แผนของถังซีกับเฉียวเหลียงคือ ทำให้ฉินซินหยิ่งสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมี หากปล่อยให้เธอกลับมาประเทศจีน เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนจะลืมสิ่งที่เธอทำ และจากนั้นเธอก็จะกลับมาแสดงตัวเป็นทายาทฉินกรุปอีกครั้ง เธอจะไม่ได้รับลงโทษอย่างแท้จริง เว้นแต่พวกเขาจะทำให้เธอเสียชื่อเสียงจนถึงที่สุด หากผู้คนรู้ว่าเธอทำร้ายถังซีในที่สาธารณะ เธอจะเสียชื่อเสียงจนหมดสิ้น
เธอขโมยภาพสเก็ตช์งานออกแบบของถังซี บังคับให้ถังซียอมรับว่าภาพสเก็ตช์เหล่านั้นเป็นของเธอ เธอทำร้ายถังซีเมื่อปฏิเสธเธอ และยังวางแผนร่วมกับสวีฟังฆ่าถังซี…
ถังซีกำปากกาบันทึกเสียงไว้แน่นในมือ ประกายเย็นเยียบกะพริบในดวงตา เวลาผ่านไปครู่หนึ่งถังซีจึงเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียงและถามว่า “คุณเอาปากกาบันทึกเสียงนี้มาได้ยังไงคะ”
มีเสียงสนทนาของสวีฟังกับฉินซินหยิ่งอยู่ในปากกาบันทึกเสียง เธอคิดไม่ถึงว่าจริงๆ แล้วทั้งสองคนวางแผนจัดการเธอ เธอคิดว่ามีเพียงสวีฟังเท่านั้นที่ต้องการจัดฉากให้เธอถูกทำร้าย แต่กลับกลายเป็นว่าจริงๆ แล้วสวีฟังวางแผนร่วมกับฉินซินหยิ่ง! เธอควรขอบคุณทั้งสองคนไหม ที่ให้ความสำคัญกับเธอมากขนาดนี้
ถังซีโกรธมากจนมือสั่น เมื่อเห็นเช่นนี้เฉียวเหลียงก็เอื้อมมือไปจับมือถังซี และกล่าวเสียงต่ำ “ผมรู้มาว่าฉินซินหยิ่งพยายามจัดฉากทำร้ายคุณ แต่ไม่ได้บอกคุณเพราะไม่อยากให้คุณเสียใจ แล้วอีกอย่างเราก็ยังมีเวลาอีกเยอะที่จะจัดการเธอ แต่ผมคิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่ยอมล้มเลิกแผนการทำร้ายคุณ คราวนี้เราจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ”
ถังซีเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะกล่าวว่า “ส่งคลิปเสียงนี้ให้ตำรวจ ด้วยหลักฐานนี้อย่างน้อยฉินซินหยิ่งจะถูกตัดสินความผิดในข้อหาทำร้ายร่างกายโดยเจตนา ฉันต้องสั่งสอนเธอให้รู้สำนึก! แล้วเผยแพร่คลิปเสียงนี้ทางอินเทอร์เน็ตด้วย ฉันต้องการให้ทุกคนรู้ว่าฉินซินหยิ่งเป็นคนแบบไหน!”
“ถ้าจะทำอย่างที่คุณบอกเราควรไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “แต่คุณก็จะไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำของลอเรนซ์ไม่ได้น่ะสิ”
ดวงตาถังซีมีแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เธอยิ้มให้เฉียวเหลียงด้วยดวงตาเป็นประกายขณะกล่าวว่า “เราจะบอกลอเรนซ์ว่าฉันเข้าโรงพยาบาล แล้วลอเรนซ์ก็จะมาเยี่ยมฉัน จากนั้นสื่อฝรั่งเศสจะรายงานข่าวนี้”
เธอไม่ได้ต้องการไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำเท่าไรนัก ที่เธอตกลงจะไปร่วมก็เพียงเพราะลอเรนซ์เป็นคนจัด เธออยากถือโอกาสโฆษณาเดอะควีน แต่ตอนนี้เธอมีบางสิ่งสำคัญมากกว่านั้นที่จะต้องทำ
เฉียวเหลียงมองถังซีแล้วส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม เขาแตะปลายจมูกเธอและกล่าวว่า “หลงเซี่ยวมีโรงพยาบาลในปารีส เราไปที่นั่นกัน” หลงเซี่ยวกรุปได้จัดตั้งโรงพยาบาลของตนเองขึ้นทั่วโลก เพื่อเอาไว้รักษาพยาบาลเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งสองมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลทันที ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรอเธออยู่แล้ว และจัดห้องพักคนไข้ให้ถังซีเข้าพักอย่างรวดเร็วเมื่อทั้งสองไปถึง พวกเขาเตรียมรายงานการตรวจร่างกายถังซีไว้ให้แล้วด้วยซ้ำ ท่ามกลางความประหลาดใจในความรวดเร็วของโรงพยาบาล ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงและกล่าวด้วยความชื่นชม “โรงพยาบาลนี้มีประสิทธิภาพมากจริงๆ!”
เฉียวเหลียงยิ้ม ลูบผมถังซี “ผมจะส่งคลิปเสียงนี้ไปที่สถานีตำรวจ ส่วนเรื่องที่สถานทูตผมจัดการเรียบร้อยแล้ว ฉินซินหยิ่งจะไม่สามารถกลับออกมาจากสถานทูตได้ง่ายๆ ในครั้งนี้ เธอต้องจ่ายหนักมาก ถ้าอยากได้รับการปล่อยตัว”
ดวงตาเขามีประกายเยือกเย็นขณะกล่าวเช่นนี้ “เราควรทำให้พวกเธอรู้ว่าอย่ายุ่งผิดคน!”
ถังซียิ้ม จับมือเขา มองหน้าเขาแล้วพยักหน้า “ตกลงค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้แล้ว ไปทำธุระของคุณเถอะ อย่าลืมโทรหาลอเรนซ์กับคาร์ลด้วยโทรศัพท์ของฉันให้ด้วยนะคะ”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว ส่งเสียงตอบในลำคอ แล้วหันหลังเดินออกไป
…
ที่สถานีตำรวจ ฉินซินหยิ่งยังคงพยายามอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ “ฉันไม่ได้แตะต้องเธอเลย! เธอล้มลงเอง ฉันสาบานว่าฉันไม่ได้แตะต้องเธอ! ฉันไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายเธอ! ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน คุณให้เธอมาพบฉันต่อหน้าพวกคุณก็ได้! ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉันบริสุทธิ์!”
เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ตำรวจพวกนี้ถึงจับเธอ แต่เธอรู้ว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่าง ถ้าไม่ทำเธอจะไม่มีทางได้ออกไปจากที่นี่
“คุณได้ยินฉันไหม ฉันไม่ได้แตะต้องตัวเธอ! ให้เธอมาเผชิญหน้ากับฉัน!”
“เผชิญหน้ากับคุณเหรอ ตอนนี้เธออยู่ในโรงพยาบาล จะมาเผชิญหน้ากับคุณได้ยังไง! โรงพยาบาลจะส่งรายงานผลการตรวจร่างกายและประเมินการบาดเจ็บของเธอมาให้เราในเร็วๆ นี้ แล้วคุณจะได้รู้ว่าคุณทำร้ายเธอหรือไม่!” เจ้าหน้าที่ตำรวจผิวดำมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยและกล่าวอย่างเย็นชา
ฉินซินหยิ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดร้องตะโกน “โรงพยาบาลจะเขียนรายงานเท็จยังไงก็ได้ พวกเขากำลังใส่ร้ายฉัน! คุณต้องสืบหาความจริงสิ!”
“คุณมีปัญหากับโรงพยาบาลของประเทศเราอย่างนั้นเหรอ!” ตำรวจผิวขาวทนไม่ได้อีกต่อไป เขาลุกขึ้นเดินเข้าไปหาฉินซินหยิ่งซึ่งถูกขังอยู่หลังลูกกรง ขณะกล่าวอย่างเย็นชาว่า “โรงพยาบาลของประเทศเราดีกว่าประเทศไหนๆ! พวกเขาไม่เขียนผลรายงานเท็จ! หยุดใส่ร้ายคนอื่นเสียที!”
ฉินซินหยิ่งชะงัก จ้องมองนายตำรวจคนนั้นอย่างเกลียดชัง แล้วตะโกนว่า “ฉันบอกแล้วไง ฉันไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายเธอ เราเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำไมฉันต้องทำร้ายเธอด้วย!”
เธอเปลี่ยนกลยุทธ์ เธอย่อตัวลงนั่งกับพื้น มองนายตำรวจคนนั้นอย่างน่าสงสาร และกล่าวอย่างอ้อนวอน “คุณต้องเชื่อฉัน ไม่มีใครใส่ใจเธอมากไปกว่าฉันแล้ว ฉันไม่มีวันทำร้ายเธอ ได้โปรดเชื่อฉัน!”
ตำรวจผิวขาวขมวดคิ้ว กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เมื่อจู่ๆ ตำรวจอีกคนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กล่าวขึ้น “สถานทูตจีนส่งคลิปเสียงมาให้เรา หลังจากที่เราแจ้งเรื่องนี้ไปให้พวกเขาทราบ เรามาเปิดฟังกัน”
ตำรวจพูดเป็นภาษาฝรั่งเศส ฉินซินหยิ่งจึงไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร เธอขมวดคิ้วและกำลังจะกล่าวขึ้นขณะตำรวจสองนายเดินเข้ามาเปิดเสียงที่บันทึก เมื่อได้ยินเสียงฉินซินหยิ่งก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เธอลบคลิปเสียงไปแล้วนี่! ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้!
เธอกลืนน้ำลายและปลอบใจตัวเอง ไม่ต้องกลัว พวกเขาไม่เข้าใจภาษาจีนหรอก เพราะฉะนั้นพวกเขาจะไม่ทำอะไรเธอ!
ตำรวจไม่เข้าใจภาษาจีน แต่พวกเขาบอกได้ว่าผู้พูดหนึ่งในนั้นคือฉินซินหยิ่ง…
ตำรวจคนหนึ่งเปิดเครื่องแปลภาษา และป้อนเสียงเข้าไป ไม่ช้าบทสนทนาของพวกเธอก็ถูกแปลเป็นภาษาฝรั่งเศส…