บทที่ 169 ปัญหาในพื้นที่ล่าสัตว์
พื้นที่ล่าสัตว์ของขุนนางที่ชานเมืองแลงคาสเตอร์
เนื่องจากพื้นที่ล่าสัตว์นี้ได้สร้างขึ้นเป็นพิเศษสําหรับขุนนางจึ งมีกระท่อมไม้อันแข็งแรงที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามเป็นธรรมดา เพื่อเป็นจุดพักผ่อนระหว่างการเล่นเกมที่หลากหลาย
ด้วยสภาพแวดล้อมที่ดี ทิวทัศน์ที่สวยงาม และการลาดตระเวนอย่างต่อเนื่องของทหาร จึงทําให้มันเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากสัตว์ประหลาด และมักจะมีขุนนางพาครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนแม้จะอยู่นอกฤดูล่าสัตว์
ดังนั้นกระท่อมจึงมีประตูบานเดียว เพื่อสะดวกสําหรับการลาดตระเวนและเฝ้าระวัง
“ท่านแม่ ข้ากลัว..” เด็กหญิงตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของแม่
“มันจะไม่เป็นไรเกวนโดลิน…คุณปู่จะมาช่วยพวกเรา” หญิงสาวผู้อ่อนโยนกําลังลูบหัวปลอบใจเด็กหญิง
ขณะเดียวกันก็มีหัวขนาดมหึมาติดอยู่ระหว่างช่องประตูของกระท่อม มันเป็นหัวที่น่ากลัวซึ่งมีทั้งลักษณะของมนุษย์และปลาผสมกัน
เธอเป็นบุตรขุนนางที่ได้รับการศึกษามาตั้งแต่ยังเล็ก หญิงสาวชนชั้นสูงได้อ่านสารานุกรมสัตว์ประหลาดที่เขียนโดยนักวิชาการชาวแลงคาสเตอร์ และรู้จักสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏรอบเมืองแห่งนี้
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ว่าไม่มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่ใกล้ ๆ
ขณะนี้ดวงตา 2 ดวงที่ยื่นออกมาของปลาหน้ามนุษย์ หมุนอย่างอิสระกว่า 360 องศา กําลังจ้องมองมาที่มนุษย์ไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในกระท่อม
ก่อนหน้านี้ทหารคนหนึ่งเคยคิดว่า สัตว์ประหลาดไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เมื่อหัวของมันติดอยู่ที่กรอบประตู เขาต้องการใช้โอกาสนี้ทําให้มันตาบอดก่อนจะตัดหัวมันออก แต่เขาก็ต้องจมอยู่ในกระแสน้ําที่ไหลออกมาจากปากปลาและถูกมันกินเข้าไปทั้งอย่างนั้น
แม้แต่เกราะหนักของทหาร ที่ทนทานพอจะใช้ป้องกันใบมีดที่คมที่สุดได้อย่างง่ายดายก็ไม่ต่างอะไรจากขนม ทหารผู้น่าสงสารกรีดร้องได้เพียงครั้งก่อนจะถูกเคี้ยวกลายเป็นเนื้อบดผสมกับเหล็กที่แตกออกเป็นชิ้น ๆ และถูกกลืนลงไปในไม่ช้า
ทหารที่เหลือไม่สามารถทนต่อแรงกดดันมหาศาลจากสัตว์ประหลาดปลาที่จ้องมองมาได้ ความกล้าหาญที่พวกเขามีจางหายไป พวกเขาเชื่อว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะต้องตายอย่างแน่นอน พวกเขาจึงหลงผิดและคิดที่จะลิ้มลองรสชาติของหญิงสาวชนชั้นสูง และทายาทเพียงคนเดียวของแลงคาสเตอร์ในอ้อมแขนของเธอก่อนตาย พวกเขาจึงถูกสังหารโดยสาวใช้สองคนที่ชํานาญดาบก่อนจะกลายเป็นอาหารปลาไปในที่สุด
แต่หลังจากนั้น บรรยากาศในกระท่อมก็ยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นกว่าเดิม
แม้ว่าตัวกระท่อมไม้จะแข็งแรงและสวยงาม แต่ก็ไม่มีอาหารหรือน้ําเก็บไว้ที่นี่มากนัก เพราะปกติแล้วไม่มีใครค้างคืนในที่แบบนี้
ไม่ต้องพูดถึงว่ามีสัตว์ประหลาดปลาอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ถึง 7 ตัวเมื่อพวกเธอหนีเข้ามาในกระท่อม!
