เฉียวเหลียงเลิกคิ้วมองดูถังซี เธอหันไปมีสมาธิกับการขับรถโดยไม่พูดอะไรอีก เฉียวเหลียงกำลังจะเอ่ยถามว่าที่เธอพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่เธอชิงถามขึ้นก่อนว่า “อ้อ จริงสิ เรื่องที่คุณให้ลู่หลีจัดการไปถึงไหนแล้วคะ”
ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว เธอไม่ได้ยินเลยว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรบ้าง หลงเซี่ยวมีอิทธิพลมากถึงขนาดสามารถเข้าควบคุมธุรกิจทั้งหมดของตระกูลคลอสได้จริงหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริง เห็นทีเธอคงต้องทำงานให้หนักมากขึ้นแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่คู่ควรกับเฉียวเหลียงเป็นแน่!
เมื่อครั้งยังเป็นทายาทสาวแห่งเอ็มไพร์กรุป เธอไม่เคยมีปัญหาในเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เธอเป็นเพียงลูกเป็ดขี้เหร่ที่เพิ่งจะได้หวนคืนสู่ครอบครัวที่ร่ำรวย แม้ว่าลูกเป็ดน้อยตัวนี้จะค่อยๆ สร้างตัวจนประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังห่างไกลมากอยู่ดี ถ้าจะให้เทียบเท่าจนยืนเคียงข้างเฉียวเหลียงได้เต็มภาคภูมิ!
“พวกเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” เฉียวเหลียงยิ้ม ดวงตาเป็นประกายวาววับ พวกมันคุกคาม ล่วงเกิน และลักพาตัวคนรักของเขา แต่เขาเพียงแค่ยึดกลุ่มบริษัทของพวกมัน ต้องถือว่าปราณีมากแล้ว! “เมื่อไม่มีคลอส อีฟส์ ตระกูลคลอสก็ไม่มีพิษสงอะไร เราไม่ต้องกังวลถึงพวกมันอีกต่อไปแล้ว”
ถังซีพยักหน้า “แล้วแก๊งซิฟฟาล่ะคะ” ถังซีขมวดคิ้วถามเฉียวเหลียง “ซิฟฟาเป็นแก๊งที่มีอิทธิพลมาก จะแค่ปล่อยไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ”
เฉียวเหลียงเหลือบมองถังซี ยิ้มมุมปาก เอื้อมมือมาขยี้ผมเธอแล้วกล่าวยิ้มๆ “หลงเซี่ยวก็มีอิทธิพลมากเหมือนกัน เราไม่เหลือโอกาสไว้ให้พวกมันตอบโต้หรอก”
ถังซียักไหล่ ตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไปค่ะ”
ทั้งสองกลับไปที่โรงแรม รับประทานอาหาร แล้วเตรียมเข้านอนเพื่อพักผ่อน
ถังซีเหนื่อยจนหมดแรง เฉียวเหลียงเองก็เหนื่อยมาก แม้ร่างกายเขาจะแข็งแกร่งกว่าเธอมากก็ตาม หลังจากอาบน้ำแล้ว ถังซีก็เข้านอนและหลับไปในทันทีที่หัวถึงหมอน ส่วนเฉียวเหลียงยังทำงานต่อ จัดการกับธุระของเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปและหลงเซี่ยว แล้วจึงเข้านอนเช่นกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ถังซีถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์จากหนิงเหยี่ยน ตอนที่เธอตื่นขึ้นมานั้นเฉียวเหลียงออกไปแล้ว เธอชำเลืองมองชื่อผู้โทรแล้วครางออกมาดังๆ ก่อนจะรับสาย “ผู้กำกับหนิงที่รัก มันผิดศีลธรรมนะที่โทรมาปลุกชาวบ้านแต่เช้ามากอย่างนี้! เมื่อวานฉันเหนื่อยจนหมดแรง คุณจะให้ฉันนอนต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือยังไง”
หลายวันมานี้ เธอรู้สึกเหนื่อยมากจนกระทั่งยอมไม่ฝึกโยคะในตอนเช้า เพื่อจะได้นอนต่ออีกสักหน่อย แต่หนิงเหยี่ยนกลับโทรมารบกวนความฝันแสนหวานของเธอเสียได้! ช่างน่ารำคาญจริงๆ!
แต่หนิงเหยี่ยนไม่รู้สึกผิดเลยแม้สักนิด เขากล่าวว่า “ตื่นได้แล้ว ผมน่ะไม่ได้นอนทั้งคืน! ตื่นเดี๋ยวนี้!”
ถังซีดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ ขบฟันกรอด “ฉันไม่ได้แรงเยอะอย่างคุณนี่ คุณก็รู้ว่าตั้งแต่ออกจากสถานพักฟื้นผู้ป่วยมา ฉันก็ต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกไม่รู้ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ร่างกายฉันไม่ได้แข็งแรงเหมือนคนทั่วไปด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่จะให้เท่าคุณเลย ฉันเทียบคุณไม่ติดหรอก!”
เมื่อได้ยินถังซีพูดเช่นนั้นหนิงเหยี่ยนก็เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า “ไม่อยากเห็นโปสเตอร์ที่เราถ่ายกันเมื่อวานเหรอ คลิปวิดีโอเปิดตัวก็ตัดเสร็จแล้ว มาดูสิ”
ถังซีพรวดพราดลุกจากเตียงทันที ดวงตาเป็นประกาย “เสร็จหมดแล้วเหรอคะ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงตื่นเต้นของถังซี หนิงเหยี่ยนก็ทำเสียงหัวเราะขึ้นจมูกแบบสะใจ “เธอจะกลับไปนอนต่อก็ได้นะ”
มาปลุกกันจนตื่นขนาดนี้! จะให้กลับไปนอนต่อได้ยังไง
แต่แน่ละ เธอย่อมไม่พูดกับเขาแบบนั้น เธอหัวเราะเบาๆ กล่าวเสียงออดอ้อน “ผู้กำกับหนิง คุณก็รู้ว่างานคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฉัน เราไปเจอกันที่ร้านกาแฟภายในอีกสิบนาทีนะ”
“มาที่ห้องผม” หนิงเหยี่ยนบอกอย่างหงุดหงิด “ถ้าคิดว่าไม่สะดวกก็พาแฟนมาด้วย ผมขี้เกียจล้างหน้าแต่งตัว”
หนิงเหยี่ยนมองเงาตัวเองในกระจก เป็นเพราะเขาอดนอนทำงานตลอดทั้งคืน เคราเริ่มโผล่ขึ้นมาเขียวๆ ใต้ตาก็เป็นวงดำคล้ำ และที่สำคัญที่สุด ตอนนี้เขาดูไม่หล่อเลย! ไม่มีทางที่เขาจะพาหน้าโทรมๆ นี้ ออกไปให้มหาชนได้เห็น แม้จะไม่ได้อยู่ในประเทศจีนก็เถอะ!
เขาต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ดูดีเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไร ที่ไหนก็ตาม
หางตาถังซีหรี่ลงเมื่อได้ยินคำพูดของหนิงเหยี่ยน “ก็ได้ ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากออกไปข้างนอก แต่เฉียวเหลียงไม่อยู่ ฉันจะไปหาคุณที่ห้องคนเดียวนะ”
“เดี๋ยว เดี๋ยว เธอจะมาคนเดียวไม่ได้นะ ต้องพาใครมาด้วยสักคน” หนิงเหยี่ยนระมัดระวังกับเรื่องแบบนี้มาก
ถังซีถอนใจแล้วกล่าวว่า “คุณลืมพี่หว่านอีไปแล้วเหรอ เธอก็นำแสดงในวิดีโอนี้เหมือนกัน โทรไปบอกให้เธอมาที่ห้องคุณด้วยสิ!”
นอกจากนั้นแล้วที่นี่คือปารีส ใครจะมาคอยแอบถ่ายรูปเขา แม้ว่าเขาจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศจีนก็ตาม คงไม่มีใครโง่พอจะมาซ่อนตัวอยู่หน้าห้องคุณ เพื่อคอยแอบถ่ายรูปคุณหรอกน่า!
หนิงเหยี่ยนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงทำเสียงตอบรับอยู่ในลำคอ ก่อนจะวางสายไป
ถังซีค่อยๆ เลื้อยลงจากเตียง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจึงออกไปที่ห้องหนิงเหยี่ยน
ที่หน้าห้องหนิงเหยี่ยน เธอพบเฮ่อหว่านอีซึ่งแต่งหน้ามาสวยประณีตจัดเต็ม ถังซีทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม เฮ่อหว่านอีเดินเข้ามาใกล้แล้วพบว่าถังซีดูซีดเซียว จึงถามว่า “เมื่อคืนเธอนอนไม่พอเหรอ”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่เหนื่อยมากในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เลยดูโทรมไปหน่อย” ถังซีตอบ ขณะที่มือกดกริ่งประตูห้อง “พี่ล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง พี่หว่านอี”
“โอ๊ย พี่นอนหลับสบายมาก” เวลานั้นนั่นเองหนิงเหยี่ยนก็เปิดประตูออกมา ถังซีกะพริบตาปริบๆ ด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าเขาดูทรุดโทรมยิ่งกว่าเธอเสียอีก “ผู้กำกับหนิง นี่คุณอดนอนทั้งคืนเลยเหรอ”
“แน่ล่ะ คิดว่าฉันโกหกหรือไง” หนิงเหยี่ยนมองถังซีอย่างหงุดหงิด แล้วหันหลังกลับเข้าห้อง
ถังซียักไหล่ เดินตามเขาเข้าไปในห้อง มีเฮ่อหว่านอีตามมาติดๆ ถังซีกล่าวขึ้นว่า “โอ คุณช่างทุ่มเทให้กับงานจริงๆ ฉันแทบไม่อยากเชื่อว่าคุณยอมอดนอนตลอดทั้งคืนเพื่อทำงานให้เสร็จ ฉันไม่กดดันคุณหรอกนะคะ ไม่อยากให้คุณทำงานหนักจนเกินไป”
ไม่มีใครทันสังเกตว่าขณะที่พากันเดินเข้าห้องไปนั้น มีใครคนหนึ่งแอบถ่ายรูปพวกเขาไว้
“โอย เงียบเถอะ ไม่ต้องพูดเลย” หนิงเหยี่ยนจิกตามองถังซี ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา และชี้ไปยังคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปของเขาทั้งที่ยังหลับตา “เปิดดูเอาเอง ผมจะงีบสักหน่อย”
เฮ่อหว่านอีมองหนิงเหยี่ยนแล้วขมวดคิ้ว “ฉันจะสั่งอาหารเช้าให้”
หนิงเหยี่ยนส่ายศีรษะ “ฉันขอนอนก่อน แล้วค่อยตื่นมากิน”
“สั่งให้ฉันด้วยค่ะ ยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลยเหมือนกัน” ถังซีกล่าว ขณะดูภาพถ่ายในคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป
เฮ่อหว่านอีมองถังซีผู้ไม่เคยลืมเรื่องกิน แล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ “ได้จ้ะ เดี๋ยวพี่จะสั่งให้เธอด้วย”
เฮ่อหว่านอีโทรสั่งอาหารเช้า แล้วจึงมานั่งดูภาพถ่ายกับถังซี