เนื่องจากฉินซินหยิ่งละทิ้งมิตรภาพของเธออย่างไม่แยแส มิหนำซ้ำยังเหยียบย่ำอีกด้วย เธอก็จะทำให้ฉินซินหยิ่งรู้ว่า หากไม่มีมิตรภาพที่เธอมอบให้ ผู้หญิงอย่างฉินซินหยิ่งก็ไม่มีอะไรเลย!
เธอจะทำให้ฉินซินหยิ่งได้รับบทเรียนว่า ความรู้สึกสูญเสียทุกอย่าง หลังจากทรยศและหักหลังเพื่อนนั้นเป็นอย่างไร
เมื่อถึงตอนนี้ก็มีคนมาเคาะประตู ถังซีสะดุ้งตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าเป็นอาห้า เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วรีบกล่าวกับเฉียวเหลียง “กลับไปเถอะค่ะ อีกไม่นานคุณแม่ฉันก็จะมาแล้ว ถ้าท่านเห็นคุณที่นี่ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาห้ารอคุณอยู่ กลับไปเถอะ”
อาห้ากะพริบตาปริบๆ ยิ้มให้ถังซีและกล่าวว่า “คุณหนูเซียวครับ ไม่มีอะไรเร่งด่วน คุณหนูฟังด้วยได้ครับ เพราะฉะนั้นคุณหนูไม่จำเป็นต้องขอให้นายน้อยกลับไปกับผมหรอกครับ” อันที่จริงอาห้าค่อนข้างกังวลเล็กน้อยเมื่อพูดแบบนี้ เพราะนี่เป็นเรื่องของคุณถัง แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าคุณหนูเซียวจะไม่โกรธนายน้อยในเรื่องนี้…
ดังนั้น เขาสามารถรายงานเรื่องสถานการณ์ในตระกูลของคุณถังแก่นายน้อย ต่อหน้าคุณหนูเซียวได้ใช่ไหม อาห้าสังเกตดูปฏิกิริยาของถังซีอย่างระมัดระวังอีกครั้ง หลังจากเห็นว่าถังซีและเฉียวเหลียงไม่มีอะไรขัดเคืองต่อกัน เขาก็หันไปหาเฉียวเหลียง เฉียวเหลียงเลิกคิ้วขึ้นมอง อาห้ารู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาทันที เขารีบก้าวถอยหลัง และกล่าวกับเฉียวเหลียงอย่างรวดเร็ว “นายน้อยครับ ผมมีเรื่องจำเป็นต้องรายงานให้นายน้อยทราบครับ”
ผมไม่ได้มีเจตนาจะมารบกวนนายน้อยกับคุณหนูเซียวเลย!
เฉียวเหลียงมองหน้าอาห้าอย่างเฉยชาและยิ้มอย่างร้ายกาจ “มาคนเดียวหรือ อาหกไม่มีเวลามาด้วยเลยหรือไง”
อาห้าเกือบร้องไห้ นายน้อยแสดงให้เห็นถึงความแค้นเคืองอย่างมากที่มีต่อเขา เขาเพิ่งเคยพูดถึงคุณหนูเซียวเพื่อปกป้องเธอคราวที่แล้วแค่ครั้งเดียว และนายน้อยก็เกลียดเขาเพราะเรื่องนั้น นายน้อยหึงหรือ ให้ตายเถอะ คุณหนูเซียวสวยงามราวกับนางฟ้า เขารู้ว่าเขาไม่ดีพอสำหรับเธอ ดังนั้นเขาจะไม่เสียเวลาจีบเธอหรอก
“เอ้อ… นายน้อยครับ อาหกถูกคุณเซียวจิ่งเรียกตัวไปทำงานที่บริษัทครับ นายน้อยจะไม่…” น้ำเสียงอาห้าแผ่วต่ำลงเรื่อยๆ เมื่อมาถึงคำพูดสุดท้าย
เมื่อถังซีได้ยินคำพูดของอาห้า เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอไม่ได้เจอหน้าเซียวจิ่งมาหลายวันแล้ว เธอเหลือบมองเฉียวเหลียงทันทีและถามว่า “มีอะไรผิดปกติที่บริษัทของคุณเหรอ”
เฉียวเหลียงมองหน้าอาห้าแล้วส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไร แค่มีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อย พี่ชายคุณสามารถจัดการได้”
อาห้าเม้มริมฝีปากและบ่นในใจ ‘นายน้อยโกหก’ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างโกรธแค้นดังมาจากประตู “ไอ้บ้าเอ๊ย! ใครบอกว่าฉันสามารถจัดการได้ ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว แต่นายมาสวีทหวานกับน้องสาวฉันอยู่ที่นี่! ทั้งสองคนเลย เคยใส่ใจความรู้สึกของฉันบ้างไหม”
ถังซีมองหน้าเซียวจิ่งซึ่งหนวดเคราเริ่มงอกออกมาแล้วรีบยกมือขึ้น “พี่จิ่ง ฉันสาบาน ฉันขอให้เขากลับไปแล้ว ไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิดนะ ฉันยังเป็นน้องสาวที่ดีของพี่!”
