นักเรียนส่วนใหญ่ให้ความนับถือเซียวโหรว แม้พวกเขาจะไม่รู้เหตุผลว่าทำไม อาจเป็นเพราะเซียวโหรวเป็นเลิศทั้งในด้านผลการเรียนและรูปร่างหน้าตา แม้ว่าเธอจะมาจากหลังเขาก็ตาม หรืออาจเป็นเพราะภูมิหลังของครอบครัวเธอ อดีตครูหัวหน้าสายชั้นพยายามหาเรื่องใส่ร้ายให้เธอโดนไล่ออก แต่แทนที่จะได้ไล่เซียวโหรวออกจากโรงเรียน ครูคนนั้นกลับถูกไล่ออกเสียเอง และตอนนี้ไม่มีโรงเรียนไหนกล้าจ้างเธอ อย่างไรก็ตามไม่มีใครโต้แย้งเฉินจื่อเยียน ทุกคนเชื่อโดยไม่รู้ตัวว่าเซียวโหรวสามารถทำได้ เธอจะทำให้ผู้ชมงงงวยด้วยท่วงทำนองอันไพเราะ ในการแสดงงานศิลปะที่กำลังจะมาถึงอย่างแน่นอน
ถังซียิ้ม ดึงเฉินจื่อเยียนนั่งลง แล้วกล่าวว่า “ทบทวนวิชาภาษาอังกฤษ อย่าสร้างปัญหาให้ฉัน”
เฉินจื่อเยียนทำปากยื่น แล้วกล่าวอย่างหนักแน่น “สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง เธอเป็นคนเก่ง”
ถังซีส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม เธอหายง่วงแล้วจึงหยิบสมุดสเก็ตช์ภาพออกมาสเก็ตช์ภาพงานออกแบบ เฉินจื่อเยียนชะโงกมาดูด้วยความอยากรู้ เมื่อเธอเห็นถังซีสเก็ตช์ภาพบนกระดาษ เธอก็อยากเห็นสิ่งที่ถังซีกำลังสเก็ตช์ชัดๆ ถังซีขยับสมุดสเก็ตช์ออกห่าง และมองหน้าเฉินจื่อเยียน “เธอจะได้ดู หลังจากจำคำศัพท์ของบทเรียนในวันนี้ได้หมดแล้ว”
เฉินจื่อเยียนหน้ามุ่ย แต่ก็ยังหันไปมุ่งมั่นกับตำราเรียนภาษาอังกฤษ ถึงตอนนี้คุณครูเหอก็เข้ามาหาถังซีพร้อมด้วยกระดาษแผ่นเล็กๆ สิบใบ และขอให้เธอเลือกหนึ่งใบ ถังซีมองคุณครูเหอซึ่งมีสีหน้าจริงจัง แล้วยิ้ม ก่อนจะหยิบมาใบหนึ่ง ส่งให้คุณครูเหอ นักเรียนทั้งชั้นหันมามองเธอ เมื่อสังเกตเห็นว่าเธอกำลังทำอะไร คุณครูเหอก็ยิ้มให้บรรดานักเรียนที่อยากรู้อยากเห็น และชูแผ่นกระดาษให้พวกเขาดู “เป็นเพลง ‘เดอะ เวดดิง ออฟ เดอะ ดรีม’ ตามที่พวกเธอต้องการ”
ถังซียิ้ม เป็นอย่างที่เธอต้องการเช่นกัน เธอไม่ได้เล่นเพลงนี้มานานหลายปีแล้ว และตอนนี้เธอกำลังจะได้เล่นอีกครั้ง
