หลังจากทานอาหารค่ำที่บ้านเฉียวเหลียงแล้ว ถังซีก็บอกว่าเธอจะไปที่อาคารสำนักงาน การปรับปรุงสถานที่ต้องใช้เวลาพอสมควร ถังซีจึงบอกหลี่ม่านหยางกับจินฮั่นว่ายังไม่ต้องมาทำงานตอนนี้ บริษัทจะยังไม่เริ่มดำเนินกิจการอย่างเป็นทางการ จนกว่าเธอจะคัดเลือกพนักงานเพิ่มเติมเสร็จเรียบร้อย เมื่อเห็นเธอจริงจังเรื่องสำนักงานเฉียวเหลียงก็ยิ้ม “ยังเร็วเกินไปที่บริษัทของคุณจะเริ่มดำเนินงาน ใจเย็นๆ ให้ผมไปส่งคุณกลับบ้านก่อนดีไหม”
ถังซีส่ายศีรษะ มองดูภาพร่างการออกแบบตกแต่งอาคารของเธอ ขณะกล่าวว่า “ถึงแม้สำนักงานจะตกแต่งต่อเติมเรียบร้อยแล้ว แต่ชั้นหนึ่งกับชั้นสามควรมีการปรับปรุงเพิ่มเติม ฉันต้องการเพิ่มองค์ประกอบหลายอย่างแบบที่ฉันชอบลงไป ฉันจะได้รู้สึกดีที่สุดเมื่อบริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการ”
เฉียวเหลียงไม่พูดอะไรอีก เมื่อทั้งสองมาถึงอาคารเดอะควีน ถังซีก็สวมหน้ากากและหมวก แล้วเข้าไปในอาคาร เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของการปรับปรุงต่อเติม คนงานทำงานตลอดเวลา จึงมีคนงานหลายคนยังอยู่ที่นั่นเมื่อเธอเข้าไป ถังซีมองดูคนงานที่ทำงานหนักเหล่านั้น และเอ่ยเสียงดังว่า “พวกคุณทำได้ดีมาก! ขอบคุณมากนะคะ”
คนงานทุกคนเงยหน้าขึ้นมองถังซี จากลักษณะท่าทางของเธอ พวกเขาเดาได้ว่าเธอน่าจะเป็นเจ้าของบริษัท พวกเขาจึงหัวเราะและกล่าวว่า “ไม่เป็นไรครับ นี่คืองานของเรา”
ถังซียิ้ม “ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงอาหารว่างพวกคุณคืนนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ คนงานก็ยิ่งทำงานอย่างขยันขันแข็งมากขึ้น แม้กระทั่งคนงานหนุ่มน้อยที่กำลังโบกปูนก็ยังเร่งมือเร็วขึ้น
ถังซีออกมาจากอาคารหลังจากตรวจดูชั้นสามเรียบร้อยแล้ว รองเท้าเธอเต็มไปด้วยฝุ่น เฉียวเหลียงยืนมองเธออยู่หน้ารถ ถังซีเดินเข้าไปหาเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณได้คนงานพวกนี้มาจากไหนคะ พวกเขาทำงานเร็วมาก และทำตามแบบได้ถูกต้องครบถ้วนทุกอย่าง! ไม่มีอะไรให้ตำหนิเลย”
เธอคิดเผื่อไว้เหมือนกันว่าเธออาจไม่พอใจผลงานของพวกเขา ต้องมีหลายสิ่งหลายอย่างมากๆ ที่เธอไม่พอใจ แต่หลังจากได้เห็นอาคารสำนักงานทั้งหลัง เธอก็พบว่าไม่มีอะไรต้องกังวลอย่างที่คิด คนงานพวกนี้เก่งมาก
เฉียวเหลียงเอื้อมมือไปขยี้ผมเธอ แล้วเปิดประตูรถให้ หลังจากถังซีขึ้นรถแล้ว เฉียวเหลียงก็เดินอ้อมด้านหน้ารถไปขึ้นทางอีกด้านหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ผมให้อาห้าหามา เขา…เก่งมากเรื่องการหาคนมาทำงาน”
ถ้าหญิงสาวรู้ว่า ‘คนงาน’ ในสายตาเธอเหล่านี้ จริงๆ แล้วคือวิศวกรระดับโลก เธอจะต้องตกตะลึง หรือไม่อย่างนั้นจากที่เขารู้จักเธอมา เธออาจอยู่ที่นี่ทั้งคืน เพื่อเรียนรู้ทักษะต่างๆ จากพวกเขาเพื่อเป็นประสบการณ์…
เฉียวเหลียงขับรถไปส่งถังซีที่บ้านเซียวหงอี้ ถังซีบอกลาเขาแล้วลงจากรถ เมื่อเห็นว่าถังซีลงไปโดยไม่อาลัยอาวรณ์เขาเลย เฉียวเหลียงก็ขมวดคิ้ว สีหน้าเข้ม เฝ้ามองเธอเดินเข้าบ้าน เขารออยู่นานแต่หญิงสาวไม่กลับออกมา ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้แค่เหยียบคันเร่งพารถพุ่งออกไป
ในเวลาเดียวกันนั้นถังซีกำลังมองหน้าเซียวเจี่ยนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอเลิกคิ้วขึ้น “พี่มีอะไรเหรอคะ”
เซียวเจี่ยนจ้องหน้าถังซีอย่างจริงจัง จากนั้นก็ส่ายศีรษะแล้วถามเหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า “ดูเหมือนวันนี้เธอจะกลับบ้านช้ามาก เพราะครูเหรอกักตัวไว้ใช่ไหม”
ถังซีรู้ดีว่าเซียวเจี่ยนถามเพื่อหยั่งเชิง เธอจึงยิ้ม “พี่คะ ขอให้ฉันมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างไม่ได้เหรอ” แม้จะยิ้มแต่ถังซีกำลังคิดในใจว่า ‘เมื่อกี้เซียวเจี่ยนเห็นเฉียวเหลียงหรือเปล่า ถ้าไม่เห็นทำไมเขาถึงถามเธอแบบนี้”
เซียวเจี่ยนคิดไม่ถึงว่าถังซีจะตอบไม่ตรงคำถาม แต่กลับย้อนถามให้เขาตอบ ในฐานะนักธุรกิจแถวหน้า เซียวเจี่ยนไม่สะทกสะท้านสักเท่าไร เขาแค่ส่ายศีรษะอย่างเคอะเขินเล็กน้อย “แน่นอน เธอต้องมีพื้นที่ส่วนตัว แต่พี่ไม่อยากเห็นเธอถูกหลอก”
ถังซียิ้ม ยืดตัวปลดสายรัดเป้ออก แล้วเงยหน้ามองเซียวเจี่ยน “พี่เจี่ยนคะ พี่ห่วงมากเกินไปแล้วค่ะ ถึงฉันจะไม่ได้เติบโตในเมือง A แต่ฉันอายุยี่สิบสามแล้วนะ ฉันไม่ใช่คนเซ่อซ่า แล้วอีกอย่าง…” ถังซีหยุด ก่อนจะกล่าวต่อไป “แล้วอีกอย่างฉันก็เป็นคุณหนูของตระกูลเซียว ใครจะกล้ามาหลอกฉัน ถ้าใครกล้าทำอย่างนั้นฉันรู้ว่าพี่จะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ แน่!”
เซียวเจี่ยนไม่คาดคิดว่าเธอจะพูดแบบนี้ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอันเคร่งขรึมทันที เขาพยักหน้า “ใช่ ถ้ามีใครรังแกเธอ บอกพี่ พี่จะเตะก้นมันเอง”
“ขอบคุณค่ะ” ถังซียิ้ม เดินอ้อมตัวเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่น เธอทักทายคุณปู่เซียวที่กำลังดูทีวีอยู่ และโยนกระเป๋านักเรียนให้ลิลลี่ ซึ่งเดินตามเธอมาตั้งแต่เธอเข้าบ้าน “ฉันจะไปหาแม่ก่อน เอากระเป๋าไปเก็บในห้องให้ฉันหน่อย”
ลิลลี่รับคำอย่างมีความสุข แล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับกระเป๋าของถังซี ส่วนถังซีเดินตรงไปที่ห้องหลินหรู
…
ณ อุทยานเอ็มไพร์ในเมืองหลวง ที่ห้องทำงานถังเจิ้นหวา เจ้าของห้องกำลังอ่านเอกสารในมือพร้อมกับขมวดคิ้ว ถังจงมองเจ้านายด้วยท่าทางเคร่งขรึม กล่าวเบาๆ ว่า “นายท่านครับ ผมคิดว่าคุณเฉียวไม่มีอะไรให้ตำหนิ เขาได้ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อคุณหนูแล้ว ผมได้ข้อมูลมาว่าคุณเฉียวไม่ได้รู้จักคุณหนูเซียวโหรวคนนี้มาก่อน จนกระทั่งเขากลับมาจากมหาสมุทรแปซิฟิกจึงได้รู้จักกัน ทั้งสองเพิ่งเริ่มคบหากันหลังจากที่เขากลับมาจากมหาสมุทรแปซิฟิกครั้งที่สองแล้วสิบกว่าวัน”
ถังจงสังเกตท่าทีของถังเจิ้นหวา เขาเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวต่อไป “และนายท่านครับ…”
“อาจง เธอไม่คิดหรือว่าดวงตาของเด็กผู้หญิงคนนี้สวยงามมาก” ก่อนที่ถังจงจะตอบ ทันใดนั้นท่านก็เงยหน้าขึ้นมองถังจงและกล่าวว่า “เธอไม่คิดหรือว่าดวงตาของเด็กผู้หญิงคนนี้เหมือนซูหวา”
“ฮึ?” ถังจงมองหน้าเจ้านายด้วยความประหลาดใจ เพราะเหตุใดนายท่านจึงสนใจดวงตาของหญิงสาวคนนี้มาก เขาคิดว่านายท่านจะทำให้คุณหนูเซียวกับคุณเฉียวเผชิญกับปัญหายุ่งยาก เพื่อแก้แค้นให้คุณหนู!
ถังเจิ้นหวาถามว่า “ทำไมรูปถ่ายทั้งหมดที่เธอหามาได้ถึงมีแต่รูปสวมหน้ากาก เธอไม่มีรูปที่เห็นหน้าเด็กคนนี้เต็มๆ เลยหรือ”
“นายท่าน…” หัวใจถังจงเหมือนถูกชกอย่างแรง นายท่านตกหลุมรักเด็กผู้หญิงคนนี้ เพราะดวงตาเธอเหมือนดวงตาคุณผู้หญิงซูหวาอย่างนั้นหรือ
บ้าไปแล้ว! นี่ฉันคิดอะไรอยู่!
ถังจงรีบตอบว่า “มีครับนายท่าน ผมมีอยู่รูปหนึ่งที่เห็นหน้าเต็มของเธอ ผมถ่ายที่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมตี้อีครับ” พูดจบเขาก็ส่งรูปถ่ายให้ถังเจิ้นหวา พร้อมกับเล่าเรื่องของเซียวโหรวให้ท่านฟัง
เมื่อได้ยินคำบอกเล่าทั้งหมดจากถังจง ถังเจิ้นหวาก็ขมวดคิ้ว จ้องมองเด็กผู้หญิงในภาพแล้วถอนหายใจ “ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสาร” จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองถังจง “หาข้อมูลอย่างละเอียดของเธอมาให้ฉัน รวมถึงข้อมูลสมาชิกในครอบครัวเธอด้วย”
ถังจงชะงัก มองหน้าถังเจิ้นหวา เมื่อแน่ใจว่าเจ้านายไม่ได้ล้อเล่นเขาก็รีบกล่าวว่า “ได้ครับ” แล้วออกจากห้องไป