ทันใดนั้นสมองถังซีก็อื้ออึงและเธอไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป คุณปู่รู้แล้วหรือว่าเธอประสบอุบัติเหตุ ท่านยอมรับได้ไหม ท่านสุขภาพไม่ดีมานานหลายปี จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอาการท่านทรุดลงกะทันหัน
ถังซีพรวดพราดจะลุกขึ้น เธออยากกลับบ้านไปหาคุณปู่! โชคดีที่เฉียวเหลียงคอยสังเกตปฏิกิริยาเธออยู่ เขารั้งเธอให้นอนลงห้ามไม่ให้เคลื่อนไหว เมื่อเห็นว่าถังซีไม่สนใจสุขภาพตัวเองเลย เฉียวเหลียงก็ขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “คุณจะทำอะไร คุณจะล้มลงแล้วบาดเจ็บอีกถ้าลุกออกจากเตียง แค่จะเดินไปให้ถึงประตูห้องคุณยังทำไม่ได้เลย คุณจะไปหาคุณปู่ได้ยังไง”
ดวงตาถังซีเริ่มแดง เธอมองหน้าเฉียวเหลียงและกล่าวด้วยเสียงแหบห้าว “คุณปู่มีแต่ฉันแค่คนเดียว ท่านมีแค่ฉันกับรูปถ่ายคุณย่าและคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นที่เป็นเพื่อน ในอนาคตท่านก็จะได้แต่ดูรูปฉันด้วยใช่ไหม”
หัวใจเฉียวเหลียงเจ็บแปลบเมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของเธอ เขาโน้มตัวลงไปหาถังซี จูบหน้าผากและแก้มเธอซ้ำไปซ้ำมา “ไม่ ผมจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น ผมจะช่วยให้คุณได้กลับไปอยู่กับคุณปู่ คุณจะได้กลับไปหาท่าน”
“แต่ฉันไม่รู้จะกลับไปได้ยังไง” ถังซีกล่าว หันไปหาเฉียวเหลียงแล้วเอนศีรษะซบคอเขา น้ำตาเธอเปียกโชกปกเสื้อเขา “ฉันเติบโตขึ้นมาด้วยการเลี้ยงดูจากคุณปู่ ฉันยอมทุกอย่าง แต่จะไม่ยอมเห็นคุณปู่เศร้า”
“ผมจะโทรหาคุณปู่ของคุณดีไหม” เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีและกระซิบเบาๆ “ถึงคุณจะไม่สามารถไปหาคุณปู่ได้ แต่ผมไปหาท่าน ไปอยู่เป็นเพื่อนท่านแทนคุณได้ คุณไม่สามารถไปดูแลท่าน เพราะฉะนั้นผมจะไปทำหน้าที่หลานชาย ดูแลท่านแทนคุณ ดีไหม”
คำพูดของเขาสร้างความซาบซึ้งแก่ส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดในหัวใจถังซี เธอหัวเราะเบาๆ ด้วยน้ำตาที่ไหลรินตรงหางตา แล้วกล่าวกับเฉียวเหลียง “คุณปู่เกลียดคุณ ท่านเกลียดคุณมาก หลังจากท่านรู้ว่าคุณขอเลิกกับฉัน คุณไม่รู้หรือ”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้วมองถังซีด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปาก เขาหยิบโทรศัพท์แล้วสั่นไปมา “ลองดูนะ ตกลงไหม” เขาเสนอ
ถังซีเองก็อยากได้ยินเสียงคุณปู่ เธอจึงเม้มริมฝีปากและพยักหน้า ท่ามกลางความประหลาดใจของเธอ เฉียวเหลียงบันทึกหมายเลขโทรศัพท์คุณปู่เธอไว้ด้วย เฉียวเหลียงมองหน้าเธอ ก้มศีรษะลงจูบเธอที่หน้าผาก จากนั้นก็โทรหาถังเจิ้นหวา ไม่นานก็มีคนรับสาย ถังซีบอกได้ว่านั่นเป็นเสียงถังจง น้ำเสียงถังจงฟังดูสุภาพมาก “คุณเฉียวเหลียง ขอโทษนะครับ ผมต้องถามว่าทำไมคุณถึงโทรหานายท่านดึกขนาดนี้”
เฉียวเหลียงก้มมองถังซีและตอบว่า “ผมมีเรื่องจะเรียนคุณปู่ถัง”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงถังจงตอบกลับมา “ขอโทษนะครับ ตอนนี้คุณท่านเข้านอนแล้ว ดังนั้น…”
ก่อนที่ถังจงจะพูดจบ เฉียวเหลียงก็กล่าวต่อไปก่อน “ผมรู้ว่าท่านไม่อยากเห็นหน้าผมในเวลานี้ ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมเองก็ไม่ต้องการยอมรับความจริงที่ว่าซีซีตายไปแล้ว แต่ผมมี…” เฉียวเหลียงรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจขณะพูดเช่นนั้น เขามองหน้าถังซี แล้วความเจ็บปวดในใจก็คลายลงเล็กน้อย เขากล่าวเสียงต่ำว่า “ผมไปพักอยู่กลางทะเลแปซิฟิกเดือนหนึ่ง แต่พบเพียงนิ้วมือของเธอ…”
ทางด้านถังเจิ้นหัว ท่านนั่งอยู่กับถังจง กดปุ่มเปิดเสียง และฟังการสนทนาอย่างระมัดระวัง เมื่อได้ยินอย่างนั้นท่านก็คว้าโทรศัพท์มาทันทีและถามอย่างจริงจัง “เธอบอกว่าเธอพบอะไรนะ”
