ถังซีนำเสนอเสื้อผ้าที่เธอออกแบบสองเซต ซึ่งทำให้ฉู่หลิงพึงพอใจได้ในที่สุด และหลี่มั่นเหยียนกับจิ้นหันต่างก็นำเสนอผลงานของตนคนละหนึ่งเซต และถังซียังได้ให้ฉู่หลิงดูภาพสเก็ตช์งานเครื่องประดับอีกหลายชิ้น ซึ่งฉู่หลิงชื่นชอบมาก ถังซีรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ฉู่หลิงยอมรับงานออกแบบของเธอ เธอจึงยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าประธานฉู่คิดว่างานออกแบบเครื่องประดับพวกนี้ใช้ได้ ฉันจะให้ทางโรงงานผลิตออกมา จะได้นำไปสวมใส่คู่กับเสื้อผ้าที่เราออกแบบ”
ฉู่หลิงลุกขึ้นยืน หันไปมองเฉียวเหลียงและกล่าวว่า “เรายังไม่ได้ติดต่อโรงงานไหนให้ผลิตงาน แต่ทางเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปมีธุรกิจด้านอุตสาหกรรมแฟชั่นอยู่ จะแนะนำโรงงานสักแห่งให้ผลิตงานให้เราได้ไหม”
เฉียวเหลียงส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ฉู่หลิง แล้วกล่าวว่า “นี่เป็นโรงงานผลิตของเราในฝรั่งเศส คุณติดต่อพวกเขาโดยตรงได้เลย ที่นี่เป็นโรงงานผลิตเครื่องแต่งกายที่ดีที่สุดที่หนึ่งเลยล่ะ”
…
ระหว่างทางกลับบ้านเฉินจื่อเยียนหลับสนิทไปตลอดทาง ถังซีกับเซียวจิ่งตรงกลับไปที่บ้านพักโดยมีเฉียวเหลียงไปส่ง เมื่อถึงบ้านถังซีรู้สึกเหมือนลืมอะไรไปบางอย่าง ขณะที่เฉียวเหลียงกล่าวราตรีสวัสดิ์เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอตั้งใจจะไปเยี่ยมคุณป้าเฉียว แต่ลืมเสียสนิท เป็นเพราะเรื่องการย้ายกลับมาอยู่บ้านคุณปู่ของสมาชิกตระกูลเซียวนั่นเอง!
“ฉันลืมไปได้ยังไง!” ถังซีมองเฉียวเหลียง แล้วกล่าวขึ้นอย่างสำนึกผิด “ฉันสัญญากับคุณป้าไว้เมื่อคืนว่าจะไปหาท่านวันนี้ ท่านต้องผิดหวังมากแน่ๆ” เธอตบศีรษะตนเอง “ให้ตายเถอะ นี่ฉันมัวแต่คิดอะไรอยู่… ลืมไปได้ยังไง!”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว หันไปมองอาหก อาหกแอบถอนหายใจ เข้าไปอุ้มเฉินจื่อเยียนลงจากรถ ถังซีบอกเขาว่า “ช่วยอุ้มเธอไปที่ห้องฉันได้ไหม พี่จิ่ง พี่ช่วยพาอาหกไปที่ห้องฉันหน่อยนะคะ” แล้วเธอก็หันมามองเฉียวเหลียง สีหน้าวิตกกังวล “ฉันควรทำยังไงดี”
เฉียวเหลียงจ้องตาเธอนิ่ง เอื้อมมือมาลูบผมเธอ และกล่าวอย่างอ่อนโยน “กลับบ้านไปกับผมเถอะ”
ถังซีกะพริบตาปริบ ถามงงๆ ว่า “อะไรนะ”
“กลับไปบ้านผมกับผม” น้ำเสียงเฉียวเหลียงเบาและแหบพร่า “คุณจะได้ขอโทษแม่ผมด้วยตัวเองไงล่ะ”
“ล้อเล่นหรือเปล่า” ถังซีหัวเราะ กล่าวว่า “คุณกลับบ้านไปนอนเถอะค่ะ” แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเฉียวเหลียงไม่สามารถหลับลงได้ หากไม่มีเธออยู่ด้วย เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะชวนว่า “หรือคุณจะค้างที่นี่คืนนี้ คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่…”
“เฮ้ โหรวโหรว พี่กลับมาแล้ว!” ทันใดนั้นเซียวส่าก็ขี่รถสกู๊ตเตอร์แล่นเข้ามา เมื่อเห็นเฉียวเหลียง เขาก็เลิกคิ้ว แล้วทักเฉียวเหลียง “สวัสดี ประธานเฉียว”
เฉียวเหลียงพึมพำตอบในลำคอ ขณะนั้นอาหกก็เดินออกมาจากตัวบ้าน เฉียวเหลียงเปิดประตูรถ แล้วตอบเซียวส่าอีกทีว่า “สวัสดี ผมต้องไปแล้ว ลาก่อน” แล้วขึ้นไปนั่งบนรถ อาหกกล่าวอำลาถังซี และขับรถจากไป
หลังจากพวกเขาไปแล้ว ถังซีก็หันมามองรถสกู๊ตเตอร์ของเซียวส่า กะพริบตาปริบๆ ถามว่า “พี่ส่า นี่ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า พี่ขี่สกู๊ตเตอร์เป็นด้วยเหรอ”
เซียวส่ายักไหล่ มองรถสกู๊ตเตอร์ที่ขี่มา แล้วกล่าวขึ้นอย่างพึงพอใจ “พี่เจี่ยนไปส่งพี่ที่บริษัท พี่ไม่ได้ขับรถไป พอทำงานเสร็จก็ดึกมากแล้ว ผู้ช่วยพี่เป็นผู้หญิงและบ้านอยู่ไกลมาก พี่เลยให้คนไปส่งเธอที่บ้าน แล้วพี่ก็ขี่สกู๊ตเตอร์ของเธอกลับมา” เขาตบเบาๆ ที่รถสกู๊ตเตอร์คันเล็ก ซึ่งดูไม่เข้ากับร่างสูงโปร่งของเขาแม้แต่น้อย แล้วกล่าวว่า “รู้สึกดีเหมือนกันนะ ที่ได้ขี่สกู๊ตเตอร์กลับบ้าน”
“ใช่ค่ะ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แล้วก็สะดวกดีด้วย เดี๋ยวนี้คนทำงานส่วนมากก็นิยมขี่สกู๊ตเตอร์ไปทำงานกัน” ถังซียิ้ม กล่าวต่อไปว่า “พี่อย่าลืมชาร์ตแบตเตอรี่ด้วยล่ะ ไม่อย่างนั้นผู้ช่วยของพี่จะไม่มีสกู๊ตเตอร์ขี่วันพรุ่งนี้”
“ได้เลย” เซียวส่าขี่รถสกู๊ตเตอร์เข้าไปในโรงรถเพื่อชาร์ตแบตเตอรี่ เมื่อเขากลับออกมาก็เห็นเซียวจิ่งกับถังซีกำลังดื่มกาแฟ และคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น เขามองดูคนทั้งสองแล้วถามว่า “การประชุมของโหรวโหรวเป็นยังไงวันนี้ ดีไหม”
เซียวจิ่งพยักหน้ากล่าวว่า “แน่นอน โหรวโหรวเป็นนักธุรกิจเต็มตัวแล้วตอนนี้ พี่น่าจะได้เห็น น้องสาวเรามีทั้งความมั่นใจและความเป็นมืออาชีพในระหว่างการประชุม เป็นราชินีตัวจริงทีเดียว!”
“ถูกต้อง” ถังซีลุกขึ้น กางแขนสองข้างออกกว้าง พร้อมกับหัวเราะ “มาสิ มาถวายบังคมฉัน ประชาชนของฉัน”
“โอ๊ย เงียบไปเลย” เซียวจิ่งซึ่งนอนพาดอยู่บนโซฟาเตะถังซีเบาๆ และกล่าวว่า “แต่พูดจริงๆ นะ พี่คิดว่าเธอเปลี่ยนไปมากตั้งแต่กลับมาจากเมืองหลวง เธอคิดว่าจะลืมอดีตของตัวเอง แล้วใช้ชีวิตเป็นเพียงเซียวโหรวได้จริงเหรอ”
ถังซีนิ่งไป นึกถึงคุณปู่และเอ็มไพร์กรุป เธอลังเล ก่อนจะกล่าวขึ้น “ฉันคือเซียวโหรว จริงไหมคะ ไม่มีใครเปลี่ยนความจริงข้อนี้ได้ เพราะฉะนั้น อย่าถามแบบนี้อีกเลย พี่จิ่ง ฉันคิดว่าฉันจะเป็นทั้งเซียวโหรวและถังซีได้ในเวลาเดียวกัน”
เซียวส่าถอนหายใจ กล่าวว่า “พี่รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ถ้าต้องการความช่วยเหลืออย่าลังเลที่จะบอกพี่ พี่จะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ” เมื่อเห็นว่าถังซีซาบซึ้งในคำพูดของเขามากมาย เขาก็กะพริบตาปริบๆ กล่าวต่อไปว่า “แต่ไม่ต้องซึ้งจนถึงน้ำตาไหลหรอกนะ เอาแค่อย่าลืมออกแบบเสื้อผ้าสวยๆ ให้พี่ใส่บ้าง ให้พี่เป็นหนุ่มที่หล่อที่สุดในบริษัทด้วยก็แล้วกัน!”
ถังซีจึงหัวเราะออกมา “แน่นอนค่ะ”
“เออนี่…” เซียวจิ่งซึ่งยังคงนอนอยู่บนโซฟามองถังซี แล้วถามว่า “ได้ยินว่าน้องเจอพี่เหยาที่เมืองหลวงด้วยใช่ไหม พี่เหยาบอกหรือเปล่าว่าเขาไปอยู่ที่ไหนมา เขาบอกว่าไปต่างประเทศ แล้วทำไมถึงมาโผล่ที่งานเลี้ยงรับรองของรัฐบาล คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงเขาแทบแย่ เขาพูดว่าอะไรบ้างตอนที่เจอเธอ”
ถังซีนึกถึงสิ่งที่เซียวเหยาบอกกับเธอในวันนั้น แล้วเม้มริมฝีปากนิดหนึ่ง ก่อนจะเล่าว่า “พี่เหยาดูเหมือนจะไปราชการที่ประเทศ M แล้วเพิ่งกลับมาประเทศจีน เขาไปอยู่ในงานเลี้ยงรับรองของรัฐบาล เพราะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องการรักษาความปลอดภัยในงานเลี้ยง ฉันไม่รู้ว่าเขาไปไหนหลังจากนั้น”
เซียวจิ่งขมวดคิ้วกล่าวว่า “ถึงพวกเราจะไม่ค่อยสนิทกับพี่เหยา แล้วเขาก็เป็นคนเย็นชา แต่พี่ไม่อยากให้เขาทำงานที่ต้องเสี่ยงอันตรายแบบนั้น ถึงแม้ตอนนี้ยศเขาจะเป็นถึงพันโทแล้ว ซึ่งเขาต้องแลกมาด้วยอะไรมากมายกว่าจะได้ยศถึงขั้นนี้ แต่เขาก็ยังต้องเสี่ยงชีวิตกับการทำงานนี้อีก”
ถังซีเม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอะไร
เซียวส่ากล่าวว่า “อย่าวิตกกังวลเกินไปเลย ยังไงพี่เหยาก็เอาชีวิตรอดมาได้ จากอันตรายเกือบถึงชีวิตครั้งหลังสุด…”
เซียวจิ่งจ้องหน้าเขา “พี่ก็รู้ เขารอดชีวิตมาได้ยังไง โหรวโหรวช่วยชีวิตเขาไว้โดยเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก! ถ้าไม่ใช่เพราะโหรวโหรว เขาคงตายไปแล้ว!”
“เอาละคะ นี่ก็ดึกมาก ได้เวลานอนแล้ว ฉันจะขึ้นข้างบนไปนอนล่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปเรียนหนังสือแต่เช้า” ถังซีรีบลุกขึ้นยืน เพื่อหลบเลี่ยงสงครามที่กำลังจะเริ่ม เพราะเมื่อพี่ชายทั้งสองเริ่มต้นถกเถียงกันแล้ว ไม่มีทางจบง่ายๆ!