เซียวจิ่งจ้องหน้าเธอ “เงียบไปเลย พี่ไม่ได้ยินเลยว่าเธอพูดอะไรเข้าข้างพี่เมื่อกี้นี้”
ถังซียักไหล่ “ฉันกำลังจะพูดพอดี” จากนั้นเธอก็หัวเราะเบาๆ กล่าวกับเซียวจิ่ง “แต่นี่พี่จิ่ง พี่ดูเข้มขึ้นมากเลยเวลามีเครา ตอนนี้พี่ดูหล่อมาก!”
เมื่อถูกคำพูดของถังซีเบี่ยงเบนความสนใจ เซียวจิ่งก็ลูบหนวดเคราที่เพิ่งขึ้นที่คางแล้วเลิกคิ้วให้ถังซี “ใช่! พี่ดูเข้มขึ้นมากใช่ไหม พี่ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน พี่ว่าพี่ควรไว้หนวดนะ”
หางตาข้างหนึ่งของถังซีหรี่ลง เธอหัวเราะ “พี่จิ่ง จริงๆ แล้วพี่ดูหล่อขึ้นนะ เวลาที่พี่มีกล้ามเล็กๆ”
เซียวจิ่งจ้องมองถังซีกับเฉียวเหลียง เฉียวเหลียงนั่งอยู่ข้างๆ เธอ ไม่สนใจเขาโดยสิ้นเชิง หน้านิ่วคิ้วขมวดจนสีหน้าบูดบึ้ง “อาห้า เมื่อกี้นายบอกว่ามีอะไรต้องรายงานฉันไม่ใช่หรือ”
“ใช่ครับ นายน้อย เราพบว่าเอ็มไพร์กรุปได้ระงับการเพิ่มทุนทั้งหมดในฉินกรุป นายน้อยคิดว่าท่านประธานถังกำลังจะทำอะไรบางอย่างหรือเปล่าครับ”
เฉียวเหลียงโบกมือให้อาห้าออกไป อาห้าออกมาจากห้องคนไข้ด้วยสีหน้างุนงง โดยไม่ได้รับคำตอบจากเฉียวเหลียง… เกิดอะไรขึ้น นี่ก็หมายความว่านายน้อยยังคงหลีกเลี่ยงการพูดถึงคุณถังต่อหน้าคุณหนูเซียวใช่ไหม เขากลัวว่าคุณหนูเซียวจะหึงหรือ
เมื่อรู้สึกว่าเขาได้พบความจริงแล้ว อาห้าก็เบิกตาโตแล้วส่ายศีรษะ เขาเดินออกไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เป็นอย่างที่เขาคิด นายน้อยจะไม่สนใจความรู้สึกของคุณหนูเซียวได้อย่างไร ดูสิ เขายังไม่ได้เอ่ยถึงคุณถังเลยสักนิด แค่พูดถึงคุณปู่ถังและเอ็มไพร์กรุป นายน้อยก็รีบไล่เขาออกมาแล้ว นายน้อยแค่ไม่ยอมรับความรู้สึกที่มีต่อคุณหนูเซียว!
ในห้องคนไข้ ถังซีมองเฉียวเหลียงและถามว่า “คุณยังสนใจเอ็มไพร์กรุปอยู่หรือ”
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี “ในฐานะประธานเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป ผมไม่ควรสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทอื่นๆ หรือ”
“ฉินกรุปหรือ” เซียวจิ่งขมวดคิ้วมองเฉียวเหลียง “ฉินซินหยิ่งที่อยู่แผนกออกแบบเป็นลูกสาวฉินกรุปหรือเปล่า”
ถังซีเลิกคิ้วมองเซียวจิ่ง “พี่จิ่ง พี่เจอเธอเหรอ”
เซียวจิ่งเม้มริมฝีปาก แล้วเดินไปเปิดประตูบอกอาห้าว่าอย่าให้ใครเข้ามาใกล้หน้าห้อง จากนั้นก็ปิดประตู แล้วถามถังซีอย่างจริงจัง “น้องกับผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์กันยังไง”
ถังซีเม้มริมฝีปากแล้วเล่าให้เขาฟังสั้นๆ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉินซินหยิ่งกับเธอ แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เธอเห็นในความฝัน เซียวจิ่งขมวดคิ้วกล่าวว่า “นั่นคือสาเหตุที่พี่มาที่นี่”
“พี่รู้เหรอว่าเธอขโมยภาพสเก็ตช์งานออกแบบของฉัน” ถังซีมองหน้าเซียวจิ่งด้วยความประหลาดใจ เป็นไปไม่ได้ ฉินซินหยิ่งระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เธอจะให้เพื่อนร่วมงานรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
เฉียวเหลียงเลิกคิ้วมองเซียวจิ่ง ซึ่งยกเก้าอี้มานั่งแล้วกล่าวว่า “พี่รู้โดยบังเอิญ” จากนั้นเขาก็หยิบแฟลชไดรฟ์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและส่งให้ถังซี
“วันนั้นเธอจะรีบไปหาเฉียวเหลียง แล้วพี่ก็จะไปที่แผนกเลขานุการ เธอชนพี่อย่างแรง และแฟลชไดรฟ์นี้หล่นลงมา วันนี้พี่นึกอะไรขึ้นมาไม่รู้เปิดแฟลชไดรฟ์นี้ดู แล้วก็เห็นภาพสเก็ตช์งานออกแบบทั้งหมดที่มีลายน้ำเป็นชื่อ ‘ถังซี’ พี่เลยสงสัยว่าภาพสเก็ตช์พวกนี้น่าจะเป็นของน้อง…”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ถังซีก็ยิ้มเยาะ “ฉันคิดว่าเธอจะรอบคอบกว่านี้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่ได้ลบลายน้ำบนภาพสเก็ตช์” ถังซีหยิบแฟลชไดรฟ์มาดูแล้วหัวเราะ “ทีแรกฉันคิดว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามปีในการจัดการเธอ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าโอกาสจะมาถึงเร็วกว่านั้น ฉินซินหยิ่งต้องเดือดร้อนใจอย่างมากแน่ ที่ไม่มีภาพสเก็ตช์พวกนี้”
เซียวจิ่งพยักหน้า “พี่ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ปารีสแฟชั่นวีคส่งจดหมายเชิญมาที่เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป และเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปของเรา จะไปแสดงผลงานในงานแฟชั่นฤดูหนาวของปารีสแฟชั่นวีคเดือนหน้า เธอในฐานะนักออกแบบพิเศษของเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป จะต้องออกแบบเสื้อผ้าหลายเซ็ต ดังนั้นถ้าเธอไม่ได้มีความสามารถในการออกแบบ พี่คิดว่าเธอจะต้องรีบหาภาพสเก็ตช์งานออกแบบมาจากที่ไหนให้ได้”
ถังซีเลิกคิ้วและเย้ยหยัน “จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะได้ดูละครสนุกๆ แล้วสิ”
เฉียวเหลียงและเซียวจิ่งมองหน้าถังซีพร้อมกันและถามว่า “ละครสนุกๆ อะไร”
ถังซีเลิกคิ้ว “แน่นอน ละครสนุกๆ ที่ฉินซินหยิ่ง นักออกแบบพิเศษ ไม่มีความสามารถแม้แต่จะสเก็ตช์ภาพงานออกแบบไงล่ะ”