เซียวจิ่งตัวแข็งเมื่อได้ยินว่าเขาได้วันหยุดห้าวัน เขานิ่งอึ้งไปสามวินาที ก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง “โอ! ในที่สุดฉันก็ได้กลับบ้านไปอาบน้ำแล้ว! หลังจากใช้ชีวิตเหมือนคนจรจัดมาตลอดทั้งสัปดาห์ ในที่สุดฉันก็ได้เป็นคนปกติแล้ว!” จากนั้นเขาก็คว้าเสื้อโค๊ทจากโซฟาหนังสีดำ เปิดประตูแล้วเดินออกไปพร้อมกับพึมพำว่า “โอ! ฉันจะให้น้องสาวฉันนวดให้อย่างดีเลย!”
เขาช่วยแฟนเธอปกป้องบริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ และทำให้บริษัทศัตรูแฟนเธอพังพินาศ แน่นอนว่าเขาควรได้รางวัลจากน้องสาว อย่างน้อยที่สุดเธอก็ควรบีบนวดให้เขา!
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวจิ่ง เฉียวเหลียงซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานก็ยิ้มเยาะ แล้วทำงานต่อไป เซียวจิ่งเดินออกจากห้องทำงานรีรอจะให้เฉียวเหลียงโกรธ แต่เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เขาจึงผลักประตูเปิดกลับเข้าไปในห้องทำงาน เฉียวเหลียงเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเซียวจิ่งยืนอยู่หน้าประตูก็เลิกคิ้วถามว่า “มีอะไรอีกหรือ”
เซียวจิ่งเลิกคิ้ว ลูบคาง และหรี่ตามองเฉียวเหลียง ราวกับเขาได้ค้นพบอะไรบางอย่างที่เคร่งเครียด “นายทะเลาะกับน้องสาวฉัน! ทะเลาะกันอย่างร้ายแรง!”
“ไม่ใช่ธุระของนาย” เฉียวเหลียงก้มหน้าทำงานต่อไป เซียวจิ่งขมวดคิ้วและปิดประตูขณะกล่าวว่า “นายกับเธอต้องทะเลาะกัน หรือมีอะไรกันบางอย่างแน่ๆ ทำไมนายไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เมื่อฉันบอกว่าฉันจะให้น้องสาวฉันนวดให้ ต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างนายกับน้องสาวฉัน…”
เฉียวเหลียงทำเสียงฮึดฮัด “ฉันไม่ว่าง ไปให้พ้นหน้าฉันเสียที”
“จุ๊ๆ อะไรทำให้นายโกรธขนาดนี้” สิ่งที่เซียวจิ่งชอบที่สุดในชีวิตคือ การเห็นเฉียวเหลียงถูกกระทำ เพราะฉะนั้นในขณะนี้เขาไม่รู้สึกง่วงนอนอีกต่อไป เขารีบเดินไปที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานเฉียวเหลียงอย่างรวดเร็ว และนั่งลงมองชายหนุ่มอย่างอิ่มอกอิ่มใจ “ทำไมถึงทะเลาะกัน เพราะนายเกาะติดเธอมากเกินไป น้องสาวฉันก็เลยดุนายใช่ไหม”
เฉียวเหลียงชำเลืองมองเซียวจิ่งด้วยสายตาเยือกเย็น แล้วก้มหน้าอ่านข้อเสนอขอเพิ่มทุนในมือ พร้อมกับกล่าวเสียงเรียบ “นายยังมีน้องสาวอยู่อีกหรือ”
