เขารู้
ฉินซินหยิ่งเกือบสะดุดล้มลงกับพื้น เธอพยายามทรงตัว และก่อนจะสบถออกมาเธอก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่างฝรั่งเศสของห้องรับรอง มือทั้งสองประสานกันไว้ด้านหลัง เขาดูโดดเดี่ยวและเยือกเย็น เหมือนสุนัขป่าในยามค่ำคืน อันตรายแต่ก็มีเสน่ห์เร้าใจ
ฉินซินหยิ่งลืมความโกรธไปสนิท เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ขณะมองด้านหลังของชายหนุ่มเธอก็ร้องออกมาเบาๆ “เฉียวเหลียงหรือ”
เฉียวเหลียงหันกลับมามองเธอ ชี้ไปที่โซฟาข้างๆ แล้วกล่าวเสียงต่ำ “คุณฉิน เชิญนั่ง”
ฉินซินหยิ่งปลาบปลื้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวเหลียงพูดกับเธออย่างสุภาพมาก
ช่วงเวลาที่เฉียวเหลียงกับถังซีคบกัน เธอเคยออกไปเที่ยวกับพวกเขาด้วย แต่เฉียวเหลียงไม่เคยมองเธอ เพราะความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่ถังซี แม้แต่ซื้อไอศครีมเขาก็ซื้อให้เฉพาะถังซี ไม่เคยสนใจเธอเลย เขาเป็นคนโหดเ**้ยมและเลือดเย็น แต่เขาก็ยังขโมยหัวใจเธอไปได้
บางครั้งเธอถึงกับแอบจินตนาการว่าเธอเป็นคนรักของเขา
ในที่สุดคราวนี้เธอก็ได้นั่งอยู่กับเขาสองต่อสอง
ฉินซินหยิ่งนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า และมองเฉียวเหลียงด้วยสายตาอ่อนโยน ถามเขาว่า “เฉียวเหลียงคุณต้องการให้ฉันทำอะไรหรือ”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยขึ้น “คุณฉิน ผมประหลาดใจมากที่พบคุณบนเกาะเล็กๆ เกาะนั้นกลางมหาสมุทรแปซิฟิก ผมอยากถามว่าคุณไปทำอะไรที่นั่นในเวลานั้น”
ฉินซินหยิ่งใจหายวาบ เธอคิดว่าเฉียวเหลียงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะกังวลอยู่กับเรื่องของถังซี แต่เขาคือเฉียวเหลียง เขาจะลืมได้อย่างไร
“เสี่ยวซีเคยบอกฉันว่าเธออยากไปเที่ยวเกาะใกล้ๆ แถวนั้น ฉันติดต่อเธอไม่ได้จึงตั้งใจจะไปดูว่าเธออยู่ที่นั่นหรือเปล่า แต่หลังจากนั้นฉันก็ได้ยินว่าเธอเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตก ฉันเป็นห่วงมากก็เลยไปที่นั่น” ฉินซินหยิ่งกะพริบตาขณะพูดประโยคนี้ น้ำตาเธอไหลริน เธอรีบเช็ดแล้วพูดต่อ “จากนั้นฉันก็เจอคนของคุณ และแอบได้ยินพวกเขาพูดคุยกัน ทำให้ฉันรู้ว่าคุณกำลังตามหาเสี่ยวซี ฉันรู้ว่าคุณก็เป็นห่วงเธอเหมือนกัน ฉันเลยอยากตามหาเธอร่วมกับคุณ”
“แล้วคุณพบอะไรไหม” เฉียวเหลียงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ประสานมือไว้บนตัก จ้องมองฉินซินหยิ่งด้วยรัศมีของความมีอำนาจ “อีกอย่างหนึ่ง หลังจากผมออกจากที่นั่น ทำไมคุณถึงไปที่เมือง A และคนของผมบอกว่า คุณตามผมไปที่ลองบีชอีกด้วย”