เมื่อถังซีได้ยินเสียงคุณปู่ เธอรีบยกมือขึ้นปิดปากไว้แน่น ไม่ให้ตัวเองส่งเสียงดัง เฉียวเหลียงลุกขึ้นยืนจับมือถังซีไว้ “สวัสดีครับ คุณปู่ถัง ผมเฉียวเหลียงครับ” เฉียวเหลียงกล่าวด้วยความเคารพ
ถังเจิ้นหวาตอบอย่างกระวนกระวาย “ฉันรู้แล้วว่าเธอคือเฉียวเหลียง ฉันถามว่าเธอพบอะไร”
เฉียวเหลียงเม้มริมฝีปาก “นิ้วมือครับ ผมใช้เวลาหนึ่งเดือนอยู่กลางทะเลแปซิฟิก แต่พบเพียงนิ้วมือของเธอ และผมนำกลับมาด้วย”
มือถังเจิ้นหวาสั่นระริก โทรศัพท์เกือบหลุดจากมือ ถังจงก้าวเข้ามาถือโทรศัพท์ให้ แต่ถังเจิ้นหวาไม่ยอมให้เขาถือ และถามเสียงเยือกเย็น “ซีซีของฉันจะไม่กลับมาแล้ว ใช่ไหม”
เฉียวเหลียงเงียบลง หากท่านยอมรับได้ว่า วิญญาณหลานสาวท่านมาเกิดใหม่ในร่างของใครอีกคนหนึ่ง หลานสาวท่านอาจกลับมา แต่… เฉียวเหลียงรู้ว่าชายชราจะยอมรับไม่ได้
หากไม่ได้มีสถานการณ์ที่สอดคล้องกันหลายอย่าง ความคล้ายคลึงกันระหว่างถังซีกับเซียวโหรว และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาที่ลองบีช เขาจะไม่เชื่อเลยว่าถังซียังคงมีชีวิตอยู่ในร่างของผู้หญิงอีกคน ดังนั้นเขาจึงยังไม่บอกถังเจิ้นหวาว่าถังซียังมีชีวิตอยู่และจะกลับมา
เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากเฉียวเหลียง หลังจากเงียบไปนาน ถังเจิ้นหวาก็กล่าวขึ้น “เธอช่วยพาซีซีกลับบ้านได้ไหม ซีซีต้องคิดถึงบ้านแน่ๆ”
เสียงท่านอ่อนระโหยและแผ่วเบา เวลานี้ท่านดูไม่เหมือนท่านประธานเอ็มไพร์กรุปเลยแม้แต่น้อย แต่เหมือนคุณปู่ที่น่าสงสาร ปรารถนาเพียงให้หลานสาวกลับบ้าน
เฉียวเหลียงมองถังซีที่อยู่ข้างๆ ถังซีมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน กระซิบว่า “ตอนนี้คุณมีฉันอยู่ด้วย แต่คุณปู่มีได้เพียงนิ้วมือนั้นเท่านั้น”
“ตกลงครับ พรุ่งนี้ผมจะไปเยี่ยมคุณปู่ที่อุทยานเอ็มไพร์ พร้อมกับนิ้วมือนั้น คุณปู่รอผมที่นั่นนะครับ” เฉียวเหลียงหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อไป “ส่วนถังเฟิง ที่คุณปู่ส่งไปทำงานที่ทะเลแปซิฟิก ผมคิดว่าคุณปู่ให้เขากลับมาได้แล้วล่ะครับ เขาอยู่ที่นั่นมานานกว่าเดือนหนึ่งแล้ว ถึงเวลาที่เขาควรจะกลับมาแล้วครับ คนพวกนั้นจะได้ไม่สามารถเอาเรื่องนี้มาสร้างปัญหาอะไรได้อีก โปรดเชื่อผมเถอะนะครับ คุณปู่ถัง”
ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งเงียบไปนานอีกครั้ง แล้วตามมาด้วยเสียงชายชรา “เฉียวเหลียง ฉันจะรอเธออยู่ที่อุทยานเอ็มไพร์พรุ่งนี้ โปรดช่วยพาหลานสาวฉันกลับบ้านด้วย”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว ตอบอย่างหนักแน่น “ตกลงครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
เฉียวเหลียงวางสายโทรศัพท์ มองหน้าถังซี แล้วกล่าวเสียงต่ำ “ผมจะไปพบคุณปู่ที่บ้านคุณพรุ่งนี้ ผมจะขอให้หมอมาตรวจร่างกายท่าน ก่อนที่ผมจะกลับมา ดีไหม”
“ขอบคุณนะ อาเหลียง” ถังซีกล่าวด้วยความขอบคุณ โอบแขนไปรอบกายเฉียวเหลียง “ขอบคุณที่จำฉันได้ตั้งแต่แรกเห็น ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำเพื่อฉัน ขอบคุณที่ฟังและปลอบโยนฉัน ขอบคุณที่ช่วยฉันดูแลคุณปู่ และขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”
เฉียวเหลียงมองหน้าเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นก็ก้มลงจูบหน้าผากถังซี “ผมขอโทษ คุณขอบคุณผมมากมาย แต่ผมยังไม่สามารถทำให้คุณกลับไปหาคุณปู่ของคุณ และได้เรียกท่านว่าคุณปู่ ให้อภัยผมด้วยที่ไร้ความสามารถ”
ถังซีเงยหน้าขึ้น จูบริมฝีปากเฉียวเหลียง “คนโง่ คุณมีความสามารถมากพอแล้ว ฉันรู้ว่าคุณทำอะไรให้ฉันมามากมาย ขอบคุณนะคะ”
เฉียวเหลียงเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธอ นอนตะแคงลงข้างๆ แล้วจูบหน้าผากเธอ “นอน” เขาบอก
ถังซีกะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา “แต่… ฉันอยากไปห้องน้ำ”