เซียวจิ่งหน้าบูดบึ้ง ถามด้วยความโมโห “นายหมายความว่ายังไง ทำไมนายถึงบอกว่า…” แล้วเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะพูดจบ เขาผุดลุกขึ้นแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ลุงฉันกับครอบครัวมาแย่งโหรวโหรวไปใช่ไหม”
เฉียวเหลียงกล่าวโดยไม่เงยหน้า “เธอเป็นคนนะ ไม่มีใครมาแย่งเธอไปได้หรอก”
“บัดซบ! พวกเขามาลักพาตัวน้องสาวฉันไปในขณะที่ฉันไม่อยู่ได้ยังไง คนพวกนั้นนี่น่ารังเกียจจริงๆ! ฉันจะไปคิดบัญชีกับพวกเขา!” พูดจบเซียวจิ่งก็หันหลังกลับเดินออกไปข้างนอกด้วยความโกรธ เฉียวเหลียงซึ่งกำลังอ่านเอกสารเงยหน้าขึ้นทันที “นายควรกลับไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ตัวนายเหม็นมากจริงๆ”
“เฉียวเหลียง ไอ้บ้า!” เซียวจิ่งด่า แล้วหันหลังเดินจากไป
ในที่สุดห้องทำงานเขาก็เงียบสงบลงอีกครั้งหลังจากเซียวจิ่งออกไป เฉียวเหลียงต่อโทรศัพท์ภายในและกล่าวเสียงต่ำ “เข้ามาทำความสะอาดห้องทำงานฉัน จัดการกับสิ่งที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย”
หลังจากดำเนินการกับเอกสารไปหลายฉบับ เฉียวเหลียงก็มองดูนาฬิกา เปิดคอมพิวเตอร์และต่อสัญญาณวิดีโอคอล สองวินาทีต่อมาชายหนุ่มสองคนก็ปรากฏบนหน้าจอ คนหนึ่งดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ยังอยู่ภายใต้อำนาจเขา อีกคนหนึ่งดูเป็นผู้ดีมีตระกูล มีรอยยิ้มร้ายกาจอยู่เหนือริมฝีปาก ชายหนุ่มทั้งสองเมื่อรวมตัวกับเฉียวเหลียง สามารถสร้างส่วนผสมที่ผสานกันอย่างลงตัวที่สุดในโลก
ทั้งสองทักทายเฉียวเหลียงด้วยรอยยิ้ม เฉียวเหลียงถามว่า “เป็นยังไงบ้าง”
“เราจับตัวตุ่นได้แล้วและจัดการกับเขาเรียบร้อย แต่ฉันไม่เจอฉูหลิง ไม่รู้ว่าช่วงนี้ผู้ชายคนนั้นหายไปไหน ฉันหาเขาไม่เจอเลย ราวกับเขาหายตัวได้ ฉันไม่เจอเขามาสัปดาห์หนึ่งแล้ว” เจสกล่าว
เฉียวเหลียงยังคงนิ่งเฉย วิลสันกล่าวว่า “คุณมุ่งเน้นกับงานในประเทศจีนมากในช่วงนี้ อยากให้เรามุ่งไปที่จีนมากกว่านี้ไหม เราจะได้ช่วยคุณได้ง่ายขึ้น”
เฉียวเหลียงส่ายศีรษะ “ไม่ ตอนนี้จุดโฟกัสของเรายังควรอยู่ที่อื่นไม่ใช่จีน ถ้าหลงเซี่ยวมาโผล่ในจีน ในไม่ช้าก็จะปรากฏว่าเราทำผิดกฎของตลาดในประเทศ จากนั้นเราอาจต้องเผชิญกับการประท้วงของบริษัทอื่นๆ มากมาย ถึงแม้จะไม่มีหนทางอื่นแล้ว เราก็ไม่ควรนำหลงเซี่ยวกลับมาที่จีน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา วิลสันก็มีท่าทางเก้อเขินเล็กน้อย ขณะที่เจสหัวเราะอย่างเบิกบานใจกล่าวว่า “เฮ้ คุณเจ็ด ผมบอกคุณแล้วว่าคุณหลอกเขาไม่ได้ เห็นไหมล่ะ ความคิดคุณมุ่งไปที่ประเทศจีนใช่ไหม ในขณะที่ความคิดเขามุ่งไปที่หลงเซี่ยว ซึ่งความคิดคุณเป็นไปไม่ได้หรอก… เราทุกคนควรขอบคุณเขา เพราะเขาช่วยเราได้เสมอเวลาที่เราไม่มีทางออก”
