพิ่มฟังก์ชันอื่น ๆ ในฟอรัม
“ในฐานะเทพเจ้าแห่งเกมผู้ยิ่งใหญ่ การเพิ่มเกมอาร์เคดลงในฟอรัม ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องหรือ”
ซีเว่ยหันไปมองเกมอาร์เคดทั้งสามเกมที่เขาได้ปรับแต่งมาเป็นเวลานาน และในที่สุดเกมที่ผ่านการดัดแปลงด้วยเวทมนตร์ 3 เกมก็ได้รับการบันทิ้งลงในซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในที่สุด
ตอนนั้นเอง รอยยิ้มของกาเบรียล นิวเอลก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้ากลม ๆ ของเขา
(TL:กาเบรียล นิวเอล หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในชื่อของ กาเบน นักธุรกิจผู้เป็นเจ้าของอาณาจักรเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Valve และแพลตฟอร์มขายเกมชื่อดังอย่าง Steam)
ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games

ข้าคือเทพเจ้าแห่งเกม I Am the God of Games

Status: Ongoing

นี่คือเรื่องราวของมนุษย์ธรรรมดาผู้ซึ่งได้ข้ามโลกมาเป็นเทพเจ้าชั้นสามที่กำลังจะตาย เขาได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรวบรวมเหล่าผู้ศรัทธา และก่อให้เกิดมหาสงครามเทพเจ้าครั้งที่สี่ในที่สุด

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องเทพเจ้าแห่งเกมไหม?” “เทพเจ้าแห่งเกม…?” เอลีน่าส่ายหัวด้วยความสงสัย “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพระองค์…” “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเทพเจ้าแห่งเกม สามารถมอบพลังให้เจ้าเอาชนะศัตรูตรงหน้าเจ้าได้” ซีเว่ยเกลี้ยกล่อมเธออย่างอดทน เอลีน่านิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาอย่างแน่วแน่ และจ้องมองไปที่ซีเว่ย “ถ้าอย่างนั้น ข้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม!” “ความศรัทธาไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถมีได้ด้วยปากเจ้า จงหลับตาและจินตนาการถึงพระนามของพระองค์ในใจเจ้า และสัมผัสถึงพลังของพระองค์ด้วยหัวใจของเจ้า” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท