สีหน้าลู่หลีเปลี่ยนเป็นเย็นชาในฉับพลัน เขาจ้องหน้าหั่วอวิ๋น แล้วกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยว่า “หั่วอวิ๋น คุณสนใจแต่เรื่องของตัวเองเถอะ!”
แต่หั่วอวิ๋นไม่คิดว่าตนเองพูดผิด เธอกล่าวขึ้นอย่างจริงจังอีกว่า “พวกเราทำงานเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อคุณ แต่ผู้หญิงคนนั้นมีแต่จะนำพาอันตรายมาให้คุณ คุณลืมไปแล้วหรือว่าครั้งก่อนหล่อนทำให้คุณบาดเจ็บขนาดไหน คุณจะยอมให้หล่อนเอาชีวิตคุณเลยหรือไงคะ คุณเจ็ด”
“หั่วอวิ๋น!” ก่อนที่ลู่หลีจะทันได้โต้ตอบ ประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก เฉียวเหลียงส่งสายตาเย็นชาและโกรธเกรี้ยวมาทางหั่วอวิ๋น สั่งเธอว่า “เงียบๆ หน่อย”
“คุณเฉียว!” หั่วอวิ๋นจ้องเฉียวเหลียงอย่างไม่เชื่อสายตา แม้เฉียวเหลียงจะดูเย็นชา แต่เขาไม่เคยดุด่าลูกน้อง แม้ในขณะทนทุกข์ทรมานปางตายเพราะความรักที่มีต่อถังซี เขาก็ยังอ่อนโยนกับทุกคน! แต่ตอนนี้เขากำลังตวาดเธอ เพียงเพราะเธอส่งเสียงดังไปหน่อยเท่านั้น!
“หั่วอวิ๋น ผมขอสั่งให้คุณออกไปให้พ้นจากตรงนี้ ถ้ายังส่งเสียงดัง!” เฉียวเหลียงจ้องหน้าหั่วอวิ๋น ด้วยสายตาเย็นเฉียบ แล้วกล่าวต่อไป “อย่าให้พูดซ้ำ”
หั่วอวิ๋นชี้ไปทางห้องผู้ป่วย มองหน้าเฉียวเหลียงแล้วถามว่า “เธอเป็นใครคะ คุณเฉียว คุณเกือบตายเพราะผู้หญิงคนนี้! แล้วทำไมยังปกป้องเธออยู่อีก! เธออาจเป็นสายลับที่ปลอมตัวมาจากหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายก็ได้!”
“หั่วอวิ๋น เธอหมดสติไปเพราะช่วยชีวิตเรา” ลู่หลีลุกยืนขึ้น จ้องตาหั่วอวิ๋น “เธอไม่ใช่สายลับปลอมตัวมา”
“คุณเจ็ด คุณแน่ใจได้ยังไงคะ” หั่วอวิ๋นไม่ยอมเชื่อคำพูดเขา ยังคงกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วทำไมเธอต้องมาหมดสติตอนที่กระสุนพุ่งเข้ามา คุณเฉียวได้รับบาดเจ็บก็เพราะเธอ!
“คุณเฉียวคะ ฉันจำได้ว่ารักแท้ของคุณคือถังซีไม่ใช่หรือ เมื่อสองสามเดือนก่อนนี้เอง คุณยังสั่งให้พวกเราไปที่มหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อค้นหา…”
“ออกไปให้พ้น!” เฉียวเหลียงขัดขึ้นก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบ เขาจ้องหน้าหั่วอวิ๋นด้วยสายตาเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ว่า “ไปให้พ้นหน้าผม ถ้าไม่อยากถูกลงโทษตามกฎขององค์การ! ไม่อย่างนั้น ผมจะส่งคุณไปประจำที่ฐานของเราที่แอฟริกาใต้ หรือถ้าเราไม่ดีพอที่จะเป็นนายของคุณ ก็เชิญไปหาเจ้านายใหม่ที่เหมาะกับคุณเอาเอง!”
หั่วอวิ๋นยืนตะลึงตัวแข็ง จ้องมองเฉียวเหลียงอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง “คุณพูดอะไรคะ คุณเฉียว”
“หั่วอวิ๋น หยุดเถอะ” เฟิงหวาก้าวเข้ามา ดึงแขนเธอไว้และกล่าวว่า “ในเมื่อทั้งคุณเฉียวและคุณเจ็ดพูดแบบนี้ ก็แสดงว่าคุณผู้หญิงในห้องผู้ป่วยต้องเป็นบุคคลพิเศษสำหรับพวกเขา!”
“เธอคือคู่หมั้นผม คุณเซียวโหรว ตอนนี้รู้หรือยังว่าต้องปฏิบัติต่อเธอยังไง” เฉียวเหลียงมองหน้าเฟิงหวา กล่าวต่อไปว่า “ต้องให้เกียรติเธอ เข้าใจไหม”
เฟิงหวานิ่งอึ้งไป หรือนี่จะเป็นคุณเซียวที่อาห้าและอาหกเคยพูดถึง คุณเซียวผู้เป็นตำนานอันโด่งดัง
สีหน้าหั่วอวิ๋นซีดขาวราวกับศพ เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเหลียง เธอได้ยินเรื่องราวของคุณเซียวเมื่อตอนที่เธออยู่ออสเตรเลีย มีคนเล่าว่าคุณเฉียวตกหลุมรักเด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่ในตระกูลร่ำรวย แต่เธอโดนสลับตัวกับเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งเมื่อแรกเกิด เพิ่งจะได้กลับมาอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงเมื่อหลายเดือนก่อน คุณเฉียวได้พบเธอที่สถานพักฟื้นผู้ป่วย และตกหลุมรักเธอในทันทีที่ได้พบ
เธอไม่เคยเชื่อเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนคุณเฉียวจะหลงรักผู้หญิงคนนี้อย่างจริงจัง และดูจะรักมากกว่าที่เคยรักถังซีเสียอีก! หั่วอวิ๋นสูดหายใจลึกๆ พยายามสงบจิตใจ แล้วยืดตัวขึ้น กล่าวกับเฉียวเหลียง “คุณเฉียวคะ ต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันทำผิดไป ฉันไม่ควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคุณ ไม่ควรโกรธคุณด้วย เป็นความผิดของฉันทั้งหมด คุณเซียวมีอาการขั้นโคม่าเพราะช่วยชีวิตคุณ ให้ฉันได้ดูแลเธอเถอะค่ะ ฉันจะคอยดูแลเธอเป็นอย่างดี โปรดให้โอกาสฉันด้วยค่ะ”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้วหันไปมองหน้าหั่วอวิ๋น ลู่หลีมองสบตาเฉียวเหลียง เฉียวเหลียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ไม่ต้อง ผมจะดูแลเธอเอง ไปเตรียมเครื่องบิน เราจะกลับปารีสคืนนี้”
หั่วอวิ๋นรีบก้มศีรษะรับ และเดินนำหน้าเฟิงหวาออกไป
เฟิงหวาหน้านิ่วมองตามหลังหั่วอวิ๋น แล้วเร่งฝีเท้าไปจนทันเธอ ถามว่า “หั่วอวิ๋น เธอจะดูแลคุณเซียวคนนั้นจริงๆ เหรอ”
“ดูแลเธองั้นเหรอ” หั่วอวิ๋นขมวดคิ้ว แต่แล้วก็เลิกคิ้วขึ้น พยักหน้ากล่าวว่า “ใช่สิ ฉันจะดูแลผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างดี ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำหรือไง ถึงยังไงเธอก็อยู่ในอาการโคม่าเพราะช่วยชีวิตนายน้อย จริงไหม เป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องดูแลเธอ”
เฟิงหวาจ้องแผ่นหลังหั่วอวิ๋น สีหน้าครุ่นคิด ทำไมเธอถึงพูดแปลกๆ
ลู่หลีมองตามหลังคนทั้งคู่ที่เดินห่างออกไป เขาหันกลับมากล่าวกับเฉียวเหลียง “ให้หั่วอวิ๋นอยู่ที่นี่ดีกว่า เธอดูจะไม่พอใจเซียวโหรวเอามากๆ ถึงจะไม่มีเจตนาร้ายอะไร แต่ก็อาจจะทำร้ายเซียวโหรวได้”
“ทำร้ายเซียวโหรวหรือ” ประกายตาเฉียวเหลียงวาววับราวกับไฟเย็น เขากล่าวเสียงเย็นเยียบ “กล้าดียังไง!”
ลู่หลีถอนหายใจ ตบบ่าเฉียวเหลียงเบาๆ ลุกยืนขึ้น เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย “เซียวโหรวเป็นยังไงบ้าง หมอบอกว่าเธอจะฟื้นเมื่อไร”
“หมอยังไม่แน่ใจ แต่บอกว่าไม่เป็นอะไร แค่เหนื่อยมากเท่านั้น” เฉียวเหลียงจ้องมองถังซีไม่วางตา กล่าวว่า “เธอจะฟื้นเองหลังจากได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว”
“เราจะกลับปารีสกันคืนนี้ใช่ไหม” ลู่หลีเก็บโทรศัพท์มือถือใส่ลงในกระเป๋า มองเฉียวเหลียงแล้วบอกว่า “ฉันจะได้ให้คนของเราเตรียมที่พักไว้ให้”
“เราจะกลับปารีสกัน แต่ไม่ต้องให้คนเตรียมที่พัก” เฉียวเหลียงมองไปที่ถังซีซึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย “ซีซีมีอะพาร์ตเมนต์อยู่ในปารีส เราตรงไปที่นั่นกันเลย แล้วคุณล่ะ จะกลับไปประเทศ M ไหม ผมว่าน่าจะเกิดความเข้าใจผิดบางอย่างระหว่างคุณกับเหวินหนิงนะ ทำไมคุณไม่ไปประเทศ M ไปถามเธอดู คุณคงไม่อยากเสียเธอไปอีกครั้งหรอก จริงไหม”
ลู่หลีจ้องตาเฉียวเหลียงนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะละสายตาไปทางอื่น กล่าวว่า “เธอต้องมาตามหาผมเอง และอธิบายด้วยตัวเธอเอง ถ้าเธออยากอธิบายให้ผมเข้าใจจริงๆ ผมไม่อยากวิ่งไล่ตามเธออีกแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกไร้ค่ามาก แล้วครั้งนี้พวกเราก็เกือบตายเลยนะ”
เฉียวเหลียงทำเสียงในลำคอ ก่อนพูดว่า “อย่าลืมจัดการเก็บกวาดด้วยล่ะ โยนความผิดให้พวกแก๊งอันธพาลท้องถิ่นไป ถึงยังไงตำรวจท้องที่ก็อยากกำจัดแก๊งอันธพาลพวกนี้อยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส พวกเขาคงดีใจที่ได้โอกาสเสียที จริงไหม”
ลู่หลียิ้ม “ผมให้คนของเราไปจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ คุณดูแลเซียวโหรวเถอะ นี่เป็นเรื่องเดียวที่คุณต้องทำในตอนนี้”
สีหน้าเฉียวเหลียงหม่นหมองลงทันทีที่ได้ยินลู่หลีพูดถึงเซียวโหรว เซียวเหยาเคยบอกเขาว่าเมื่อเธอมีอาการหมดสติถึงขั้นโคม่า ไม่มีใครสามารถปลุกให้ตื่นได้ และสิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือรอ…