เฉียวเหลียงจ้องมองถังซีด้วยท่าทางครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะละสายตาไปในที่สุด เขาปิดประตูห้องคนไข้ จากนั้นก็เดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงถังซี “ผมจำได้ว่าคุณกับเธอรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ” เขาเอ่ยเสียงต่ำ
ถังซีเม้มริมฝีปาก มองหน้าเฉียวเหลียง “ใช่ ฉันรู้จักเธอตั้งแต่ยังเด็ก ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอเลยอาจมีความลำเอียง ฉันถึงขอให้คุณบอกฉันไง ว่าเธอเป็นคนแบบไหนในสายตาคุณ”
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีแล้วขมวดคิ้ว “ให้ผมพูดตรงๆ ได้ไหม”
ถังซีเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างเฉียวเหลียงด้วยสายตาไม่แน่ใจ แล้วโบกมือไปมา “ช่างเถอะค่ะ” เธอกล่าว “คุณเองก็ไม่เคยชอบซินหยิ่ง เพราะฉะนั้นมุมมองของคุณต่อเธอก็ต้องเอนเอียงไปในทางอคติ”
เฉียวเหลียงนั่งนิ่ง หยิบส้มขึ้นมาปอกเปลือกแล้วป้อนให้ถังซี ขณะมองหน้าเธอไม่วางตาเขาถามว่า “ทำไมจู่ๆ คุณก็พูดถึงฉินซินหยิ่งขึ้นมา”
ถังซีเลิกคิ้วมองเฉียวเหลียง เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ผู้กำกับหลานเพิ่งโทรหาฉัน บอกว่ามีคนชื่อฉินซินหยิ่งโทรหาเซียวจิ้นหนิง ฉันก็เลยคิดว่าฉันควรปรึกษาคุณเรื่องนี้”
เมื่อเฉียวเหลียงได้ยินคำพูดของถังซี ประกายความเยือกเย็นก็สว่างวาบในดวงตา เขารีบหลบสายตาเพื่อปกปิดความรู้สึกอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงป้อนส้มถังซีต่อไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อถังซีเห็นเฉียวเหลียงไม่มีทีท่าว่าจะพูด รอยยิ้มร้ายกาจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ ขณะแกล้งทำหน้ามุ่ยถามเขาอย่างฉุนเฉียว “ทำไมไม่พูดล่ะ”
เฉียวเหลียงมองหน้าเธอแล้วตอบว่า “คุณอยากให้ผมพูดอะไรหรือ จะให้บอกว่า ‘ขอโทษนะ ที่รัก ผมไม่ควรเป็นที่ชื่นชมของใครต่อใครมากมาย จนทำให้คุณต้องหึงผู้หญิงคนอื่นๆ เลย’ … หรือว่า ‘ผมไม่น่าหล่อขนาดนี้เลย’ …อย่างนั้นหรือ”
“ก็ได้ ก็ได้! คุณไม่ต้องพูดแล้ว” ถังซีรีบขัดจังหวะเฉียวเหลียงอย่างรวดเร็ว และห้ามไม่ให้เขาพูดต่อไป “คุณนี่หลงตัวเองมากกว่าฉันซะอีก!”
“ไม่หรอก ผมสู้คุณไม่ได้หรอกในเรื่องนี้ นางฟ้าน้อย” เฉียวเหลียงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ถังซีอึ้ง “…” พระเจ้า! เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอเรียกตัวเองว่านางฟ้า
ถังซีรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เอาล่ะ เอาล่ะ เมื่อเช้านี้คุณบอกว่าคุณกำลังประชุมอยู่ใช่ไหม การประชุมเป็นไปด้วยดีไหมคะ” ถังซีกำลังสงสัยว่าทำไมเซียวจิ่งผู้ถือหุ้นของบริษัทเฉียวเหลียงไม่ทราบเรื่องการประชุม และดูเหมือนเฉียวเหลียงตั้งใจจะไม่บอกเขาด้วย
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีอย่างครุ่นคิดและตอบว่า “ก็ไม่เลว ทุกอย่างลงมติกันเป็นที่เรียบร้อย”
“ประชุมบริษัทเหรอคะ” ถังซีถาม ขณะมองหน้าเฉียวเหลียงและกล่าวต่อไป “พี่ชายฉันก็เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทคุณด้วยไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงว่างงานตลอดทั้งวันเลยล่ะ”
เธอคิดว่าเซียวจิ่งเหลวไหลเกินไป เขารับค่าจ้างแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย เธอสงสัยว่าทำไมเฉียวเหลียงถึงทนเขาได้ ถ้าเป็นเธอคงไล่เซียวจิ่งออกไปแล้ว
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี ไม่สนใจคำถามที่ถังซีอยากถามเขาจริงๆ แม้แต่น้อย “เขาขี้เกียจ และบริษัทก็พึ่งพาอะไรเขาไม่ได้เลย เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปต้องการผู้นำที่เป็นบุคคลผู้มีความสามารถ” เขาตอบเสียงต่ำ
ฮ่า ฮ่า…
ถังซีมองเฉียวเหลียงด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ ขณะกล่าวว่า “คุณแค่อยากจะบอกว่าคุณมีความสามารถ ว่างั้นเถอะ”
“ฮื่อ…” เฉียวเหลียงเริ่มอย่างจริงจัง ขณะยื่นมือไปลูบผมถังซี “ถ้าผมไม่เก่ง เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปก็คงไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรอก เพราะฉะนั้นซีซี คุณควรยอมรับว่าผมมีความสามารถ”
ถังซีหน้ามุ่ย ไม่เต็มใจยอมรับว่าเฉียวเหลียงมีความสามารถจริงๆ เธอครุ่นคิดก่อนจะกล่าวว่า “ฉันก็มีความสามารถเหมือนกัน” หลังจากหยุดชั่วครู่เธอก็กล่าวต่อไป “ถ้าฉันไม่ตาย ฉันก็อาจพาเอ็มไพร์กรุปเข้าสู่ยุคใหม่ของวงการธุรกิจได้เหมือนกัน”
หลังจากฟังคำพูดยกตัวเองของถังซี เฉียวเหลียงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถึงคุณจะเป็นเซียวโหรว คุณก็สามารถนำเอ็มไพร์กรุปเข้าสู่ยุคใหม่ได้”
ถังซีรู้สึกห่อเ**่ยวใจเมื่อพูดถึงเอ็มไพร์กรุป เฉียวเหลียงจับมือถังซีไว้และกระซิบ “เท่าที่ผมรู้ คุณปู่ยังแข็งแรง แต่ถ้าคุณไม่ยอมปรากฏตัวออกมาเลยตลอดช่วงเวลานี้ ข่าวการตายของคุณจะหลุดออกมาสักวันหนึ่ง ผมกลัวว่าคุณปู่จะรับไม่ไหว”
เมื่อถังซีได้ยินแบบนี้ดวงตาเธอก็แดงเรื่อขึ้นมา ถ้าเพียงแต่คุณปู่ของเธอจะยอมรับความจริงได้ว่า เธอตายแล้วแต่กลับมามีชีวิตใหม่ เหมือนที่เฉียวเหลียงและคนอื่นๆ เชื่อ ทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดี แต่ทว่า… เธอจะโน้มน้าวให้คุณปู่เชื่อเรื่องแปลกประหลาดนี้ได้อย่างไร บางทีท่านอาจคิดว่าเธอเป็นสิบแปดมงกุฏที่จะมาฮุบทรัพย์สมบัติของตระกูลถังก็เป็นได้
“ค่อยๆ จัดการไป ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ” เฉียวเหลียงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันมีเสน่ห์ ขณะเอื้อมมือไปลูบผมถังซี “เชื่อผมสิ วันหนึ่งคุณจะได้กลับไปที่เอ็มไพร์กรุป และปกครองโลกของคุณเหมือนเดิม”
ถังซีตื้นตันจนพูดไม่ออก เธอยื่นมือออกไปหาเฉียวเหลียง เขารับมือเธอแล้วยกขึ้นจูบ ถังซีขมวดคิ้วพึมพำว่า “กอดฉันด้วย!”
