เซียวส่าไปส่งถังซีที่ประตูโรงเรียน เขาคิดว่าเรื่องลูกสาวตัวจริงตัวปลอมผ่านมาหลายวันแล้ว ผู้คนคงลืมกันไปหมดแล้ว แต่ท่ามกลางความประหลาดใจของเขา ทันทีที่รถจอดที่หน้าประตูโรงเรียน นักข่าวกลุ่มหนึ่งก็กรูกันเข้ามา เมื่อเห็นนักข่าวจำนวนมากถังซีก็ขมวดคิ้ว หยิบหน้ากากกับหมวกออกมาสวม และบ่นอย่างหงุดหงิดว่า “ปาปารัสซี่พวกนี้ทำงานกันหนักจริงๆ”
เซียวส่าก็ดูท่าทางหัวเสียเล็กน้อย แต่นักข่าวเหล่านี้กรูกันเข้ามาแล้ว เขาไม่สามารถไล่คนเหล่านี้ออกไปได้ เพราะอาจดูเป็นการหยาบคาย เขาเปิดประตูลงจากรถ จากนั้นนักข่าวก็เข้ารุมล้อมเขาทันที และยกกล้องขึ้นถ่ายรูปเซียวส่าไม่ยั้ง “คุณเซียวส่า คุณมาส่งเซียวโหรวมาโรงเรียนใช่ไหม”
“คุณเซียวส่า ตอนนี้เซียวโหรวยังคงพักอยู่ที่บ้านของคุณหรือเปล่า”
เซียวส่าขมวดคิ้ว จ้องหน้านักข่าวที่ถามคำถามนั้น จากนั้นเขาก็ยิ้มเยือกเย็น บอกให้ฝูงชนเงียบ และกล่าวอย่างจริงจัง “เซียวโหรวเป็นน้องสาวผม เช่นเดียวกับเป็นลูกสาวของคุณพ่อคุณแม่ผม แน่นอนว่าเธอต้องอยู่ที่บ้านผมตั้งแต่ที่เรารับเธอเข้ามา ผมคิดว่าผมให้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว เราจะไม่ตอบคำถามนี้อีก”
“มีรายงานข่าวอื้อฉาวของเซียวจิ้นหนิงออกมา ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าเซียวโหรวเป็นลูกของคุณลุงและคุณป้าของคุณ แต่พวกคุณจะไม่คืนเธอให้กับพวกเขาใช่ไหม”
เซียวส่ามองหน้านักข่าวด้วยคิ้วที่ขมวดลึกและตอบว่า “เซียวโหรวเป็นคนไม่ใช่วัตถุ พวกเขาไม่สามารถจะมาเอาตัวเธอไปเมื่อพวกเขาต้องการ และทอดทิ้งเธอเมื่อพวกเขาไม่ต้องการ! เป็นไปไม่ได้ ขอทางด้วยครับ เธอกำลังจะไปเรียนหนังสือ”
ถังซีลงจากรถทางฝั่งที่นั่งข้างคนขับโดยการปกป้องจากเซียวส่า ขณะที่เธอก้มศีรษะลงนักข่าวก็ยังคงถ่ายรูปถังซี เซียวส่าพยายามปิดบังใบหน้าเธอ ทันใดนั้นนักข่าวคนหนึ่งก็ตะโกนว่า “คุณเซียวโหรว ทำไมคุณถึงต้องสวมหน้ากากและหมวกด้วย”
“คุณเซียวโหรว คุณคิดอย่างไรกับเซียวจิ้นหนิง”
“คุณเซียวโหรว เป็นเพราะเซียวหงลี่และครอบครัวมีอิทธิพลมากว่าพ่อและแม่แท้ๆ ของคุณ คุณจึงไม่ต้องการกลับไปหาพวกเขาใช่ไหม”
เซียวส่าหยุดกึกทันที เขาหันกลับมามองนักข่าวที่ถามคำถามนี้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “นี่ฟังนะ ไม่ว่าครอบครัวผม หรือคุณลุงคุณป้าของผม ก็เป็นบุคคลที่คุณไม่ควรพาดพิงถึง ถ้าคุณกล้าพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ต่อไปอีก บริษัทของคุณจะต้องปิดตัวลง!”
