ถังซีถูกดึงออกจากภวังค์ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นและเข้มงวดของถังเจิ้นหวา เธอรีบเช็ดน้ำตาแล้วส่ายศีรษะ “ขอโทษค่ะ หนูไม่ควรร้องไห้ คุณปู่ มีอะไรให้หนูช่วยได้บ้างคะ”
เมื่อได้ยินเธอเรียกตนว่าคุณปู่ ถังเจิ้นหวาก็ตกตะลึง จากนั้นก็รู้สึกโกรธ ตาจ้องมองถังซีและกล่าวอย่างเย็นชา “ฉันไม่ใช่ปู่ของเธอ! อย่าเรียกฉันอย่างนั้น!”
ถังซีชะงัก เมื่อคิดถึงสุขภาพของท่านเธอก็พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้พูดสิ่งที่กำลังจะพูดออกมา และกล่าวขอโทษ “ขอโทษค่ะ หนูเสียมารยาท พอดีคุณอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณปู่ของหนู หนูก็เลยอดไม่ได้ที่จะ…”
“เอาละ ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำความรู้จักกับเธอ” ถังเจิ้นหวาทนไม่ได้ที่จะเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้ร้องไห้ แต่เมื่อนึกถึงหลานสาวตัวเอง เขาก็ทำใจแข็งกล่าวว่า “ฉันรู้ว่าเธอกำลังจะไปเข้าเรียน แต่เธอจะให้เวลาฉันสักครู่ได้ไหม”
ถังซีพยักหน้า มองถังเจิ้นหวาและกล่าวว่า “ได้สิคะ ต้องการพูดอะไรกับหนูเหรอคะ เราไปหาที่นั่งคุยกันดีไหม”
ถังเจิ้นหวาส่งเสียงคำรามเบาๆ จากลำคอ แล้วมองไปที่ร้านกาแฟไม่ไกลนัก “มีร้านกาแฟอยู่ตรงนั้น อยู่ใกล้โรงเรียนของเธอ ไปนั่งที่นั่นเป็นยังไง”
ถังซียิ้มและพยักหน้า ทั้งสองคนเดินนำหน้า ถังจงกับอาหกเดินตามหลัง ถังเจิ้นหวารู้จักอาหกดี เขาหัวเราะเยาะเมื่อเห็นอาหกติดตามถังซีอย่างใกล้ชิด “ดูเหมือนชายหนุ่มคนนี้จะเป็นห่วงเป็นใยเธอมาก ถึงกับส่งบอดีการ์ดของเขามาดูแลเธอโดยเฉพาะ”
ถังซีชะงัก หันกลับไปมองอาหกแล้วเข้าใจทันทีว่าทำไมคุณปู่ถึงมาคุยกับเธอ แม้ว่าเมื่อกี้เธอจะลืมนึกถึงเหตุผลที่ท่านมา เพราะความตื่นเต้นที่ได้เห็นคุณปู่ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของถังเจิ้นหวาเธอก็นึกออกทันทีว่า คุณปู่มาที่นี่เพื่อทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับเฉียวเหลียง เพื่อรักษาความเป็นธรรมให้หลานสาว!
