ถังซีพาเฉินจื่อเยียนไปทานอาหารค่ำที่บ้านคุณปู่ ทีแรกเฉินจื่อเยียนรู้สึกสบายๆ แต่เมื่อพบว่ามีผู้คนมากมายมาร่วมรับประทานอาหารด้วย เธอก็เริ่มรู้สึกเกร็ง เธอกระตุกแขนถังซี กล่าวว่า “ให้ฉันรอในรถดีไหม มีคนในครอบครัวเธอเยอะจัง…” เธอนึกว่าจะเป็นเพียงมื้อค่ำธรรมดาๆ ไม่คาดคิดว่าจะมีผู้คนมากมายถึงเพียงนี้!
นอกจากนั้น… ยังมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาหลายคนเหลือเกิน… เมื่อได้เห็นหนุ่มหล่อสามคนยืนสนทนากันอยู่ เฉินจื่อเยียนก็รู้สึกอิจฉาเซียวโหรวเป็นอย่างมากที่มีพี่ชายหน้าตาดีตั้งหลายคน ไม่น่าแปลกใจที่เซียวโหรวไม่เคยให้ความสนใจหนิงเคอ และเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนอื่นๆ ที่โรงเรียนเลย ก็สมาชิกครอบครัวเธอมีแต่ผู้ชายหล่อๆ ทั้งนั้นนี่! การได้เห็นพี่ชายสุดหล่อในชีวิตประจำวัน ย่อมทำให้เธอมีภูมิต้านทานต่อเสน่ห์ของชายหนุ่มหน้าตาดี เธอจึงไม่ถูกใจผู้ชายคนไหนง่ายๆ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า วันนี้เป็นวันที่พวกเราย้ายกลับมาอยู่บ้านคุณปู่ ก็เลยจะทานมื้อค่ำพร้อมหน้าพร้อมตากัน มาเถอะ ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักคุณปู่” เฉินจื่อเยียนเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของถังซีที่โรงเรียน ทั้งตัวเธอและมารดาต่างมีมิตรภาพอันดีต่อถังซี ถังซีจึงอยากดูแลเฉินจื่อเยียนให้ดี เพื่อตอบแทนที่คุณนายเฉินดีต่อเธอ นอกจากนี้เฉินจื่อเยียนก็ยังเป็นสาวน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดูอีกด้วย
เมื่อได้ยินว่าถังซีจะแนะนำให้เธอรู้จักคุณปู่ เฉินจื่อเยียนก็รู้ว่าเธอไม่อาจปฏิเสธ จึงเดินตามถังซีเข้าไปในบ้าน ถังซีเดินนำเฉินจื่อเยียนเข้าไปหาคุณปู่เซียว ซึ่งเฉินจื่อเยียนก็ทักทายท่านอย่างสุภาพอ่อนโยน คุณปู่เซียวให้ความเอ็นดูสาวน้อยในทันที ขณะนั้นนั่นเองเซียวหงลี่ก็มาถึง เมื่อเห็นถังซีเขาก็ยิ้มกว้างเดินเข้ามาหา กล่าวว่า “โอ ยายหนูของพ่อ! ไม่ได้เจอกันนานมาก! เข้ามาใกล้ๆ สิ ขอพ่อดูหน้าให้ชัดๆ หน่อย!”