เฉียวเหลียงมองถังซีอย่างอ่อนใจ ก่อนจะโน้มตัวลงไปหาและกอดเธอไว้…
“โอ… พระเจ้า! ดูสิว่าฉันเจออะไร!” เซียวส่ายืนอยู่ที่ประตู ท่าทางตะลึงงันกับภาพคนสองคนกอดกันบนเตียง ใครก็ได้บอกเขาทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เขาแค่ออกไปซื้ออาหารกลางวันให้น้องสาว! ทำไมสองคนนี้ถึงทำแบบนี้ต่อหน้าเขา เขาไม่อยากเห็นเลยแม้แต่น้อย!
ถังซีอึ้ง ปล่อยเฉียวเหลียง ซึ่งค่อยๆ ยืดตัวขึ้นช้าๆ แล้วหันหลังไปมองเซียวส่า ซึ่งตกใจกับสายตาที่จ้องมองมา แต่หลังจากนั้นครู่เดียวเซียวส่าก็พูดเสียงดังว่า “ทำไมนายไม่ล็อคประตูล่ะ! นายควรจะดีใจนะที่คนที่เข้ามาเป็นฉัน ถ้าเป็นพ่อแม่ฉัน ทั้งสองคนจะต้องถูกทำโทษ!”
ถังซีทำปากยื่นแล้วกล่าวว่า “พี่ส่า พี่ยังไม่กลับไปอีกเหรอ” เธอได้ยินมาว่าเพื่อนร่วมงานของเซียวส่าเรียกให้เขาไปร่วมประชุม! แล้วจู่ๆ เขาโผล่มาแบบนี้ได้อย่างไร! ในฐานะประธานบริหารบริษัทเกมทำไมเขาถึงว่างงานขนาดนี้!
เซียวส่าโบกสิ่งของที่ถืออยู่ในมือไปมาขณะตอบว่า “คุณแม่มีธุระต้องไปทำตอนบ่าย พี่ก็เลยไปซื้ออาหารกลางวันมาให้เธอ ไม่คิดเลยว่าพอพี่เอาอาหารกลางวันมาให้ เธอจะไม่แยแสพี่แบบนี้!”
เฉียวเหลียงจ้องหน้าเซียวส่าด้วยสายตาเย็นเฉียบ เซียวส่ารู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมาทันที เขารีบเอ่ยขึ้น “ฉันกำลังจะไปแล้ว นายควรล็อคประตูดีกว่านะ ปิดไว้เฉยๆ แบบนี้จะไม่สะดวก ถ้ามีใครเข้ามากะทันหันนายจะ…”
เฉียวเหลียงหันไปมองหน้าเซียวส่าตรงๆ และถามว่า “บริษัทเกมของนายปิดตัวไปแล้วหรือ”
เมื่อได้ยินคำถามเซียวส่าก็หันขวับไปมองเขาอย่างรวดเร็ว และตอบกลับด้วยการย้อนถาม “นายถามทำไม”
เฉียวเหลียงยกขาข้างหนึ่งขึ้นไขว่ห้าง มองเซียวส่าแล้วกล่าวเสียงราบเรียบว่า “ฉันเห็นนายไม่ทำอะไรเลยทั้งวัน เลยคิดว่าบริษัทเกมของนายคงปิดกิจการไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะซื้อไว้เอง ฉันเพิ่งเริ่มสนใจตลาดเกมเมื่อเร็วๆ นี้”
เซียวส่าขนลุกขึ้นมาทันที “เฉียวเหลียง! นี่นายกำลังไล่ว่าที่พี่ภรรยานะรู้ไหม!” จากนั้นเขาก็หันไปมองถังซี “นี่เธอเอาแต่มองดูเขาขู่พี่ โดยไม่ทำอะไรเลยเหรอ!”
ถังซียักไหล่ด้วยท่าทางใสซื่อ “พี่ส่า ก็พี่เป็นส่วนเกิน!”
เซียวส่าผู้น่าสงสาร ผู้ถูกขู่เข็ญหลังจากถูกบังคับให้เห็นคู่รักแสดงความรักต่อกัน ทำตาขวางจ้องหน้าคนทั้งคู่ แล้วพรวดพราดออกจากประตูไป