เมื่อคิดเช่นนี้ถังซีก็รู้สึกอบอุ่นและเจ็บแปลบในหัวใจ คุณปู่อาจคิดว่าเธอตายไปแล้ว แต่เพื่อหลานสาวที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาก็ยังคง…
จู่ๆ ถังซีก็ยิ้มออกมา ถังเจิ้นหวาขมวดคิ้วใส่ถังซี ซึ่งหัวเราะและร้องไห้สลับกัน “ดูเหมือนเขาจะใจดีกับเธอมาก เธอถึงได้หัวเราะอย่างมีความสุขเหลือเกินเมื่อฉันพูดถึงเขา”
ถังซีพยักหน้า “เขาใจดีกับหนูจริงๆ ค่ะ”
“เขาใจดีกับเธอมาก ถึงขนาดขโมยชุดของหลานสาวฉัน ที่หลานสาวฉันออกแบบเอง มาให้เธอ!” ถังเจิ้นหวากระแทกไม้เท้าลงกับพื้น ถังซีชะงัก ปรากฏว่าคุณปู่โกรธเพราะเรื่องนี้ ถังเจิ้นหวากล่าวด้วยความโมโหว่า “ฉันไม่ขัดขวางหรอกนะที่เธอทั้งสองจะคบหากัน เพราะจริงๆ แล้วเขาก็เลิกกับหลานสาวฉันไปแล้วเมื่อห้าหรือหกปีก่อน ฉันไม่สนใจว่าเขาจะเจอใครใหม่ หรือเขาจะยังจดจำหลานสาวของฉันได้… แต่เขาจะมาเสแสร้งแสดงว่าคิดถึงหลานสาวฉันต่อหน้าฉัน ในขณะที่ขโมยข้าวของของยายหนูมามอบให้เธอไม่ได้!”
“คุณปะ… เอ้อ คุณคะ คุณเข้าใจเขาผิดค่ะ” ถังซีเอื้อมมือไปพยุงถังเจิ้นหวา แต่ชายชราสะบัดมือ เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่งพร้อมกับกล่าวว่า “ใจเย็นๆ ค่ะ คุณมีความดันโลหิตสูง แล้วคลอเรสเตอรอลก็สูงด้วย”
“เธอ…” ถังเจิ้นหวามองหน้าถังซี แล้วทันใดนั้นท่านก็เซถอยหลัง ถังซีรีบหันกลับไปด้านหลังแล้วเรียกถังจง “พ่อบ้านถังคะ ยาลดความดัน! เร็วๆ ค่ะ เอายาให้คุณเขาทาน!”
พ่อบ้านถังเองก็กำลังวิตกกังวลเช่นกัน เขารีบหยิบยาพร้อมกับกระติกน้ำร้อนที่เตรียมไว้ให้ถังเจิ้นหวาออกมา “นายท่าน ทานยาก่อนนะครับ” เขาบ่นจู้จี้ “ผมบอกท่านแล้วว่าไม่ให้มาที่นี่ทันทีหลังจากลงจากเครื่องบิน ให้รอจนกว่าจะพักเที่ยง แต่ท่านก็ยืนยันว่าจะมาที่นี่ทันที…”
เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อบ้านถัง ถังซีก็จ้องมองคุณปู่ด้วยดวงตาเบิกกว้าง และตะโกนว่า “ท่านเพิ่งลงจากเครื่องบิน พ่อบ้านถัง หนูบอกกี่ครั้งแล้วว่าคุณปู่ไม่…” ทันใดนั้นเธอก็รู้ตัวว่าเธอพูดอะไรออกไป และหุบปากทันที…
ทั้งถังเจิ้นหวาและพ่อบ้านถังจ้องมองถังซีด้วยความตกใจ พ่อบ้านถังมองเธออย่างไม่เชื่อสายตา และถังเจิ้นหวาก็จ้องมองเธอ ถังซีรู้สึกโมโหตัวเองที่ทำความลับหลุดออกมาจนได้ และอยากจะใช้เข็มเย็บปากตัวเองเหลือเกิน…
“คุณเฉียวถึงกับเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังด้วยหรือ” พ่อบ้านถังจ้องมองถังซี
ร่องรอยความโล่งอกแวบผ่านสายตาเธอ เด็กสาวยกนิ้วให้พ่อบ้านถังในใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองถังเจิ้นหวาและกล่าวขอโทษ “หนูไม่ควร…”
