ในที่นี้ไม่มีใครโง่ เมื่อเห็นสายตาลอกแลกของเถาเจี่ยน ทุกคนก็รู้ว่านางต้องกลัวอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าเชื่อการคาดเดาอย่างมั่นอกมั่นใจของถังซี ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ แล้วอุบายชั่วร้ายนี้เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไร เมื่อกี่ปีมาแล้ว
เมื่อรู้ตัวว่าเถียงไม่ออก เถาเจี่ยนก็จะรีบออกไปจากที่นี่ แต่แล้วทันใดนั้นนางก็เห็นเซียวจิ้นหนิงถูกผลักเข้ามาในโรงพยาบาลโดยเซียวจิ่งและเซียวส่า นางจึงหยุดชะงัก มองถังซีและร้องออกมาว่า “แกต้องการอะไร!”
ถังซีหัวเราะเยาะ มองดูคนเหล่านี้อย่างเย็นชา “กลัวเหรอ น่าเสียดายนะ สายเกินไปเสียแล้ว” ขณะมองไปที่เซียวจิ้นหนิง ซึ่งเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ามา เธอกล่าวอย่างเยือกเย็น “ที่นี่มีคนเยอะเกินไป ไปหาที่อื่นคุยกันดีกว่า ตรงนี้เป็นโรงพยาบาล เราควรหาฉากที่ดีกว่านี้”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินกอดอกนำหน้าไปโดยไม่มองคนอื่นๆ เซียวส่ากับเซียวจิ่งเฝ้ามองถังซีเดินไปที่ลิฟต์ ก่อนจะผลักเซียวจิ้นหนิงให้ตามเธอไป โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
ที่นี่คือโรงพยาบาลหลินอัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเซียวหงลี่และครอบครัว ดังนั้นพวกเขาจึงมีห้องทำงานที่นี่ เซียวส่ากับเซียวจิ่งรู้ดีแน่นอนว่าถังซีต้องการอะไร พวกเขาจึงผลักเซียวจิ้นหนิงเข้าไปในห้องทำงานของประธานโรงพยาบาล ถังซีนั่งลงบนโซฟาสีดำแล้วจ้องหน้าเซียวจิ้นหนิง ซึ่งนิ่งเงียบตลอดเวลา จากนั้นเธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ยินดีด้วยนะ ถึงแม้เธอจะถูกไล่ออกจากตระกูลเซียว แต่ก็ยังมีคนพยายามปกป้องและช่วยเหลือเธอแก้ปัญหาค่าครองชีพ”
เซียวจิ้นหนิงหัวเราะเยาะ เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “อะไรกัน เธออิจฉาหรือ เสียใจด้วยนะ คุณตาคุณยายจะยืนเคียงข้างฉันเสมอ ไม่ว่าเธอจะ…”
คำพูดของเธอถูกขัดจังหวะโดยถังซี ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำตัวใหญ่ ที่มีพนักพิงขนาดใหญ่ดูเหมือนเธอเป็นราชินี เซียวส่ากับเซียวจิ่งคนหนึ่งยืนพิงประตู อีกคนนั่งอยู่บนที่วางแขนโซฟา มองไปที่เธอทั้งสอง ถังซีกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า “ทำไมฉันถึงต้องสนใจคนที่เธอเรียกว่าคุณตาคุณยาย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับฉันโดยสายเลือดด้วยล่ะ เพื่ออะไรเหรอ ขอโทษนะ คุณตาของฉันคือท่านนายพลหยาง ไม่ใช่เศษขยะไร้การศึกษา”
“เธอหมายความว่ายังไง” เซียวจิ้นหนิงขมวดคิ้ว จากนั้นเธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เธอเย้ยหยัน “ถึงแม้คุณตาคุณยายจะไม่เกี่ยวข้องกับฉันโดยสายเลือด แต่พวกท่านก็ยังอยู่ข้างฉัน ในขณะที่เธอ หลานสาวแท้ๆ ของพวกท่าน ไม่อยู่ในสายตา!”
“เซียวจิ้นหนิง ในเมื่อเธอรักคุณตาคุณยายของเธอมาก ก็ดูแลพวกเขาให้ดี อย่าปล่อยให้พวกเขาออกไปไหน สร้างเรื่องน่าอับอายให้ตัวเอง และตัดหนทางอู่ข้าวอู่น้ำของตัวเองล่ะ!” ถังซีจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา
เมื่อสังเกตเห็นความหมายแฝงในคำพูดของถังซี เซียวจิ้นหนิงก็ขมวดคิ้ว ถามเสียงต่ำว่า “เธอหมายความว่ายังไง”
ถังซีเลิกคิ้วเป็นตอบ จากนั้นเปิดประตูห้องทำงานก็เปิดออก และหยางจิ้วเสียนพาเถาเจี่ยนกับหลินรั่วจื่อเข้ามา ถังซีมองพวกเขาและกล่าวอย่างเฉยเมย “เธอก็ลองถามพวกเขาดูสิ”
เถาเจี่ยนรู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นว่าเซียวจิ้นหนิงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ นางก้าวออกมาจับมือเซียวจิ้นหนิงไว้ และปลอบโยนเธอเบาๆ “จิ้นหนิงไม่ต้องกลัวนะ ยายอยู่นี่ ตราบใดที่ยายอยู่ตรงนี้ จะไม่มีใครทำร้ายเธอได้”
เซียวจิ้นหนิงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมากกับคำพูดของถังซี เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะฟังคำพูดเสแสร้งของเถาเจี่ยน เธอตอบด้วยเสียงฮื่อในลำคอขณะจ้องมองถังซี และกล่าวอย่างใจเย็น “พูดให้เข้าใจชัดๆ ไปเลยสิ!”
“เธอไม่รู้หรือว่ายายเธอผลักคุณแม่ฉันตกบันได และตอนนี้ท่านกำลังนอนอยู่ในห้องพักคนไข้ข้างล่าง ฉันจะบอกให้เธอมั่นใจได้เลยว่า ยายที่แสนดีของเธอจะถูกลงโทษ ไม่อย่างนั้นคุณแม่ฉันจะถูกผลักตกบันไดฟรี”
เซียวจิ้นหนิงมองหน้าเถาเจี่ยน ซึ่งไม่กล้าทำตัวหยาบคายต่อหน้าเธอ ได้แต่กล่าวตะกุกตะกักว่า “จิ้นหนิง ยายไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้น ยายแค่สะกิดนิดหน่อยอาหรูก็ตกบันไดไปเอง ยายทำเพื่อหนู หนูก็รู้ พวกเขาต้องรับผิดชอบต่อสถานภาพของหนูในปัจจุบัน…”
เซียวจิ้นหนิงหันไปมองถังซีแล้วกล่าวว่า “แล้วไงล่ะ คุณยายไม่ได้ตั้งใจทำ”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วเธอล่ะ ตอนนี้เธอได้รับข้อกล่าวหาทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บโดยเจตนา” ถังซีเปลี่ยนประเด็นขณะมองหน้าเซียวจิ้นหนิงและกล่าวช้าๆ “ฉันคิดว่าเธอรู้แน่ชัดในสิ่งที่เธอทำ… วันนี้เธอให้คนเอาเศษแก้วไปใส่ในบ่อน้ำพุร้อน ทำให้ฉันลื่นล้ม ซึ่งถือว่าเป็นการทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บโดยเจตนา ฉันสงสัยว่าเธอจะแก้ข้อกล่าวหาให้ตัวเองยังไง เพราะฉันมีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ!”
“พูดบ้าอะไร” เสียงเถาเจี่ยนดังขึ้น
ถังซีไม่สนใจเถาเจี่ยน เธอจ้องมองแต่เซียวจิ้นหนิงด้วยสายตาเย็นชา เซียวจิ้นหนิงชะงัก ก่อนจะทะลึ่งพรวดไปข้างหน้าพร้อมกับอุทาน “คนๆ นั้นคือเธอ! นางแบบที่มาแทนที่ฉันคือเธอ!”
“ประหลาดใจเหรอ” ถังซีซึ่งนั่งนิ่งเหมือนราชินีลุกขึ้นยืนในฉับพลัน แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาเซียวจิ้นหนิง “เธอเอาทุกอย่างไปจากฉัน ทุกอย่างที่ฉันจะทำหลังจากนี้คือสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากเธอ นอกจากนี้ฉันจะทำอย่างเปิดเผย และไม่ทำอะไรผิดกฎหมาย!”
“เยี่ยม!” เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เถาเจี่ยนก็เดินออกไปข้างหน้าสองก้าว “แปลว่าแกคือคนที่เอาทุกอย่างไปจากจิ้นหนิง แกคือคนกล่าวโทษเธอ ทำให้เธอต้องเดือดร้อนแบบนี้! ทำไมแกถึงได้ชั่วร้ายอย่างนี้!”
เมื่อเห็นว่าเถาเจี่ยนเข้าข้างเธอ ประกายความพึงพอใจก็แวบผ่านดวงตาเซียวจิ้นหนิง เธอมองหน้าถังซีอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ใช่ แกเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน แล้วไงล่ะ คุณตาคุณยายจะดุด่าสาปแช่งแกอย่างนี้ตลอดไป! แกคิดว่าแกจะมีความสุขอยู่ได้หรือ
อย่างไรก็ตาม สีหน้าถังซีไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเธอจ้องหน้าเถาเจี่ยน ยิ้มให้นางอย่างเย็นชา และกล่าวอย่างเฉียบคม “ฉันไม่คิดว่าฉันจะสู้คุณได้หรอกนะ ในเรื่องความชั่วร้าย คุณเถา คุณขโมยลูกของครอบครัวอื่นไป เก็บเธอไว้เป็นทาส บังคับให้คุณแม่ของฉันทำงานในไร่ และงานบ้านทุกอย่าง แม้แต่เมื่อคุณแม่ของฉันหาค่าเล่าเรียนด้วยตัวเอง คุณก็ทุบตีท่านอย่างหนัก และเอาเงินท่านไป ถ้าท่านไม่ฉลาดพอ ซ่อนเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่ท่านหาได้จากข้างนอกไว้ ท่านจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ไหม!” เมื่อเห็นสีหน้าเถาเจี่ยนเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ถังซีก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาต่อไป “คุณคิดว่าจะไม่มีใครรู้ว่าคุณทำอะไรไว้ เพราะเวลาผ่านไปหลายปีแล้วอย่างนั้นหรือ…
…พวกคุณมีลูกสาวตั้งสองคน คุณยังจะมีหน้ามาขอเงินคุณแม่ฉัน ทั้งๆ ที่ข่มเหงทำร้ายท่านมาตลอดเวลาอีกหรือ แล้วลูกสาวแท้ๆ ของคุณล่ะเป็นอย่างไร เธอหันหลังให้คุณอย่างเย็นชาใช่ไหมล่ะ”
เซียวจิ้นหนิงมองหน้าถังซีอย่างตกตะลึง และถามว่า “เธอว่าอะไรนะ”
ถังซียิ้ม เมื่อเห็นเซียวจิ้นหนิงตกตะลึง เธอก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ว่า “ผิดหวังไหมล่ะ เธอคิดว่าเธอสามารถใช้ให้เถาเจี่ยนกับหลินรั่วจื่อมาทำให้ชีวิตในอนาคตของฉันยากลำบาก แต่พวกเขากลับมาตัดหนทางที่เหลืออยู่เพียงทางเดียวของเธอเสียนี่ เช่นเดียวกับหนทางของพวกเขาเองด้วย”
ถังซีเอ่ยชัดๆ ทีละคำ ที่ตามมาพร้อมด้วยคมมีดในดวงตาเธอ “ฉันเสียใจด้วยนะ เธอจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่เธอต้องการ”