รัศมีความทรงพลังของเขาแผ่ท่วมท้น
ถังซีหันไปมองเซียวส่าและยิ้มให้เขา จากนั้นเธอก็มองกลับไปที่นักข่าว ดึงหมวกลงเพื่อปกปิดใบหน้า เหลือเพียงดวงตาที่เป็นประกายเจิดจ้า และกล่าวออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ฉันเติบโตขึ้นมาบนภูเขา เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร สิ่งที่ฉันรู้มีเพียงว่า ฉันต้องการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ฉันพอใจ ตราบใดที่คุณปู่ยังมีชีวิตอยู่ สมาชิกครอบครัวเซียวทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน โดยไม่คำนึงว่าใครมาจากครอบครัวของฉัน หรือของคุณลุงคุณป้าของเรา พวกเราคือสายเลือดเดียวกัน ตอนนี้คนที่ใส่ร้ายฉันถูกขับไล่ออกไปแล้ว ฉันสามารถกลับไปหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของฉันได้ แต่ฉันไม่ใช่คนอกตัญญู ในขณะที่ฉันสิ้นหวัง คุณพ่อคุณแม่ยื่นมือออกมาหาฉันและช่วยฉัน ดังนั้นฉันคือลูกสาวของพวกท่านเสมอ ขณะที่ฉันถูกเซียวจิ้นหนิงใส่ร้าย และพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดทอดทิ้งฉัน พ่อแม่ในปัจจุบันของฉันจับมือฉันไว้ ให้ความหวังฉัน ฉันจะไม่กัดมือผู้ที่เลี้ยงดูฉัน ถ้าฉันทำอย่างนั้น จะมีอะไรแตกต่างกันระหว่างฉันกับเซียวจิ้นหนิง ฉัน…เซียวโหรว จะไม่เป็นงูเห่าที่ได้รับการช่วยเหลือจากชาวนา แล้วแว้งกัดชาวนา”
“คุณเซียวโหรว คุณหมายความว่าเซียวจิ้นหนิงเป็นงูเห่าที่แว้งกัดชาวนาใช่ไหม”
ถังซียิ้ม มองหน้านักข่าวคนที่พูดและถามกลับว่า “แล้วจะให้ฉันเรียกเธอว่าสโนไวท์หรือ ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ใช่คนที่มีความอดทนสักเท่าไร ถึงฉันจะเติบโตมาในชนบท แต่ฉันก็ยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีแรก แม้จะอายุยี่สิบสามแล้วก็ตาม ฉันไม่ใช่คนซับซ้อน ฉันจะไม่เสแสร้งพูดว่าเธอไม่เป็นอย่างนั้น หรือบอกว่าฉันจะยกโทษให้เธอ หรืออะไรทำนองนั้น สิ่งที่เซียวจิ้นหนิงทำกับฉันและพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของฉัน คือสิ่งที่งูพิษตัวนั้นทำ”
“ถ้าอย่างนั้น คุณเซียวโหรวจะให้อภัยพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของคุณไหมคะ” นักข่าวสาวคนหนึ่งถาม “ฉันได้เห็นว่าท่านประธานเซียวและท่านประธานหลินรู้สึกผิดมากมายเพียงใดในงานแถลงข่าว คุณจะเลือกที่จะให้อภัยหรือยอมรับพวกเขาไหมคะ”
“สองกรณีนี้แตกต่างกัน พวกท่านถูกหลอกถึงได้กระทำผิด แต่พวกท่านกลับใจและแก้ไขความผิดพลาดหลังจากรู้ว่ากระทำผิด ฉันไม่มีเหตุผลที่จะเกลียดพวกท่านอีกต่อไป ดังนั้นฉันจึงไม่ถือโทษพวกท่าน” ถังซีตอบ จ้องเขม็งที่นักข่าวหญิง “แต่ฉันไม่คิดว่าฉันจะยอมรับพวกท่าน”
เซียวส่าก้มดูนาฬิกาข้อมือและกล่าวว่า “พี่น้องสื่อมวลชนที่รัก ผมต้องขอโทษด้วย แต่ชั้นเรียนของน้องสาวผมกำลังจะเริ่มแล้ว โปรดปล่อยเธอไปเรียน ขอบคุณครับ”
นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้นอีกว่า “คุณเซียวโหรว คุณดูดีมากจนไม่เหมือนเด็กที่เติบโตขึ้นมาบนภูเขาในชนบท ฉันขอถามว่าเพราะคุณได้รับการอบรมจากคุณหยางจิ้งเสียนใช่ไหมคะ”
ถังซีพยักหน้า “แน่นอนค่ะ คุณแม่สอนฉันเยอะมาก”
“คุณแสดงออกต่อหน้าสาธารณะได้อย่างสมบูรณ์แบบในงานแถลงข่าวเมื่อเดือนกว่าที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามมีรายงานเมื่อไม่นานมานี้ว่า คุณกับพี่ๆ ของคุณไปดูหนัง แต่คุณ…”
ถังซีขัดจังหวะนักข่าวทันที “ถ้าฉันจำไม่ผิดคุณหมายถึงเหตุการณ์ที่พี่ๆ กับฉันไปดูหนังกัน แต่มีนักข่าวคนหนึ่งเข้ามาสร้างปัญหาให้พวกเราใช่ไหม”
ขณะที่นักข่าวคนนั้นชะงัก และกำลังจะพูดต่อ ถังซีก็เสริมว่า “ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายในวันนั้น พี่ชายของฉันจึงเป็นห่วงฉัน นักข่าวพวกนั้นพรวดพราดเข้ามาดึงหน้ากากฉันออก ทำให้พี่ๆ โกรธมาก เพราะอย่างนั้นหงกวงเอ็นเตอร์เทนเมนต์… โอ ใช่แล้ว หงกวงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้วใช่ไหมคะ” จากนั้นเธอก็กล่าวต่อไปว่า “แล้วพวกคุณรู้ไหมว่า วันถัดมาฉันเข้าโรงพยาบาล”
“ผมขอถามเกี่ยวกับหงกวงเอ็นเตอร์เทนเมนต์…”
“ไม่มีอะไรจะตอบค่ะ” ถังซีตอบ เริ่มเดินไปยังทางเข้าโรงเรียน “ฉันต้องไปเรียนแล้ว ฉันไม่ได้เข้าชั้นเรียนมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ ฉันกลัวว่าจะตามเพื่อนร่วมชั้นไม่ทันแล้วตอนนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาวเซียวส่าก็อึ้ง ‘พูดไปเรื่อยนะน้องสาว เธอคือถังซี! ทายาทเอ็มไพร์กรุป! เอ็มไพร์กรุปลงทุนทรัพยากรมากมายใส่มาในตัวเธอ เธอจะตามเพื่อนร่วมชั้นเรียนไม่ทันได้อย่างไร’
แน่นอนว่าเซียวส่าจะไม่พูดความคิดของเขาออกมาดังๆ เขาเดินคุมหลังพาถังซีไปที่ห้องเรียน พร้อมกับสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ทำหน้าที่ และไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้ามา
ทันทีที่ถังซีนั่งลงที่เก้าอี้ของเธอ หยิงเคอก็เดินเข้ามาหา หลังจากยืนอยู่ตรงหน้าเธอสักพัก ด้วยร่องรอยความเคอะเขินบนใบหน้าที่ดูดี เขาก็ถามว่า “นักเรียนเซียวโหรว ผมได้ยินมาว่าเธอป่วย ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นแล้วหรือยัง”
ถังซีเงยหน้าขึ้นมองหนิงเคอ และคิดว่าเป็นเรื่องตลกมากเลย เป็นไปได้อย่างไรที่หนิงเหยี่ยน ผู้ชายที่พูดจาเฉียบคมขนาดนั้น จะมีน้องชายขี้อายแบบนี้!