เฉียวเหลียงมองเซียวจิ่งแล้วนิ่วหน้า เซียวจิ่งรีบเชิดคางขึ้น กล่าวว่า “คุณพ่อฉันเป็นห่วงความปลอดภัยของโหรวโหรว เลยให้ฉันมาเป็นเพื่อน นายอยากให้ฉันมาหรือให้คุณพ่อฉันมาเองล่ะ”
เฉียวเหลียงทำเป็นไม่ใส่ใจคำถามของเซียวจิ่ง จับมือถังซีจูงเดินเข้าไปในบริษัท ถังซีปลดมือออก และมองเขาด้วยสายตาวิงวอน “ที่นี่เป็นบริษัทของฉัน คุณช่วยให้เกียรติฉันหน่อยสิ! ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าฉันก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นได้เพราะความช่วยเหลือของคุณ”
เฉียวเหลียงชะงัก ขมวดคิ้วและจ้องตาเธอ ก่อนจะถามเสียงเข้ม “ถ้างั้นบอกมาซิ ว่าคุณเอาเงินหนึ่งล้านหยวนสำหรับจดทะเบียนบริษัทมาจากไหน เอาเงินหนึ่งล้านหยวนสำหรับค่าเช่าตึกมาจากไหน และเงินหนึ่งล้านหยวนสำหรับเป็นทุนตั้งต้นประกอบการมาจากไหน”
ถังซีเม้มริมฝีปากตอบว่า “จากเงินค่าตัวในการถ่ายโฆษณาของฉัน”
“ถูกต้อง ดังนั้นเงินทุนทั้งหมดมาจากน้ำพักน้ำแรงของคุณเอง คุณก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นด้วยตัวคุณเอง โดยไม่ได้พึ่งพาผมเลย!” เฉียวเหลียงมองถังซีด้วยสีหน้าเรียบเฉย กล่าวต่อไปว่า “คุณจึงควรเปล่งรัศมีความเป็นเจ้านาย! และที่นี่!” เขาชี้ลงไปที่พื้นที่ยืนอยู่ กล่าวอย่างขึงขัง “ที่นี่คืออาณาจักรของคุณ คุณเป็นคนเดียวที่มีวาจาสิทธิ์ ถ้ามีใครมานินทาว่าร้ายคุณ ก็ไล่ออกไป ไม่ต้องให้เข้ามาเหยียบที่นี่อีก!”
โอ๊ย เขาช่างเป็นผู้ชายที่ทรงอำนาจจริงๆ! เฉินจื่อเยียนหลงใหลในเสน่ห์ของเฉียวเหลียง ไม่น่าแปลกใจที่ใครๆ เรียกเขาว่าเจ้าชายเฉียวผู้ทรงเสน่ห์! ช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ และเป็นลูกผู้ชายสุดๆ!
ถังซียิ้มน้อยๆ หันหลังออกเดินไป เฉินจื่อเยียนอุทานในใจ ‘โอ๊ย เซียวโหรวก็มีบุคลิกทรงอำนาจเหมือนกัน! โดยเฉพาะสีหน้านิ่งเฉยแต่มั่นใจในตัวเอง เวลามองตอบเฉียวเหลียงในตอนนี้! โอ้ เซียวโหรว เทพธิดาของฉัน!’
ถังซีกำลังนำทุกคนไปที่ห้องทำงานของเธอ และกำลังจะเอ่ยปากขอให้พวกเขารออยู่ที่นี่สักครู่ เธอต้องไปหาฉู่หลิงที่ห้องทำงานเขา แต่ในนาทีนั้นก็ได้ยินเสียงคำรามของฉู่หลิงดังขึ้นเสียก่อน “เซียวโหรว! ยังอยากทำบริษัทนี้อยู่อีกหรือเปล่า ผมอุตส่าห์หาโอกาสให้คุณได้เข้าร่วมงานปารีสแฟชั่นวีก ติดต่อนางแบบระดับแนวหน้าไว้ให้หมดแล้ว คุณกลับตอบแทนผมโดยการไม่ตั้งใจทำงาน ไหนล่ะ เสื้อผ้าที่เสร็จแล้ว อยู่ไหน ยังไม่เห็นเลยสักชุด! ผมบอกให้คุณมาที่บริษัทหกโมงเย็น ตอนนี้กี่โมงแล้ว คุณนี่มัน…”
“นี่มันอะไรหรือ” เฉียวเหลียงจ้องหน้าฉู่หลิงผู้กำลังออกอาการโกรธเกรี้ยว และถามขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คุณคิดว่าเธอเป็นยังไงหรือ”
“ก็…เป็นคนไม่รักษาคำพูดไง” ฉู่หลิงกล้ำกลืนคำพูดที่เกือบจะหลุดปากออกมาลงคอไป เขามองหน้าถังซี แต่ยังอดพ่นพิษต่อไปไม่ได้ “แล้วแบบร่างกับชุดที่ผมต้องการอยู่ไหน”
“แล้วงานของคุณล่ะอยู่ไหน” ก่อนที่ถังซีจะทันได้ตอบ เฉียวเหลียงก็ชิงถามฉู่หลิงขึ้นก่อน “ผมจำได้ว่าคุณมีผลงานที่เสร็จเรียบร้อยแล้วหลายชิ้น อยากให้ไปเอามาจากที่บ้านคุณไหมล่ะ”
ฉู่หลิงจ้องหน้าเฉียวเหลียงด้วยดวงตาเบิกกว้าง ราวหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ถูกข่มเหงโดยชายโฉด “คุณ… คุณ… ไอ้หัวขโมย! ทำไมผมต้องยกงานของผมให้คุณ นี่มันข่มเหงกันชัดๆ!”
“แปลว่าคุณไม่อยากนำผลงานของคุณออกมาใช่ไหม” เฉียวเหลียงหรี่ตามองฉู่หลิง แล้วกล่าวต่อไปด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น ให้ผมเอาไปทำเป็นเศษกระดาษดีกว่าไหม หรือว่า…”
“เฉียวเหลียง! ผมกำลังจะโกรธ!” ฉู่หลิงจ้องหน้าเฉียวเหลียงด้วยสีหน้าเจ็บปวด ท่าทางเหนือกว่าที่ข่มถังซีเมื่อครู่หายวับไปกับตา นี่ถ้าคนของเขามาเห็นเขาตอนนี้ คงจะช็อกกันหมด!
“ว่าไงล่ะ” เฉียวเหลียงมองหน้าฉู่หลิง ถามว่า “อยากให้ผมบอกคนอื่นไหมว่า ตอนที่คุณยังเด็ก…”
“พอแล้ว!” ฉู่หลิงตะโกนลั่น “ก็ได้ ก็ได้ ผมยกเสื้อผ้าให้เธอห้าเซ็ต ส่วนที่เหลือ…” เขาชี้หน้าถังซีและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เธอต้องจัดเตรียมทั้งหมดที่เหลือด้วยตัวเอง!”
“อ้อ ทำไมคุณถึงได้กลัวผมถึงขนาดนี้”
“ผมกลัวคุณ ก็เพราะคุณชอบเล่นสกปรก!” ฉู่หลิงจ้องเฉียวเหลียงเขม็ง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “ถ้าคุณบอกพ่อผมว่าผมอยู่ที่ไหน ผมจะฆ่าคุณ ถึงผมจะถูกคุณจับขัง ผมก็จะหาทางฆ่าคุณให้ได้!”
ถังซีเฝ้าดูชายหนุ่มสองคนทะเลาะกันด้วยความพิศวง เฉียวเหลียงเพียงแค่ยิ้มอย่างสบายใจ ดูไม่ถือสาคำพูดของฉู่หลิงจริงจัง ทันใดนั้นฉู่หลิงก็คว้าแขนถังซี ลากเข้าไปในห้องทำงาน “เราต้องประชุมกันหน่อย พนักงานรอคุณอยู่นานแล้ว”
เฉินจื่อเยียนซึ่งขณะนี้สงบใจลงได้บ้างแล้ว เกิดความรู้สึกประทับใจหลงใหลในตัวฉู่หลิงขึ้นมาอีกคน! โอ ผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงได้หล่อขนาดนี้ เขาดูมีเสน่ห์เหลือเกินแม้ในขณะกำลังอาละวาด เขาช่างแตกต่างจากเจ้าชายเฉียวผู้ทรงเสน่ห์อย่างสิ้นเชิง! หากเฉียวเหลียงเป็นพระราชา ชายหนุ่มผู้นี้ก็ต้องเป็นเจ้าชายอสูร! ทำไมรอบตัวถังซีจึงรายล้อมไปด้วยชายหนุ่มรูปหล่อมากมายเต็มไปหมดอย่างนี้!
ถังซีผลักประตูห้องทำงานเข้าไป พนักงานที่นั่งรออยู่ที่โซฟาต่างลุกขึ้นยืน รวมทั้งหลี่มั่นเหยียนและจิ้นหันด้วย จิ้นหันเป็นชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาแม้จะดูเย็นชาไปสักนิด เฉินจื่อเยียนจึงเห็นเขาเป็นคนแรกในทันทีที่เธอเข้ามาในห้อง เธอชะงักอยู่กับที่ อุทานในใจว่า ‘พระเจ้า หนุ่มหล่ออีกคนแล้ว! เขาดูเหมือนเป็นหนิงเคอที่โตเป็นหนุ่มเต็มตัว! เขาทำงานที่นี่ด้วยเหรอ แล้ว…’
เมื่อสังเกตเห็นว่าสายตาเขาแทบไม่ละไปจากหลี่มั่นเหยียน เฉินจื่อเยียนก็ยิ้ม อ๋อ…หนุ่มหล่อคนนี้หลงรักหญิงสาวคนนั้น ดูสายตาที่มองเธออย่างเต็มไปด้วยความรักนั่นสิ! ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ!
“จื่อเยียน คิดอะไรอยู่” คำถามของถังซีดึงเฉินจื่อเยียนกลับมาจากห้วงความคิด ถังซีกล่าวต่อไปว่า “เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นี่ก่อนได้ไหม ถ้ามีปัญหาอะไร ก็ถามเฉียวเหลียงหรือพี่ชายฉันได้ สองคนนั้นเขาติวให้เธอได้”
เฉินจื่อเยียนมองดูชายหนุ่มทั้งสอง เฉียวเหลียงพยักหน้าให้เธอ ส่วนเซียวจิ่งก็ยิ้มให้ แต่เฉินจื่อเยียนยังอดรู้สึกเกร็งไม่ได้ เธอจึงยิ้มตอบอย่างเก้อเขิน “คือ… ฉันคิดว่าหยิบหนังสือเรียนมาผิดเล่มน่ะ ฉันว่าจะบอกเธอแล้ว แต่ยังไม่อยากกวนใจเธอ ฉันดูผิดคิดว่าอัลบั้มรูปเป็นหนังสือเรียน ก็เลยกลายเป็นว่าไม่ได้เอาหนังสือเรียนมาด้วย”
เธอไม่กล้าให้เจ้าชายเฉียวผู้ทรงเสน่ห์ติวหนังสือให้อย่างแน่นอน เธอจึงตัดสินใจนั่งอยู่ในห้องนี้เงียบๆ! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… เฉินจื่อเยียนมองไปยังหนุ่มหล่อและสาวสวยที่นั่งกันอยู่เต็มห้อง และคิดอย่างปลื้มใจว่า… คงเป็นการเสียโอกาสอย่างยิ่ง หากเธอเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเรียน แทนที่จะชื่นชมคนหล่อคนสวยเหล่านี้!
ช่างเป็นบุญของเธอแท้ๆ ที่ได้มาเจอชายหนุ่มรูปหล่อมากมายหลายคนภายในวันเดียว!
ถังซีมองหน้าเฉินจื่อเยียน ดูออกว่าเด็กสาวคงไม่มีอารมณ์อยากอ่านหนังสือเรียนเท่าไร เธอจึงยักไหล่ แล้วไปเข้าร่วมประชุม
การประชุมใช้เวลาสองชั่วโมงเต็ม เลิกประชุมเวลาสามทุ่มตรง เฉินจื่อเยียนซึ่งได้เจอกับเรื่องตื่นเต้นมาตลอดช่วงหัวค่ำ ตอนนี้หลับสนิทไปแล้ว