“อ้อ…” ผู้อำนวยการเจียงมองดูหนิงเคอ ท่านเคยได้ยินชื่อหนิงเคอ ว่าเป็นนักเรียนที่อายุน้อยที่สุดในโรงเรียนมัธยมตี้อี ท่านจึงประทับใจอย่างมากในตัวเด็กคนนี้ น่าแปลกใจที่หนิงเคอก็สามารถแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ยากๆ เหล่านี้ได้เช่นกัน! ท่านเดินเข้าไปหาหนิงเคอและกล่าวว่า “ครูขอดูคำตอบของเธอหน่อยได้ไหม”
หนิงเคอเม้มริมฝีปาก ส่งคำตอบให้ผู้อำนวยการเจียงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เขาอยากเก็บไว้ให้เซียวโหรวดู แม้ว่าทั้งสองคนจะแก้โจทย์ได้เหมือนกัน แต่วิธีแก้โจทย์ของเขาซับซ้อนกว่าของเซียวโหรว เขาจึงอยากปรึกษาเธอในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เขาแสนจะประหลาดใจ เธอเสนอชื่อเขาเป็นหัวหน้าชั้นเรียน
ถังซีไม่ได้คิดเลยว่าเธอให้ความสำคัญกับหนิงเคอมากมาย เธอแค่อยากให้หนิงเคอยุ่งอยู่ตลอดเวลา เขาจะได้ไม่มีเวลามารบกวนเธอ
ผู้อำนวยการเจียงอ่านคำตอบของเขาแล้วยิ้ม “วิธีแก้โจทย์ของเธอเหมือนกันกับของครู น่าทึ่งมาก เธออายุแค่สิบสี่ปี แต่แก้โจทย์เหล่านี้ได้ในเวลารวดเร็ว เธอใช้เวลานานแค่ไหนในการแก้โจทย์ทั้งหมดนี้”
หนิงเคอขมวดคิ้ว มองไปที่ถังซี แม้ไม่ได้จับเวลาแต่เขารู้ว่าเขาช้ากว่าถังซีเล็กน้อย เขากำลังจะเอ่ยออกมา เมื่อจู่ๆ เพื่อนร่วมโต๊ะก็กล่าวขึ้นว่า “เขาใช้เวลาแปดนาทีค่ะ หนูคิดว่าเขาคิดได้เร็วจริงๆ และเขาก็ไม่ได้ลองคิดในกระดาษทดมากเท่าไร เขาแค่เขียนดูสองขั้นตอน”
หนิงเคอมองเพื่อนร่วมโต๊ะและคิดในใจว่า นี่ไม่ใช่ธุระของเธอสักหน่อย แต่เขาไม่ได้พูดอะไร ผู้อำนวยการเจียงยิ้มและกล่าวว่า “เธอเป็นอัจฉริยะจริงๆ! ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีในการแก้โจทย์เหล่านี้ ครูเองยังใช้เวลาพอสมควรในการแก้โจทย์ทั้งหมดเมื่อคืนนี้”
ถังซีรู้สึกโล่งอกที่ได้ยินแบบนี้ เธอมองคุณครูผูกั๋วชิ่ง และเลิกคิ้วถามว่า “คุณครูผูคะ คุณครูคิดว่าหนิงเคอมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นหัวหน้าชั้นเรียนไหมคะ”
ผูกั๋วชิ่งพยักหน้า “ตกลง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหนิงเคอคือหัวหน้าชั้นเรียนของเรา ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว วิชาต่อไปคือภาษาอังกฤษ เอาล่ะตอนนี้มาทบทวนคำศัพท์กัน ครูจำได้ว่าครูสอนภาษาอังกฤษบอกว่าวันนี้จะมีการสอบเขียนตามคำบอก ถ้าเขามาบ่นกับครูว่าพวกเธอไม่ตั้งใจเรียน พวกเธอจะโดนแน่!”
เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นในห้องเรียนอีกครั้ง เด็กชายร่างอวบกล่าวว่า “คุณครูผูครับ พวกเราเป็นคนจีนนี่ครับ ไม่ใช่คนอเมริกันหรือคนอังกฤษ ทำไมเราต้องเรียนภาษาอังกฤษด้วย ภาษาของเราเองก็กว้างขวางและลึกซึ้ง มีประวัติศาสตร์มายาวนานหลายพันปี เราขอปฏิเสธไม่เรียนภาษาอังกฤษได้ไหมครับ”
ผูกั๋วชิ่งจ้องหน้าเด็กคนนั้นและกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นครูก็จะขอปฏิเสธไม่ให้เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัย ได้ไหม”
เด็กชายเม้มริมฝีปากแล้วตอบว่า “ผมก็อยากถูกปฏิเสธ แต่ผมคงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้ ถ้าผมไม่ได้สอบเข้าน่ะสิครับ”
“ถ้างั้นก็เงียบปากซะ” ผูกั๋วชิ่งกระแทกหนังสือลงบนโต๊ะ และกล่าวเสียงดัง “เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับชั้นเรียนภาษาอังกฤษ ผิดหนึ่งคำวิ่งรอบสนามเด็กเล่นหนึ่งรอบ พวกเธอรู้แล้วใช่ไหม ยิ่งเขียนผิดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องวิ่งหลายรอบเท่านั้น เข้าใจใช่ไหม”
นักเรียนเริ่มโอดครวญอีกครั้ง “โอย ตายแน่!”
“คุณครูผูคะ…” ท่ามกลางเสียงโอดครวญอื้ออึง จู่ๆ ก็มีเสียงอันชัดเจนและเรียบเฉยของถังซีดังขึ้น คุณครูผูหยุดชะงัก และทันใดนั้นก็มีลางสังหรณ์ว่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น สัมผัสบางอย่างบอกให้เขาออกจากห้องเรียนโดยเร็วที่สุด แต่เท้าเขาหยุดนิ่ง และเขาหันกลับไปมองถังซีถามว่า “มีอะไรอีกหรือ”
ถังซีพยักหน้า ท่าทางจริงจัง “หนูจำได้ว่า คุณครูสัญญาว่าจะให้หนูขอได้หนึ่งข้อ ถ้าหนูชนะการเดิมพัน”
ผู้อำนวยการเจียงซึ่งยังไม่ไป เลิกคิ้วมองผู่กั๋วชิ่ง ท่านขมวดคิ้วและถามอย่างไม่ค่อยสบายใจ “คุณร่วมเดิมพันด้วยเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ” ถังซียิ้มและอธิบายว่า “คุณครูผูเป็นผู้ตัดสินค่ะ แต่คุณครูตกลงว่าถ้าหนูชนะ คุณครูสัญญาจะให้หนูขอได้อย่างหนึ่ง”
ผู่กั๋วชิ่งหัวเราะอย่างเคอะเขิน มองไปที่ผู้อำนวยการเจียง “เอ้อ…”
ผู้อำนวยการเจียงจ้องมองเขา “ทำตัวให้เหมือนครูหน่อยได้ไหม” จากนั้นท่านก็หันหลังเดินออกจากห้องเรียนโดยไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นผู้อำนวยการเจียงออกไปแล้ว ผู่กั๋วชิงก็หันไปหาถังซีและถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “มีอะไรจะขอครูหรือ”
ถังซียิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะกล่าวว่า “ไม่มีอะไรร้ายแรงค่ะ หนูแค่อยากจะขอลาหยุดหนึ่งสัปดาห์ ตั้งแต่วันพุธนี้ถึงวันพุธหน้าค่ะ คุณครูผูจะอนุญาตไหมคะ”
ใบหน้าผูกั๋วชิ่งเข้มขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เขาขมวดคิ้วถามอย่างไม่พอใจ “ทำไมล่ะ เธอขอลาหยุดทำไม แล้วทำไมลาหยุดนานเป็นสัปดาห์เลย”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ ครุ่นคิดอยู่สองวินาที ก่อนจะกล่าวว่า “คุณครูก็ทราบว่าหนูประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน พี่ชายหนูได้ติดต่อโรงพยาบาลที่ต่างประเทศ จะพาหนูไปตรวจร่างกายที่นั่นค่ะ คุณครูก็ทราบใช่ไหมคะ ในสายตาของครอบครัวหนูไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพของหนู”
“ประเทศไหน” ผูกั๋วชิ่งถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “ให้ครูสอบถามไปทางครอบครัวเธอได้ไหม”
ถังซีพยักหน้า “ได้แน่นอนค่ะ หนูจะไปปารีส ฝรั่งเศสค่ะ ถ้าคุณครูไม่เชื่อถามคุณครูเหอ คุณครูประจำชั้นคนเดิมของหนูก็ได้ค่ะ เขารู้ว่าหนูประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์” เธอหยุดนิดหนึ่ง แล้วกล่าวต่อไป “แล้วตอนนี้พี่ชายหนูติดต่อโรงพยาบาลไว้ให้หนูแล้ว คุณครูโทรหาเขาก็ได้ค่ะ คุณครูมีหมายเลขโทรศัพท์ของพี่ชายคนที่สามของหนูใช่ไหมคะ” ถังซีแอบหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความผ่านวีแชทถึงเซียวจิ่งว่า
[พี่จิ่ง อยู่ที่พี่แล้วนะ ว่าฉันจะได้ไปร่วมงานปารีสแฟชั่นวีกที่ปารีสไหม! ครูฉันจะโทรหาพี่ในไม่กี่วินาทีนี้ ช่วยน้องด้วย! ถ้าลาได้สำเร็จฉันจะซื้อรถสปอร์ตให้พี่หนึ่งคัน!]
หลังจากส่งข้อความถึงเซียวจิ่งแล้ว เธอก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าอย่างเงียบๆ ผูกั๋วชิ่งลังเล จากนั้นก็หาหมายเลขโทรศัพท์ของเซียวจิ่งและโทรหาเขา ผูกั๋วชิ่งมองถังซีอย่างไม่แน่ใจ ถังซียิ้มให้เขา และยืนรออยู่เงียบๆ
เซียวจิ่งซึ่งกำลังประชุมอยู่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของข้อความ เขามองดูโทรศัพท์ พบว่าเป็นข้อความจากน้องสาว เขาดีใจมากและกำลังจะเปิดอ่านเมื่อมีคนโทรเข้ามา เขาขมวดคิ้วรับโทรศัพท์แล้วถามว่า “นั่นใครครับ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเข้มข่มขู่ ผูกั๋วชิ่งก็ชะงัก แล้วจึงกล่าวว่า “สวัสดีครับ คุณเซียว ผมเป็นอาจารย์ประจำชั้นของเซียวโหรว ชื่อผูกั๋วชิ่ง”
เมื่อได้ยินดังนี้ และนึกถึงข้อความที่ถังซีเพิ่งส่งให้เขา เซียวจิ่งก็คิดว่าถังซีต้องถูกรังแกที่โรงเรียนอีกแล้ว เขาถามด้วยความโมโหทันที “เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวผม มีใครรังแกเธอหรือเปล่า ใครทำ คราวนี้ครูหรือนักเรียน เอาละ ผมจะไปที่โรงเรียนเดี๋ยวนี้ น้องสาวผมสุขภาพไม่ดี ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมสาบานว่าผมจะ…”
“เดี๋ยวก่อนครับคุณเซียว โปรดใจเย็นๆ ก่อน ผมไม่ได้โทรหาคุณเพราะเซียวโหรวถูกรังแกครับ…” แต่เพราะน้องสาวคุณรังแกคนอื่น!