วิลสันถามเสียงต่ำ “คุณจะกลับมาที่หลงเซี่ยวได้เร็วที่สุดเมื่อไร”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว “ผมไม่ได้อยู่ที่หลงเซี่ยวตลอดเวลาหรอกหรือ มีปัญหาใหญ่ครั้งไหนของหลงเซี่ยวที่ผมแก้ไขไม่ได้” ทันทีที่เขากล่าวจบ โทรศัพท์ในห้องทำงานก็ดังขึ้น เฉียวเหลียงรับสาย เสียงอันเฮาดังขึ้น “ท่านประธานเฉียวคะ คุณลู่อยู่ที่ชั้นหนึ่งค่ะ เขาบอกว่าอยากพบท่านประธาน จะให้เขาเข้าพบไหมคะ”
วิลสันหยุดพูดทันที เจสก็หุบปากเช่นกัน ทั้งสองรอดูปฏิกิริยาของเฉียวเหลียง เวลาผ่านไปสองวินาที ก่อนที่เฉียวเหลียงจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ไม่” จากนั้นเขาก็วางสายโทรศัพท์ หันกลับมาพูดคุยกับ วิลสันและเจสต่อไป
วิลสันไม่อยากทำให้เฉียวเหลียงเสียอารมณ์จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ฝ่ายป้องกันชายแดนซาอุดิฯ สั่งซื้ออาวุธหนักสองหมื่นตันจากเรา และผมตอบตกลง”
เฉียวเหลียงส่งเสียงคำรามในลำคอ และถามง่ายๆ ว่า “ราคาล่ะ”
“สามเท่าของราคาตลาด” เจสกล่าวด้วยรอยยิ้มร้ายกาจบนริมฝีปาก “ยังไงก็ตามพวกเขามีเงินเยอะ ราคานี้ไม่ระคายพวกเขาหรอก”
เฉียวเหลียงหัวเราะ กล่าวว่า “ส่งรายการอาวุธให้ผมด้วย”
เจสเลิกคิ้ว “คุณจะเอาไปทำไม”
เฉียวเหลียงมองหน้าเจส เจสรีบยกมือขึ้นทันที “ได้ๆ ผมจะหุบปาก เอาล่ะ คราวนี้เราคงต้องเพิ่มกำลังการผลิตอาวุธชนิดเดียวกันนี้เป็นพิเศษแล้วใช่ไหม”
เฉียวเหลียงพยักหน้า “ส่งทั้งหมดไปที่มารีน่าเบย์ เมืองหลวง โทรบอกผมเมื่อของไปถึง ผมจะไปรับของทั้งหมดเอง”
เจสเม้มริมฝีปาก “กำหนดราคาใหม่อีกครั้งหรือเปล่า”
เฉียวเหลียงพยักหน้า “ใช่ คุณต้องเป็นคนรับผิดชอบงานนี้ เจส ล็อตนี้ต้องเป็นอาวุธที่ดีที่สุด”
“คุณทุ่มเทให้กับประเทศคุณจริงๆ …” เจสพูดไม่ทันจบ เมื่อเขาเห็นสายตาเฉียวเหลียงที่มองมา เขารีบหุบปากโดยเร็ว “เอาล่ะ ผมไม่ควรถามเรื่องนี้ ในเมื่อคุณขอให้ผมเตรียมการ ผมจะดูแลจัดการให้ดีที่สุด”
เฉียวเหลียงยิ้มอย่างพอใจ “เป็นการเจรจาต่อรองที่ไม่เลว ด้วยอิทธิพลของประเทศที่หนุนหลังคุณอยู่ ไม่มีใครกล้ากำจัดคุณหรอก ถึงแม้คุณจะรวยที่สุดในโลกก็ตาม แล้วอีกอย่าง ผมไม่มีทางมอบอาวุธให้พวกเขาฟรีๆ”