หญิงสาวชนชั้นสูงไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดปลาเหล่านี้จะทําอย่างไรต่อไป แต่พวกมันต้องกินไม่เลือกเมื่อมองจากลักษณะขากรรไกรของมัน
อันที่จริงเธอสามารถได้ยินเสียงพวกมันแทะกําแพงไม้จากด้านนอกได้อย่างชัดเจน
ความจริงสิ่งที่เรียกว่า ‘กระท่อมไม้ที่แข็งแรง’ ไม่ได้ทําให้เธอมั่นใจได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นข้อเท็จจริงที่ว่า ทางออกเดียวในบ้านไม้ถูกปิดกั้นโดยสัตว์ประหลาดปลา มันก็เกือบจะเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวังทําหรับพวกเธอ
ในตอนนี้เธอรู้ดีว่าเอิร์ลโครินกําลังขาดแคลนกําลังคนอย่างหนัก หากไม่เช่นนั้นเอิร์ลโครินก็คงไม่กล้าเสี่ยงบังคับให้ศาสนจักรในเมืองส่งกองกําลังศักดิ์สิทธิ์ออกไปช่วยกําจัดมนุษย์เงือกหนองน้ํารอบเมืองเป็นแน่
อย่างน้อยเกวนโดลินก็ต้องหนีไปให้ได้แม้ว่าข้าจะต้องตายที่นี่ก็ตาม…
เมื่อคิดเช่นนั้น เธอก็รู้สึกโกรธเคืองกับการออกแบบกระท่อมที่ไม่ได้คิดเผื่อไว้สําหรับเวลาที่ต้องหลบหนีเลย
“พวกเจ้าสองคนแบ่งน้ําและอาหารที่เหลืออยู่ไปกิน” เธอกล่าวกับสาวใช้สองคนของเธอ เกวนโดลินหลับไปแล้วหลังจากที่เธอร้องไห้จนเหนื่อย “จากนั้นจงพักผ่อนและรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ เราจะพังกําแพงหนีสัตว์ประหลาดเหล่านั้น!”
“แล้วท่านมิลดี้ล่ะคะ” สาวใช้คนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถามอย่างเป็นห่วง เธอสังเกตว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยถึงตัวเองเลย
“ข้าวิ่งช้าเกินไป ข้าจะถ่วงพวกเจ้าเสียเปล่า ๆ…มันดีกว่าที่ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมัน สิ่งที่เจ้าต้องทําคือช่วยเกวนโดลินหลบหนี!”
เธอตัดสินใจแล้ว
พ่อของเกวนโดลิน ลูกชายของเอิร์ลโครินเสียชีวิตคาอกของผู้หญิงคนหนึ่งเนื่องจากความหลงระเริงของเขา แต่ถึงกระนั้นด้วยความผิดปกติบางอย่าง แม้เขาจะยุ่งกับผู้หญิงนับไม่ถ้วนในยามค่ําคืน แต่เขาก็ไม่มีบุตรคนใดเลยนอกจากเกวนโดลิน
ส่วนเอิร์ลโครินก็แต่งงานกับผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น ตลอดชีวิตของเขามีลูกชายเพียงคนเดียวและไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดอีก
ดังนั้นถ้าเกวนโดลินตายที่นี่ แลงคาสเตอร์ก็จะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของราชวงศ์วัลลาอย่างสมบูรณ์
“แต่…” เห็นได้ชัดว่าสาวใช้ไม่ต้องการทิ้งนายหญิงของตน แต่ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดปลาก็เริ่มส่งเสียงร้องด้านนอกกระท่อม
เธอก้มหน้าลง
เธอรู้ดีว่าพวกสัตว์ประหลาดปลากําลังตื่นเต้น พวกมันพบเหยื่อแล้ว
เป็นไปได้ไหมที่ความช่วยเหลือจากแลงคาสเตอร์มาถึงแล้ว?
ไม่มีทาง พวกเธอไม่ทันได้ส่งข่าวออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือ…เป็นไปไม่ได้ที่แลงคาสเตอร์จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้นที่นี้เป็นพื้นที่ล่าสัตว์ของขุนนาง มีกองทหารคอยดูแลอยู่ตลอด ทําให้ทหารของแลงคาสเตอร์ และกองกําลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยุ่งอยู่กับการกําจัดมนุษย์เงือกหนองน้ําไม่เข้ามาที่นี่
ต้องเป็นพลเมืองบางคนที่หลงเข้ามาโดยบังเอิญแน่… เธอคาดเดาได้อย่างรวดเร็ว ขออภัยที่เราช่วยอะไร พวกเจ้าไม่ได้…ตอนนี้แม้กระทั่งเราก็ไม่อาจปกป้องตัวเองได้เช่นกัน
“แม่” เกวนโดลินเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเธอสะดุ้งตื่น
“ไม่เป็นไรเกวนโดลิน” เธอพยายามปลอบลูกสาวของเธอ “อย่ากลัว มันจะจบลงในไม่ช้า”
แต่ถึงกระนั้นเสียงร้องของสัตว์ประหลาดปลาก็ไม่ได้สงบลงอย่างที่เธอคิดไว้
ที่จริงมันกําลังดังขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่นานพวกเธอก็สามารถได้ยินเสียงการต่อสู้ดังเข้ามาใกล้กระท่อมเรื่อย ๆ ราวกับว่ามีใครบางคนกําลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดปลามาตลอดทาง
เสียงของใบมีดอัดคมกริบตัดเนื้อสัตว์แข็ง ๆ ของสัตว์ประหลาดดังขึ้น เช่นเดียวกับเสียงระเบิดจากคาถาและศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับเสียงคํารามของมนุษย์และเสียงกรีดร้องของสัตว์ประหลาดปลา จนฟังดูเหมือนมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้นข้างนอก
สาวใช้ทั้งสองชักดาบออกมาพร้อมที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ แต่สัตว์ประหลาดปลาที่ขวางอยู่ตรงประตูก็กําลังจับจ้องมาที่พวกเธออย่างไม่กะพริบตา
ขณะเดียวกันเสียงการต่อสู้ด้านนอกก็ค่อย ๆ เบาลง หากสาวใช้ฟังกําแพงและจากไปตอนนี้ สัตว์ประหลาดปลาที่กําจัดศัตรูไปแล้วคงจะบุกเข้ามากัดกินนายหญิงและคุณหนูเกวนโดลินเป็นแน่
กระนั้นเหตุการณ์ก็เงียบลงอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน
“ใครชนะ?” สาวใช้คนหนึ่งกระซิบกับคู่หู
“ต้องเป็นสัตว์ประหลาดปลาอยู่แล้ว” สาวใช้คนอีกคนดูมืดมน “เจ้าก็รู้ว่าพวกมันน่ากลัวแค่ไหน…ทหาร 500 นายที่นี่ถูกฆ่าจนหมดก่อนที่พวกเขาจะได้มีโอกาสส่งข้อความขอช่วยเหลือออกไป แม้แต่อัศวินหญิงของเราก็ถูกสังหารก่อนที่พวกเธอจะได้โต้กลับ..”
สัตว์ประหลาดปลาไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งมากเท่านั้น เกล็ดของพวกมันก็แข็งเหมือนกับแผ่นเหล็กที่ไม่สามารถเจาะทะลุได้
สาวใช้ชะงักไปชั่วขณะก่อนจะพูดต่อ “ต้องเป็นกองกําลังชั้นยอดกว่า 200 คนถึงจะสู้กับสัตว์ประหลาดปลาได้นานขนาดนี้”
“อาจเป็นทีมยอดมนุษย์รึเปล่า?” สาวใช้อีกคนพูดขึ้น
“นี่เจ้าไม่เคยเจอพวกยอดมนุษย์มาก่อนใช่ไหม เหล่ายอดมนุษย์นั้นน่ากลัวมาก พวกเขาสามารถกวาดล้างสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็วแทนที่จะต่อสู้กับมันเป็นเวลานานเช่นนี้” สาวใช้คนแรกส่ายหัวและถอนหายใจ “และมันก็ควรจะมีเสียงเชียร์หากกองกําลังชั้นยอดได้รับชัยชนะ…แต่มันกลับมีเพียงความเงียบเท่านั้น ดังนั้นสัตว์ประหลาดปลาคงจะชนะ”
คําพูดของเธอมีเหตุผลและน่าเชื่อถือ แม้แต่หญิงสาวชนชั้นสูงเองก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วย
พวกเขาต้องพึ่งพาตัวเองแล้ว หากต้องการหลบหนีจากสถานการณ์ปัจจุบัน
แต่ทันใดนั้นปลาที่หัวติดอยู่ตรงทางเข้าประตูก็อ้าปากร้องเสียงหลงอย่างน่าเวทนา ขณะจ้องมองทุกคนในกระท่อม
ทีแรกพวกเขาเกือบจะคิดว่าสัตว์ประหลาดปลากําลังจะใช้กําลังพังกําแพงเข้ามาในกระท่อม แต่แล้วของเหลวข้นก็พุ่งออกมาจากเบ้าตาและปากของมันจนเจิงนองบนพื้น ขณะที่ดวงตาที่น่ากลัวของมันค่อย ๆ ขุ่นมัว หัวของมันกระแทกเข้ากับกรอบประตูจนเศษไม้หลุดออกมา และทรุดฮวบลงบนพื้นราวกับว่ามันไร้ซึ่งร่องรอยของชีต้า
สาวใช้ทั้งสองมองฉากตรงหน้าอย่างไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะได้เดินออกไปตรวจสอบว่าสัตว์ประหลาดปลาแกล้งตายหรือมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้น ร่างกายของมันก็เริ่มโปร่งใส หัวและตัวของมันที่ยังคงอยู่ด้านนอกค่อย ๆ จางหายไปในไม่ช้า โดยเหลือเพียงอวัยวะสีดํา 4 ชิ้นที่วิวัฒนาการมาจากครีบกลายเป็นแขนขาและกรงเล็บ
“เกิดอะไรขึ้น?”
ไม่ใช่แค่สาวใช้ แม้แต่หญิงสาวชนชั้นสูงเองก็ไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน พวกเธอยังสับสนว่าพวกเธอควรทําอย่างไรต่อไป
นั่นคือตอนที่เด็กชายที่อายุมากกว่าเกวนโดลินเพียงเล็กน้อยวิ่งเข้ามาในกระท่อม
หลังจากเขาเห็นคน 4 คนในกระท่อม เขาก็วิ่งออกไปข้างนอกทันทีพร้อมกับตะโกนว่า “ลุงมฟาซา! มีคนอยู่ในกระท่อม!”
ข้าไม่รู้ พวกหล่อนเป็นผู้
จากนั้นเสียงเรียบ ๆ ของชายคนหนึ่งก็ถามขึ้น “ใคร? ทหารของพื้นที่ล่าสัตว์ หญิงทั้งหมด!” เด็กชายตอบ
“สีอะไร?”
“สีเหลือง!”
ทั้ง 4 คนในกระท่อมทําอะไรไม่ถูก พวกเธอมองหน้ากันไปมา และกําลังรุนงงว่าพวกเธอเป็นสีเหลืองได้อย่างไร?
ถึงกระนั้นก่อนที่พวกเธอจะทันได้ทําอะไร ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในกระท่อม เขาทําให้ร่างของหญิงสาวชนชั้นสูงตึงเครียดขึ้นมาทันที
เธอเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ในรายงานตอนที่เธอจัดโต๊ะทํางานให้เอิร์ลโคริน นั่นคือผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมบารอนในเจลาเนีย ซึ่งทหารได้ข้อมูลมาหลังจากสอบสวนอย่างยากลําบาก!