หยางจิ้งเสียนเตือนเขาไว้ก่อนแล้วทางโทรศัพท์ว่า นับจากนี้ไปถังซีจะใช้คำแทนตัวเรียกพวกเขาว่าอย่างไร ซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาเลย จะเรียกว่าป่าป๊า แดดดี๊ หรือคุณพ่อ ก็มีความหมายเดียวกัน เขาไม่ถือสาเลยไม่ว่าถังซีจะเรียกเขาว่าอะไร
เซียวหงอี้รู้สึกอิจฉาเล็กน้อยเมื่อเห็นทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก เขานิ่วหน้าร้องเรียกถังซี “โหรวโหรว พ่อเตรียมอั่งเปาไว้ให้ มารับสิ”
เซียวหงลี่คว้าแขนถังซีไว้ เชิดคางขึ้น หลิ่วตามองเซียวหงอี้แล้วถามว่า “อั่งเปาหรือครับ พี่ใหญ่ ถ้าไม่มีบัตรเครดิตแบล็กการ์ดอยู่ในซองก็อย่าเอามาให้โหรวโหรวดีกว่า”
เซียวหงอี้มองเซียวหงลี่ตาคว่ำ ขณะค่อยๆ เก็บซองอั่งเปาที่ภายในมีบัตรทองกลับเข้ากระเป๋า “เอาไว้พ่อจะให้แบล็กการ์ดหนูวันหลังนะ”
“คุณพ่อครับ เดี๋ยวนี้มีแต่ลูกสาวคนเล็กอยู่ในสายตานะครับ ไม่สนใจลูกชายเลย ทอดทิ้งพวกเราแบบนี้ได้ยังไงครับ” เซียวจิ่งเดินเข้ามาหาพ่อกับลูกสาว ในมือถือแก้วน้ำผลไม้ เขาเลิกคิ้วมองถังซี ถามเบาๆ ว่า “ไง พี่หล่อไหมวันนี้”
ถังซียิ้ม ยกนิ้วโป้งให้ “หล่อจนตาพร่าเลยค่ะ”
ทุกคนล้วนพูดคุยกับถังซี ส่วนเฉินจื่อเยียนยืนอยู่ตามลำพังอย่างเก้อเขิน ทันใดนั้นเซียวเจี่ยนซึ่งเพิ่งวางสายโทรศัพท์ก็เดินเข้ามา ขณะเดินผ่านเฉินจื่อเยียน เขาหยุดชะงัก หันมาถามเธออย่างอ่อนโยนว่า “เป็นเพื่อนโหรวโหรวใช่ไหม”
เฉินจื่อเยียนเงยหน้าขึ้น จึงได้เห็นว่ามีชายหนุ่มหล่อมากคนหนึ่งกำลังพูดกับเธออยู่ เธอหน้าแดงขึ้นทันที กะพริบตาถี่ๆ และพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ”
เซียวเจี่ยนก้มศีรษะรับ หันไปมองถังซี แล้วกล่าวยิ้มๆ “ผมเป็นพี่ชายคนโตของโหรวโหรว ชื่อเซียวเจี่ยน ขอบคุณนะที่ช่วยดูแลโหรวโหรวที่โรงเรียน เธอคงต้องเป็นเพื่อนที่สนิทมาก โหรวโหรวถึงได้พามาบ้าน ทำตัวตามสบายนะ”
“ขอบคุณค่ะ” เฉินจื่อเยียนพยักหน้ารับอย่างแรงอีกครั้ง พี่ชายคนนี้ของเซียวโหรวช่างแสนดี น่ารัก จนเธอเกือบจะตกหลุมรักเขาเลยทีเดียว!
เซียวเจี่ยนยิ้มให้เฉินจื่อเยียน และหันหลังเตรียมเดินจากไป พอดีกับที่ถังซีก็เดินกลับมา และร้องเรียกเขา “พี่เจี่ยน นี่เพื่อนนักเรียนของฉัน ชื่อเฉินจื่อเยียน เป็นลูกสาวคุณนายเฉิน คุณแม่เธอเคยช่วยเหลือเราที่เมือง W ไงคะ พี่จำได้ไหม”
“คุณนายเฉินหรือ” เซียวเจี่ยนเลิกคิ้ว เขาไม่เคยรู้จักเฉินจื่อเยียน แต่จดจำคุณนายเฉินจากเมือง W ได้ดี พวกเขาจับกุมตัวหลินเจียวได้เพราะความช่วยเหลือจากคุณนายเฉิน
เฉินจื่อเยียนยิ้มอายๆ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เมื่อสบสายตาเซียวเจี่ยน เฉินจื่อเยียนก็รู้สึกอับอายในอาชีพของบิดามารดา หากพ่อแม่เธอไม่ได้ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย หรือหากตัวเธอเองมีหน้าที่การงานที่เหมาะสมก็คงจะดีกว่านี้
ดังนั้นเธอจึงแอบตัดสินใจบางอย่างลับๆ
“เออนี่ โหรวโหรว พี่อยากไปที่เดอะควีน ให้พี่ไปเป็นเพื่อนนะคืนนี้” ขณะนั้นนั่นเองเซียวจิ่งก็เดินเข้ามาโอบไหล่ถังซี แล้วกล่าวเสียงต่ำเบาๆ ว่า “มีใครบางคนบอกว่าเขาจะไปที่บริษัทเธอคืนนี้ เพื่อคอยคุ้มครองเธอ พี่เลยคิดว่าพี่ก็จำเป็นต้องไปด้วยเหมือนกัน”
เขากล่าวด้วยระดับเสียงที่มีเพียงถังซีเท่านั้นที่ได้ยิน ถังซีกะพริบตาปริบๆ มองเซียวจิ่ง ถามว่า “พี่ยุ่งอยู่ไม่ใช่เหรอ” เท่าที่รู้เขายุ่งมากในช่วงที่ผ่านมา จนไม่มีแม้กระทั่งเวลานอน แล้วทำไมถึงได้มีเวลาไปเป็นเพื่อนเมื่อเธอจะไปทำงานล่วงเวลา
ไม่เข้าใจเลย!
“เป็นเพราะว่ามีใครคนหนึ่งมาช่วยเราทำงาน พี่เลยไม่ยุ่งมากแล้ว เธอก็รู้นี่ว่าเฉียวเหลียงวิตกกังวลมาก เขากลัวว่าจะต้องสูญเสียคนรักไปอีก” เซียวจิ่งกล่าวอย่างสบายอกสบายใจ
หางตาถังซีหรี่ลง ถ้าเธอรู้มาก่อนว่าเฉียวเหลียงจะไปที่บริษัทเธอคืนนี้ เธอคงไม่ชวนจื่อเยียนมาด้วย ถ้าจื่อเยียนรู้ว่าเฉียวเหลียงเป็นคนรักของเธอ จะต้องช็อกแน่ๆ …
อย่างไรก็ตาม อะไรที่ไม่อยากให้เกิด มักจะมาถึงอย่างรวดเร็วเสมอ หลังอาหารเย็น เซียวเจี่ยนและเซียวส่ากลับไปทำงานต่อที่บริษัทของตนเอง เซียวจิ่ง ถังซี และเฉินจื่อเยียนนั่งรถคันเดียวกันไปที่บริษัทของถังซี เมื่อถังซีก้าวลงจากรถก็เป็นเวลาเดียวกับที่เฉียวเหลียงมาถึง ช่วงนี้อากาศเย็นลงมากแล้ว แต่ถังซียังสวมเพียงเสื้อโค้ทอย่างบาง เมื่อสังเกตเห็นเช่นนี้เฉียวเหลียงก็จ้องมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เฉียวเหลียงเดินเข้ามาหาพร้อมกับสวมเสื้อโค้ทให้ โดยไม่เปิดโอกาสให้เธอปฏิเสธ และบอกว่า “นี่เข้าเดือนพฤศจิกาแล้ว อากาศเย็นขึ้นมาก ใส่เสื้อโค้ทบางๆ อย่างนี้ไม่รู้สึกหนาวหรือยังไง”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ แล้วพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เฉินจื่อเยียนตกตะลึงนิ่งขึงไปทันที เธอไม่เคยเจอเฉียวเหลียงตัวจริงอย่างใกล้ชิดมาก่อน เคยเห็นแต่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ พระเจ้าช่วย นี่เธอกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าชายเฉียวผู้ทรงเสน่ห์ ผู้เป็นที่เลื่องลือจริงๆ หรือ
ถ้าหากเซียวเจี่ยนคือสุภาพบุรุษรูปงาม แสนดี มีเสน่ห์สำหรับเธอแล้ว เฉียวเหลียงก็ต้องเป็นเทพเจ้า! ซึ่งเราทำได้เพียงชื่นชมบูชาในระยะไกล ไม่อาจแตะต้องสัมผัสได้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์!