เฉินจื่อเยียนมองดูรอยยิ้มบางๆ บนริมฝีปากถังซี รอยยิ้มนั้นแทบจะทำให้ตาพร่า ด้วยประกายอันเจิดจ้าเมื่อกระทบแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา เฉินจื่อเยียนอดยิ้มตามไม่ได้ เธอนั่งเท้าคางจ้องมองใบหน้าถังซี “เธอสวยจัง เธอดูงดงามเหลือเกินเวลาเธอยิ้มอย่างนี้”
ถังซีชะงัก จากนั้นก็ยิ้มสดใสให้กับคำชม เธอขยี้ผมเฉินจื่อเยียน แล้ววาดภาพสเก็ตช์บนกระดาษต่อไป เฉินจื่อเยียนก็เริ่มทบทวนบทเรียนอย่างขะมักเขม้นเช่นกัน
ในไม่ช้าชั่วโมงการเรียนรู้ด้วยตนเองตอนเช้ายี่สิบนาทีก็ผ่านไป ถังซีเก็บสมุดสเก็ตช์ภาพ แล้วหยิบตำราเรียนภาษาอังกฤษออกมา เตรียมพร้อมสำหรับชั้นเรียนภาษาอังกฤษ แต่ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมอง เห็นหนิงเคอกำลังจ้องเธอตาไม่กะพริบ ถังซีกะพริบตาปริบๆ มองหนิงเคอด้วยความประหลาดใจ เธอลังเลนิดหน่อยก่อนจะถามว่า “มีอะไรหรือ”
หนิงเคอเม้มริมฝีปากมองหน้าถังซี ถามเบาๆ ว่า “ผมได้ยินพี่ชายคุยโทรศัพท์เมื่อคืนนี้ จริงไหมที่เขาพูดว่าเธอ…”
“เดี๋ยวก่อน เราเอาไว้คุยกันเรื่องนี้หลังเลิกเรียน เป็นการส่วนตัวดีไหม” ถังซีมองเด็กชาย และนึกตำหนิหนิงเหยี่ยนในใจ ‘ทำไมเขาถึงเอาเรื่องชีวิตส่วนตัวของเธอมาพูดต่อหน้าเด็กคนนี้! เขากำลังสร้างปัญหาให้เธอ! เด็กคนนี้ได้ยินว่าตอนนี้เธอกำลังคบหาอยู่กับเฉียวเหลียงใช่ไหม นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงโกรธมากใช่หรือเปล่า’
เมื่อคิดเช่นนี้ถังซีก็รู้สึกไม่สบายใจ หากพวกนักเรียนรู้ว่าเธอพยายามปกป้องเฉียวเหลียง เพราะเธอเป็นแฟนเขา คนพวกนี้จะมีเรื่องนินทาเธออีก…
หลังจากได้ข้อสรุปนี้ถังซีก็ลุกขึ้น เธอรู้สึกว่าจำเป็นจะต้องคุยกับเด็กคนนี้ให้กระจ่าง! เขาอายุสิบสามปีแล้ว เขาควรเข้าใจว่าเธอหมายความว่าอย่างไร… ใช่ เขาน่าจะเข้าใจเธอ! เขาเป็นคนฉลาดมากและมีอีคิวสูง ดังนั้นเธอก็แค่ต้องพูดคุยกับเขา เขาจะเข้าใจในความตั้งใจของเธอ ถังซีจึงพยักหน้าอย่างหนักแน่น โอบไหล่หนิงเคอ “หนิงเคอ เราออกไปคุยกันข้างนอก!”
“ไม่ครับ” นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงเคอปฏิเสธเธอ ถังซีใจหายวาบ มองหนิงเคอซึ่งมีสีหน้าเข้ม หัวใจเธอเต้นระทึก ‘เขาคิดอะไรของเขาอยู่! จะเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับเฉียวเหลียงต่อหน้าเพื่อนทั้งชั้นเลยเหรอ’ เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ถังซีก็จับมือเขาและฝืนยิ้ม “เอ้อ ที่นี่คนเยอะ…”
“เธอ…”
“หนิงเคอ!” ถังซีขัดจังหวะหนิงเคอ “เธอจะไม่ไปคุยกับฉันดีๆ ใช่ไหม”
หนิงเคอขมวดคิ้ว กล่าวอย่างเคร่งเครียด “ผมไม่ได้อยากคุยกับเธอตอนนี้ ที่ผมอยากถามก็คือ เธอ… ถูกพ่อของลู่เสี่ยวจิงลักพาตัว หลังจากที่เธอทะเลาะกับลู่เสี่ยวจิงเมื่อวานนี้ใช่ไหม”
“ไม่ใช่!” ถังซีเตรียมคำปฏิเสธในสิ่งที่เขาจะพูดไว้แล้ว เธอจึงปฏิเสธออกมาทันทีที่เขาถาม จากนั้นเธอก็กะพริบตาปริบๆ มองหนิงเคอ สีหน้าหนิงเคอเหมือนกับก้อนเมฆที่มืดครึ้ม เขากล่าวด้วยความโกรธว่า “ทำไมเธอถึงจิตใจดีอย่างนี้! ลู่เสี่ยวจิงบอกให้พ่อมาลักพาตัวเธอไปเพื่อแก้แค้น ทำไมเธอยังจะปกปิดความผิดให้ลู่เสี่ยวจิงอีก!”
“ฮะ…” ถังซีกะพริบตามองหนิงเคอ “เอ้อ คือว่าอันที่จริง… ฉันคิดว่าฉันไม่เป็นอะไรแล้วตอนนี้ เราไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนั้นอีก ยังไงเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ฉะนั้นเราควรจะลืมไปซะดีกว่า และไปเข้าชั้นเรียนกันได้แล้ว”
เธอโล่งอกเมื่อเห็นว่าหนิงเคอไม่ได้มาถามเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเฉียวเหลียง จึงนั่งลงบนที่นั่งของเธอ แล้วจู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งกรีดร้องเสียงดัง ถังซีหันไปมองเฉินจื่อเยียน “มีอะไรเหรอ!”
“เธอถูกลักพาตัว” เฉินจื่อเยียนจ้องมองถังซีอย่างไม่อยากเชื่อ และสบถออกมา “ผู้หญิงงี่เง่าไร้ยางอายคนนั้นทำแบบนี้กับเธอจริงๆ เหรอ”
ถังซีพูดไม่ออก ลูบหัวคิ้วระหว่างอธิบายว่า “ฉันไม่เป็นอะไรแล้วตอนนี้ ตำรวจช่วยฉันไว้ได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงฉัน เห็นไหม ฉันสบายดี”
เฉินจื่อเยียนมองถังซีและกล่าวอย่างขุ่นเคือง “ไม่น่าแปลกใจที่หล่อนมาลาออกจากโรงเรียน ไม่กล้าเผชิญหน้ากับผลที่ตามมาน่ะสิ! น่าอายจริงๆ! เดี๋ยวฉันจะตามไปสั่งสอนหล่อนที่บ้าน!”
“ใช่! ใช่! พวกเราคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะไร้ยางอายขนาดนี้!” นักเรียนคนอื่นๆ สนับสนุนเสียงดังเซ็งแซ่
ถังซีต้องลูบหัวคิ้วอีกครั้ง ข่าวซุบซิบช่างทรงอิทธิพล! ข่าวลือนั้นสามารถฆ่าคนได้จริงๆ
เมื่อคิดเช่นนี้ถังซีก็ลุกขึ้น กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าจู่ๆ ใครคนหนึ่งก็ร้องอุทาน “มาเร็ว มาอ่านข่าวกัน! เมื่อคืนนี้ที่โรงงานร้างย่านชานเมือง มีคนถูกลักพาตัว ตำรวจระดมเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปช่วยเหลือเหยื่อที่นั่น มีรถยนต์หรูหลายสิบคันในที่เกิดเหตุ! และยังมีคนเห็นนายทหารที่มีชื่อเสียงหลายคนอยู่ที่นั่นอีกด้วย!”