ฉินซินหยิ่งพยักหน้ารับ ดวงตาเธอแดงเรื่อเมื่อตอบว่า “ใช่ ฉันไปตามหาคุณ เพราะคุณมีข่าวเสี่ยวซี ใช่ คุณมีอำนาจมากมาย แต่ทำไมเมื่อคุณรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวซี คุณจึงไม่บอกเรา คุณจะปิดบังข่าวการตายของเธอไม่ให้เรารู้ได้อย่างไร! ฉันไปหาคุณเพราะฉันต้องการให้คุณมอบร่างของเธอให้ฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ส่งร่างเธอให้คุณปู่ถัง”
เฉียวเหลียงยิ้มอย่างเยือกเย็น “โอ คุณช่างเป็นเพื่อนที่แสนดีของถังซี แต่น่าเสียดายที่คนที่ผมตามหาไม่ใช่ถังซี และถังซียังไม่ตาย คุณไม่ได้รับอีเมล์จากเธอเลยหรือ เธอยังมีชีวิตอยู่และส่งอีเมล์ให้ใครหลายคน คุณพูดเต็มปากได้อย่างไรว่าเธอตายแล้ว คุณยังคิดว่าคนใจดำอย่างถังซีเป็นเพื่อนคุณอีกหรือ”
ฉินซินหยิ่งตกตะลึง ร้องตะโกนออกมา “เป็นไปไม่ได้!” ‘ถังซีจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร! ต้องมีใครสักคนส่งจดหมายพวกนั้นจากอีเมล์ของถังซี ใครบางคนที่ต้องการหลอกลวงพวกเขา! ’
เฉียวเหลียงเลิกคิ้วถาม “อะไรที่เป็นไปไม่ได้”
ฉินซินหยิ่งจ้องมองเฉียวเหลียง มือทั้งสองข้างจับกันแน่น เขาสงสัยเธอ! เขาพยายามหลอกล่อให้เธอบอกความจริง!
“เสี่ยวซีไม่มีวันเลิกคบฉัน และเธอไม่ใช่คน ‘ใจดำ’ อย่างที่คุณพูด คุณบอกเลิกเธอเอง ผู้หญิงเย่อหยิ่งอย่างเธอจะให้อภัยคนที่ทิ้งเธอได้อย่างไร ทำไมคุณพูดถึงเธออย่างนั้น! ถ้าคุณไม่บอกเลิกเธอ เธอก็จะไม่ไปเที่ยวพักผ่อนให้สบายใจในฤดูแบบนี้ แล้วก็เกิดอุบัติเหตุ!” ฉินซินหยิ่งเม้มริมฝีปาก เธอไม่ได้โกหก หลังจากเฉียวเหลียงขอเลิก ถังซีเสียใจมาก หลายคนแนะนำให้เธอเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน เธอทำตามคำแนะนำ และสุดท้ายต้องลงเอยแบบนี้
จากจุดนั้น ถังซีเริ่มติดนิสัยออกท่องเที่ยวในฤดูกาลนี้ของปี ในปีนี้ถังซีต้องเดินทางไปทำธุรกิจในต่างประเทศ เธอจึงวางแผนจะแวะไปพักผ่อนยังสถานที่แห่งหนึ่งแถบมหาสมุทรแปซิฟิก แต่สุดท้ายก็ถูกฝังร่างไว้ที่นั่น
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “คุณฉิน ดูเหมือนคุณจะรู้สึกเสียใจไปกับถังซี”
“ใช่ ฉันเสียใจกับเสี่ยวซี เธอคงไม่ประสบอุบัติเหตุ ถ้าเธอไม่บินไปเที่ยว!” ฉินซินหยิ่งตอบด้วยท่าทีขุ่นเคือง
เฉียวเหลียงหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบ แล้วถามว่า “คุณฉิน ทำไมคุณถึงแน่ใจว่าถังซีประสบอุบัติเหตุ”
หัวใจฉินซินหยิ่งกระตุกอย่างแรง เธอกำลังจะพูด แต่จู่ๆ อาหกก็วิ่งเข้ามาบอกว่า “นายน้อย ผมหาตำแหน่งที่อยู่ของพื้นที่สัญญาณได้แล้วครับ”
เฉียวเหลียงพรวดพราดลุกขึ้นทันที เขาพยักหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจ และบอกให้อาหกออกไปก่อน จากนั้นเขาก็จ้องมองฉินซินหยิ่งที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยสายตาเย็นชา แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ผมไม่สนใจสิ่งที่คุณคิดหรือสิ่งที่คุณพูด อยู่ให้ห่างจากถังซี อย่าให้ผมเห็นคุณเข้าใกล้เธออีก!”
“คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!” ฉินซินหยิ่งผุดลุกขึ้นยืน “ฉันเป็นเพื่อนเสี่ยวซี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ แต่ขึ้นอยู่กับฉัน ว่าฉันจะเข้าใกล้เธอได้หรือเปล่า!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู” เฉียวเหลียงโต้กลับ ขณะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
เขาประมาทจริงๆ ครั้งนี้ หากอาห้าไม่เตือน เขาคงไม่สังเกตเห็นผู้หญิงคนนี้ และคงไม่สงสัยเลยว่าทำไมเธอถึงมาปรากฏตัวบนเกาะแห่งนั้น
เฉียวเหลียงเดินออกไปและสั่งว่า “สืบหาคนที่ทำข้อมูลสถานที่อยู่ของฉันรั่วไหล!”
อาหกตอบรับ “ครับ”
ฉินซินหยิ่งยืนอยู่ในห้องรับรอง ได้ยินเสียงฝีเท้าห่างออกไป เธอเอื้อมมือไปหยิบถ้วยกาแฟบนโต๊ะ แล้วขว้างลงกับพื้นอย่างแรง
ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้ ถังซีมีอะไรดี คุณทำกับฉันแบบนี้เพื่อเธอได้อย่างไร!
…
“นายน้อยครับ ผมพบว่ามีการส่งอีเมล์จากบ้านพักของครอบครัวเซียว และพื้นที่สัญญาณเครือข่ายก็ดูเหมือนว่ามาจากที่นั่นเหมือนกัน” อาหกคิดว่าสมเหตุผลที่อีเมล์ฉบับนี้มาจะมาจากบ้านครอบครัวเซียว เนื่องจากลูกชายคนที่สองของครอบครัวเซียว เคยอยู่ในสิบอันดับแรกของการแข่งขันแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ แม้เขาจะไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันดังกล่าวอีกแล้ว และข้อมูลของเขาจะเป็นที่รู้จักน้อยมากก็ตาม… และเนื่องจากอาหกยืนยันว่าอีเมล์นั้นถูกส่งมาจากบ้านครอบครัวเซียว ผู้ส่งจึงต้องเป็นลูกชายคนรองของครอบครัวอย่างแน่นอน
แต่คนๆ นั้นไม่น่ามีเหตุผลอะไรเลยที่จะแฮ็กกล่องอีเมล์ของถังซี และส่งอีเมล์มาถึงนายน้อย… เรื่องนี้ช่างยุ่งยากซับซ้อน…
เฉียวเหลียงขมวดคิ้วถามว่า “ครอบครัวเซียวหรือ”
อาหกพยักหน้า “ครับ คือที่บ้านของคุณเซียวจิ่ง ผมเชื่อว่าคนที่อยู่เบื้องหลังอีเมล์น่าจะเป็นคุณเซียวส่า เขามีความสามารถในการแฮ็คข้อมูลสูงกว่าผมมาก”
ทันใดนั้นภาพของร่างบางร่างก็ผุดขึ้นมาในความคิดเฉียวเหลียง เขาตัวแข็งทันที เขาบอกว่า “เตรียมเครื่องบิน เราจะกลับเมือง A!”