“แม่หนู… มาคุยกันหน่อย” จู่ๆ ถังเจิ้นหวาก็ขัดจังหวะ และจ้องมองถังซีอย่างพินิจพิจารณา ครู่หนึ่งเขาก็หันหลังกลับ เดินไปที่สวนสาธารณะติดกับโรงเรียน ถังซีกะพริบตาปริบๆ และรีบตามเขาไป ก่อนจะบอกอาหกให้รอเธอที่นี่ ถังเจิ้นหวาก็สั่งห้ามไม่ให้พ่อบ้านถังตามไปเช่นกัน แม้พ่อบ้านถังจะขอร้องอยู่หลายครั้ง ขอให้เขาตามไปด้วยก็ตาม
ถังซีเดินตามหลังถังเจิ้นหวา ทุกย่างก้าวเธอไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ เธอมองตามร่างถังเจิ้นหวาที่เดินโงนเงน อยากก้าวเข้าไปพยุงเขา แต่ไม่กล้า…
ถังเจิ้นหวาหยุดเมื่อเดินไปถึงพื้นที่ว่างในสวน แล้วหันหลังกลับมา ถังซีซึ่งก้มหน้าก้มตาเดินเกือบจะชนชายชนา ถังเจิ้นหวาสังเกตเห็นว่าเธอบิดนิ้วมือไปมาด้วยความประหม่า คิ้วก็ขมวดมุ่น มือกำไม้เท้าแน่น ถังซีหยุดและเงยหน้าขึ้นมองถังเจิ้นหวา และพบว่าดวงตาขุ่นมัวของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา ถังซีอดร้องไห้ไม่ได้ ถังเจิ้นหวามองหน้าเด็กสาวที่น้ำตาไหลพรากและยิ้มออกมาทันที “พระเจ้าทรงเมตตาต่อผมจริงๆ แม้จะทรงเล่นกลกับผมเสมอ”
ถังซีเหลือบมองถังเจิ้นหวาในทันที และกะพริบตาถี่ๆ ถังเจิ้นหวาถามว่า “หนูจะไม่บอกความจริงกับปู่หรือ”
ถังซีเบิกตาโตจ้องถังเจิ้นหวาอย่างไม่อยากเชื่อ และถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณรู้แล้วเหรอคะ”
“หนูเรียกปู่ว่าคุณปู่… และยังจะคำพูดพวกนั้นที่หนูพูดกับถังจงอีก ตอนที่ซีซีใช้คำพูดพวกนั้นกับถังจง เธอเลิกกับเฉียวเหลียงไปแล้ว เพราะฉะนั้นเฉียวเหลียงไม่มีทางรู้คำพูดพวกนั้น… และ…” ถังเจิ้นหวากล่าวด้วยน้ำตาไหลที่เป็นทาง ท่านมองหน้าถังซีแล้วถอนหายใจ “ถ้าปู่ไม่ได้มาคุยกับหนูเรื่องชุดชุดนั้น หนูจะเก็บความจริงนี้ไว้จากปู่ตลอดไป ให้ปู่ตายไปกับความเศร้าเสียใจอย่างนั้นหรือ”
ถังซีส่ายศีรษะ “หนูแค่กลัวว่าคุณปู่จะยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ค่ะ!”
ถังซีไม่คาดคิดว่าคุณปู่จะฉลาดมีไหวพริบถึงเพียงนี้ เธอพูดออกมาแค่ไม่กี่คำคุณปู่ก็จำเธอได้แล้ว เธอคิดไม่ถึงว่าคุณปู่จะจำเธอได้ง่ายดายเช่นนี้…
ถังเจิ้นหวารู้สึกโล่งใจที่ได้ยินการยอมรับของถังซี เขาพยักหน้าและเช็ดน้ำตาขณะกล่าวว่า “ตราบใดที่หลานยังมีชีวิตอยู่ ตราบใดที่หลานยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าหนูจะอยู่ในตัวตนแบบไหน ปู่ก็แค่อยากให้หนูยังมีชีวิตอยู่… ปู่แค่ต้องการให้หนูมีชีวิตอยู่! เพื่อที่ปู่จะได้มีหน้าไปพบกับคุณย่าของหนูได้เมื่อปู่ตายไป”
“แต่ว่าคุณปู่จำหนูได้ยังไงคะ” ถังซีสงสัย ถ้าเป็นเธอ เธออาจสงสัย และไม่มีวันเชื่อในเรื่องการกลับมาเกิดใหม่ ถ้าไม่ได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง