ลู่หลีมองหน้าเซียวจิ่ง แล้วก้มมองนาฬิกา ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วจริงๆ เขาลุกขึ้นยืน และมองไปที่คณะกรรมการผู้ทรงเกียรติของหลงเซี่ยว กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น มาประชุมกันต่อหลังอาหารกลางวันนะครับ เริ่มประชุมต่อตอนบ่ายสองโมง ตอนนี้ไปทานกลางวันกันเถอะ”
เซียวจิ่งเดินตามลู่หลีออกไปนอกห้องประชุม ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “ช่วงนี้ดูข่าวบ้างหรือเปล่า”
ลู่หลีเหลียวกลับมามองเซียวจิ่ง แม้สีหน้าจะเรียบเฉย แต่ดวงตาฉายความประหลาดใจ เซียวจิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดข่าวออนไลน์ให้ลู่หลีดู “ข่าวพวกนี้ไง เฉียวเหลียวไม่บอกบ้างเลยเหรอ”
ลู่หลีมองดูที่หน้าจอ และในทันทีนั้นก็จำได้ว่าบอดี้การ์ดในข่าวคือเฉียวเหลียง แม้เขาจะอยู่ในชุดปลอมตัวก็ตาม ลู่หลีเลิกคิ้วมองเซียวจิ่ง “ถังซีเหรอ”
เซียวจิ่งพยักหน้า “เขาไปเมืองหลวงทำไม”
ลู่หลีมองเซียวจิ่งซึ่งมีสีหน้าวิตกกังวล เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “คุณมาถามผมทำไม เป็นห่วงเฉียวเหลียง หรือเป็นห่วงว่าเฉียวเหลียงจะกลับไปคืนดีกับถังซี แล้วทิ้งน้องสาวคุณ”
เซียวจิ่งพูดไม่ออก แล้วนึกขึ้นได้ว่าคนเหล่านี้ไม่รู้ว่าน้องสาวเขาก็คือถังซี ที่ได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขายักไหล่ “ผมเชื่อมั่นในเสน่ห์ของน้องสาวผม” เขาดึงโทรศัพท์มาจากมือลู่หลี “ในเมื่อคุณมีสาวสวยรออยู่ ผมไม่รั้งคุณไว้แล้ว” แล้วเขาก็เดินถือโทรศัพท์ไปทางห้องทำงานของตนเอง
ลู่หลีมองตามหลังเขา ยิ้มแล้วหันหลังเดินไปทางลิฟต์ ระหว่างเดินไปเขาก็กดโทรศัพท์ “คุณจะกลับจากเมืองหลวงเมื่อไร”
“พรุ่งนี้เย็น”
…
เหวินนิ่งนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟฝั่งตรงกันข้ามกับอาคารสำนักงานเฉียวอินเตอร์แนชันนัล ตาจับอยู่ที่ประตูทางเข้าตึก เมื่อมองเห็นลู่หลีเดินออกมาจากตัวตึก เธอก็ยิ้มอย่างตื่นเต้นยินดี รีบลุกขึ้นเดินออกจากร้านโดยมีกาแฟสองแก้วอยู่ในมือ เมื่อลู่หลีมองเห็นเหวินนิ่งก้าวอย่างรีบเร่งออกมาจากร้านกาแฟ เขาก็เร่งฝีเท้าเดินตรงไปหาเธอ และยืนล้วงกระเป๋าคอยอยู่ตรงริมถนน ขณะเฝ้ามองหญิงสาวซึ่งแย้มยิ้มอย่างสดใสขณะเดินตรงมาหาเขา
หากไม่ใช่เพราะการได้พบกันในคืนนั้น เขาคิดว่าตนเองคงไม่มีโอกาสจะได้มายืนรอเธออยู่ที่ริมถนน เพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันอย่างสบายๆ และได้เฝ้ามองรอยยิ้มอันสดใสของเธออย่างนี้
บางทีพวกเขาอาจต้องไปพบกันที่สำนักงานตำรวจสากล หรือไม่ก็… ในสนามรบ
เมื่อไฟจราจรเป็นสีเขียว เหวินนิ่งก็แทรกตัวฝ่าฝูงชน มือถือถ้วยกาแฟ วิ่งเข้ามาหาลู่หลี เขารับกาแฟจากมือเธอ เหวินนิ่งยิ้ม “กาแฟบลูเมาน์เท่นนะคะ ฉันรู้ว่าคุณชอบ”
ลู่หลีจิบกาแฟ แล้วถามว่า “คุณอยากทานอะไร”
“ฉันรู้จักร้านอาหารที่อร่อยมากอยู่ร้านหนึ่ง เดี๋ยวพาไป” เหวินนิ่งจับมือลู่หลี คุยพลางเดินพลาง “ฉันต้องกลับประเทศ M บ่ายวันนี้ ต้องกลับไปจัดการเรื่องงาน เมื่อไรคุณจะกลับประเทศ M”
ลู่หลีเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินว่าเหวินนิ่งกำลังจะกลับประเทศ M เขามีลางสังหรณ์ว่าอนาคตของทั้งคู่คงจะสั่นคลอนอีกแล้วหลังจากที่เหวินนิ่งจากไป เขาเกลียดความรู้สึกนี้จริงๆ เธอเองที่เป็นคนมาสารภาพรักกับเขา และเป็นผู้เริ่มก่อความสัมพันธ์นี้ แล้วทำไมต้องมาจากไปกะทันหันแบบนี้
เหวินนิ่งเห็นลู่หลียืนนิ่งอยู่กับที่ เธอจึงหันมามองเขา “เป็นอะไรไปคะ”
ลู่หลีมองตาเธอ ถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ทำไมคุณถึงคิดถึงแต่ตัวเอง มาสารภาพรักกับผม แล้วก็จะเดินจากไปเฉยๆ ทำแบบนี้กับผมได้ยังไง”
เหวินนิ่งงุนงงในคำพูดของลู่หลี “ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด”
“คุณบอกว่าคุณจะตามจีบผม คุณบอกว่าจะไม่แต่งงานกับผู้ชายคนไหนนอกจากผม คุณบอกว่าจะอยู่กับผมจนชั่วชีวิต แต่ตอนนี้มาบอกผมว่าคุณจะไปแล้ว” ลู่หลีกำหมัดแน่น สีหน้าเริ่มหมองคล้ำลงเรื่อยๆ เขาจ้องหน้าเหวินนิ่งด้วยสายตาเย็นชา ถามเธอว่า “เหวินนิ่ง คุณเห็นผมเป็นคนที่คุณจะปั่นหัวเล่นง่ายๆ อย่างนั้นหรือ อยากล้อเล่นก็มาล้อ แล้วก็เตะทิ้งลงข้างทางเวลาที่ไม่ต้องการแล้วอย่างนั้นหรือ”
หัวใจเหวินนิ่งหล่นวูบ เธอหยีตามองลู่หลี แล้วเผยอยิ้มน้อยๆ “คุณกลัวว่าฉันจะทิ้งคุณหรือคะ”
สีหน้าลู่หลียิ่งหมองลงไปอีก น้ำเสียงเขาบ่งบอกถึงความน้อยใจ “ดีใจที่เห็นผมเป็นแบบนี้หรือ”
“ใช่ค่ะ!” เหวินนิ่งพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น
ลู่หลียิ่งมีสีหน้าบึ้งตึง แต่เหวินนิ่งกลับกอดแขนเขาแน่น “ฉันดีใจมากที่เห็นคุณแคร์ฉันมากขนาดนี้” ลู่หลีนิ่งเงียบ ขณะเหวินนิ่งกล่าวต่อไป “ฉันแค่จะกลับไปทำงาน ฉันก็ยังเป็นแฟนคุณอยู่นี่นา แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันกลับไป ฉันจะลาออกจากงานเลยก็ได้นะ ถ้าคุณขอให้ฉันลาออก”
บางทีลู่หลีคงไม่คุ้นกับการที่เหวินนิ่งมาบอกความในใจอย่างกะทันหันเช่นนี้ หรืออาจแค่ประหลาดใจในคำพูดของเธอ ลู่หลียืนตัวแข็งไปชั่วครู่ ก่อนจะมองหน้าเหวินนิ่ง ถามเสียงเบาว่า “ลาออกจากงานหรือ แต่คุณเป็นถึงเจ้าหน้าที่สอบสวนระดับสูงนะ”
เหวินนิ่งตอบว่า “ฉันทำงานตำแหน่งนี้มาหลายปีแล้ว เป็นตำรวจสากลมานานหลายปี แต่ตอนนี้อยากเป็นแค่คุณนายหลู่ ถ้าคุณยอมให้ฉันเป็น”
คำพูดของเธอทลายกำแพงสูงในใจลู่หลีลงหมดสิ้น เขาจ้องมองเหวินนิ่งด้วยสายตาลึกซึ้งสุดหยั่งถึง ราวกับจะกลืนเอาเหวินนิ่งเข้าไปไว้ในนั้น เหวินนิ่งยิ้มหวานเมื่อรู้สึกได้ถึงอารมณ์อ่อนไหวของลู่หลี “ให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นเพื่อคุณ ขอแค่คุณมีความสุขก็พอ”
ลู่หลีจ้องหน้าเหวินนิ่งนิ่งอยู่เป็นนาน กว่าจะสามารถละสายตาได้ “ผมไม่อยากทำตัวเป็นโซ่ล่ามคอคุณ คุณรักงานของคุณมาก”
เขาไม่อาจเห็นแก่ตัว ทำลายอาชีพของเธอ เพียงเพราะต้องการให้เธออยู่ข้างกายตลอดเวลา ต่อให้เขาและเธอถูกกำหนดมาให้ต้องอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกัน เขาก็ยังปรารถนาให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข
เหวินนิ่งยิ้ม จับมือลู่หลีไว้ กระซิบว่า “ฉันยินดีลาออกจากงาน แล้วมาทำงานกับคุณ ถ้าคุณขอให้ทำแบบนั้น”
ลู่หลีจับมือเธอไว้ จูงเธอเดินไปทางลานจอดรถ เขาหัวเราะไปพลางขณะเดินไป “แล้วถ้าเกิดคุณเป็นสายของตำรวจสากลล่ะ ใครจะกล้าให้มาทำงานอยู่ข้างตัว”
เหวินนิ่งนิ่งไป แล้วกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า “ถึงคุณจะพูดเรื่องจริง แต่อย่าลืมนะว่าคำพูดของคุณทำให้ฉันเสียใจได้ คุณไม่รู้เหรอ”
ลู่หลีมองหน้าเหวินนิ่งอย่างนิ่งงัน น้ำเสียงเขายังคงไม่เปลี่ยน “ผมโกหกคุณไม่ได้หรอก คุณไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของผมอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาอีกแล้วด้วย ปัจจุบันคุณคือเจ้าหน้าที่สอบสวนระดับสูงขององค์การตำรวจสากล ผมไม่อาจยืนยันกับเพื่อนร่วมงานของผมได้ว่าคุณไม่ใช่สายตำรวจ”