เธอนำเสนอความงดงามอันโดดเด่นของชุดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และในทางกลับกัน ชุดนี้ก็ช่วยเสริมความงดงามของเธอได้อย่างไม่มีที่ติ
แต่ทำไมถึงดูแปลกๆ เมื่อพี่หว่านอีสวมชุดนี้
เฮ่อหว่านอีมองเธอขึ้นๆ ลงๆ แล้วพยักหน้า “เป็นอย่างที่พี่คิดไว้ โหรวโหรว ชุดนี้เป็นของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นนางแบบที่เหมาะที่สุดสำหรับชุดนี้”
ถังซีส่ายศีรษะ “ไม่ค่ะ ฉันคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอที่จะเดินบนรันเวย์ในปารีสแฟชั่นวีกได้!”
ถ้าเธอยังคงเป็นทายาทเอ็มไพร์กรุป เธออาจรับงานนี้ แต่ตอนนี้เธอคือเซียวโหรว ลูกเป็ดขี้เหร่ที่เพิ่งกลับมาหาครอบครัวเมื่อหลายเดือนก่อน จู่ๆ เธอจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ได้ยังไง!
แม้เฮ่อหว่านอีจะไม่พอใจอย่างมากที่แพ้พนัน แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าถังซีเป็นนางแบบที่ดีที่สุดสำหรับชุดนี้ ดวงตาเธอเป็นประกายสดใสเมื่อเห็นถังซีในชุดนี้ ถังซีสวยมากอย่างน่าทึ่ง
เธอมีรูปร่างที่ดูเป็นเด็กสาวซึ่งเหมาะกับชุดนี้ เนื่องจากชุดนี้มีการออกแบบให้มีสีสันและพลิ้วไหว จึงเหมาะกับสาวหุ่นเพรียวเท่านั้น เฮ่อหว่านอีแตกต่างจากถังซี รูปร่างเธอเต็มไปด้วยความเย้ายวน เธอจึงดูอวบเล็กน้อยในชุดนี้ อย่างที่ฉู่หลิงบอก ชุดนี้ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับถังซีโดยเฉพาะ
ถังซีมองตัวเองในกระจกและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ชุดนี้สวยจริงๆ”
“ใช่ แต่เฉพาะเมื่อเธอสวมใส่เท่านั้น” เฮ่อหว่านอีช่วยเธอจัดแต่งทรงผม และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เธอดัง เธอลืมบอกเฉียวเหลียงหรือเปล่าตอนที่ออกมา เขาคงเป็นห่วงเมื่อไม่เห็นเธอ”
“โอ้!” ถังซีรีบวิ่งออกไปหยิบโทรศัพท์มาดู สายนั้นมาจากเฉียวเหลียงจริงๆ เธอรีบโทรกลับ และบอกเขาว่าเธออยู่กับเฮ่อหว่านอี เธอจะกลับไปโดยเร็ว จากนั้นเธอก็วางสายและไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“เฮ้อ เฉียวเหลียงนี่ตามติดเธอจริงๆ พวกเราเคยสงสัยว่าเขาจะเป็นยังไงนะเมื่อมีความรัก เรากังวลว่าเขาอาจทำให้แฟนของเขาคลั่ง แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะติดแฟนเหมือนกาว” เฮ่อหว่านอีที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาล้อถังซี
ถังซีหัวเราะ ยังคงเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อไป “บางครั้งฉันก็อยากจะรำคาญเขา ทำไมต้องติดหนึบอย่างนี้ก็ไม่รู้”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงหวานๆ เฮ่อหว่านอีก็มองเธอด้วยรอยยิ้ม “แหม นี่เธอทำให้พี่อิจฉาเสียแล้วสิ! เปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วๆ เข้าเถอะ แล้วรีบกลับไปเลย พี่เกลียดเธอ!”
ถังซีหัวเราะคิกคักกล่าวว่า “ฮ่าๆ ยังไงก็ตามฉันต้องขอให้ฉู่หลิงหานางแบบมาสวมชุดนี้ งานแฟชั่นโชว์จะมีพรุ่งนี้แล้ว ฉันชักกังวลแล้วว่าเราจะหานางแบบที่เหมาะกับชุดนี้ได้ไหม”
เฮ่อหว่านอีเลิกคิ้ว มองหน้าเธอ “เธอไม่อยากเป็นนางแบบเหรอ”
ถังซียักไหล่ “ฉันคิดว่าฉันไม่เหมาะน่ะค่ะ”
นอกจากนี้ถังซียังต้องมาแสดงตัวในวันพรุ่งนี้ เธอไม่สามารถแสดงเป็นสองคนได้ในเวลาเดียวกัน
เฮ่อหว่านอีขมวดคิ้วแต่ไม่พูดอะไร เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาใครบางคน
ไม่นานบุคคลนั้นก็ตอบข้อความกลับมา เธอมองดูข้อความนั้น แย้มริมฝีปากเล็กน้อย และคำรามเบาๆ “ทำไมเขาถึงชอบทำตัวน่ารำคาญตลอดเวลา” จากนั้นเธอก็ส่งข้อความถึงฉู่หลิงอีกครั้ง
ถังซีเปลี่ยนชุด เก็บชุดนั้นลงกระเป๋าเดินทาง และบอกลาเฮ่อหว่านอี “พี่หว่านอีคะ ฉันไปแล้วนะ”
เฮ่อหว่านอีกล่าวโดยไม่มองหน้าเธอ “จ้ะ เดี๋ยวค่อยมาทานอาหารเช้าด้วยกัน แล้วพี่จะโทรหาเธออีกทีนะ”
“ตกลงค่ะ” ถังซีออกไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง
หลังจากถังซีออกไปแล้ว เฮ่อหว่านอีก็อ่านข้อความที่ฉู่หลิงส่งถึงเธอ และส่งเสียงคำรามเบาๆ อีก “อย่าเพิ่งสบายใจ เซียวโหรวบอกว่าเธอไม่อยากเป็นนางแบบ คุณยังต้องหานางแบบมาสวมชุดนั้น”
เมื่อถังซีกลับไปถึงห้อง เฉียวเหลียงก็อาบน้ำล้างหน้าให้ตัวเองสดชื่นขึ้นแล้ว แต่ยังคงมีรอยคล้ำใต้ตาเพราะเมื่อคืนเขาเข้านอนดึกมากๆ ถังซีมองดูเฉียวเหลียงด้วยความห่วงใย เฉียวเหลียงลูบผมเธอ และกล่าวเสียงแหบแห้ง “ผมสบายดี พรุ่งนี้รอยคล้ำก็จะหายไปเอง”
ถังซีเม้มริมฝีปาก “ฉันจะโทรหาฉู่หลิง คุณไปนอนต่อเถอะ”
“ตอนนี้ผมยังไม่ง่วง” เฉียวเหลียงโอบแขนรอบเอวเธอแล้วนั่งลงบนโซฟา จากนั้นเขาก็ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “มีอะไรเหรอ”
ถังซียักไหล่ โทรหาฉู่หลิง “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ชุดสำคัญที่สุดของเราในแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ไม่เหมาะกับพี่หว่านอี เราอาจต้องหานางแบบใหม่”
ถังซีไม่ได้บอกเขาว่าเธอเหมาะกับชุดนั้น เพราะถ้าเธอบอก พนันได้ว่าเฉียวเหลียงจะทำให้เธอเป็นนางแบบจนได้ ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะจุดมุ่งหมายของเธอคือจะต้องเป็นดารายอดนิยม! แต่เธอไม่อยากมีชื่อเสียงด้วยหนทางแบบนี้ ดาราที่มีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืนมักจบลงด้วยโศกนาฏกรรม… โดยเฉพาะการโด่งดังจากรันเวย์ แบบนี้ไม่ดีต่ออาชีพการงานในอนาคตของเธอ
เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว ไม่พูดอะไร ถังซีกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เมื่อฉู่หลิงรับสาย “ว่าไง เฮ่อหว่านอีลองชุดนั้นหรือยัง”
ถังซีประหลาดใจที่ฉู่หลิงฉลาดมาก เขาเดาได้! เธอกล่าวว่า “ลองแล้วค่ะ แต่เป็นอย่างที่คุณคาดเดา ชุดนี้ไม่เหมาะกับพี่หว่านอี เราอาจต้องหานางแบบมาสวมชุดนั้น”
“เซียวโหรว ผมขอเตือนความจำคุณหน่อยนะ เราต้องทำให้ใครสักคนที่เหมาะกับชุดนี้มากที่สุดเป็นนางแบบ เพราะชุดนี้เป็นตัวแทนของเดอะควีน และผู้ที่สวมชุดนี้ควรเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของเรา ถ้าผมเชิญนางแบบชื่อดังมาสวม เราจะต้องจ้างเธอเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ แล้วค่าใช้จ่ายก็จะสูงมาก ตอนนี้ยังแน่ใจอยู่หรือเปล่าว่าต้องการให้ผมหานางแบบสำหรับชุดนี้” ฉู่หลิงกล่าวอย่างจริงจัง
ถังซีเม้มริมฝีปาก กำลังจะตอบกลับเมื่อฉู่หลิงเสริมอีกว่า “นี่เป็นงานแฟชั่นโชว์ครั้งแรกของบริษัท ผมจึงพยายามอย่างเต็มที่ เชิญนางแบบแถวหน้าที่กำลังเป็นที่นิยมที่สุดในโลก ซึ่งทำให้เราต้องเสียเงินไปจำนวนมาก และเรายังต้องจ่ายค่าเช่าสถานที่ ค่าใช้จ่ายในการสร้างเวทีและพื้นที่นั่งชมโชว์อีกตั้งมากมาย ตอนนี้เราใช้เงินไปกว่าสิบล้านหยวนแล้วนะ ซึ่งหมายความว่าเราเป็นหนี้ธนาคารมากกว่าสิบล้านหยวน แน่ใจหรือว่าต้องการใช้เงินอีกหมื่นล้านหยวน จ้างนางแบบดังมาเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของเรา”
“โอ้ว” ถังซีตกตะลึง ฉู่หลิงยังไม่เคยบอกเธอเรื่องค่าใช้จ่าย และเธอยุ่งเกินกว่าจะมีเวลาคิดถึงเรื่องนี้ นี่พวกเธอใช้เงินไปมากมายขนาดนี้เชียวหรือ!
“ผมให้ใบเสร็จและใบเรียกเก็บเงินไปกับเฉียวเหลียงแล้วนี่ เขาไม่ได้เอาให้คุณเหรอ” ฉู่หลิงถาม
ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงซึ่งมองตอบเธอด้วยสายตาเป็นคำถาม ถังซีเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “เอ้อ… ฉันอาจจะลองสวมชุดนี้ดูก็ได้ ถ้าดูดีฉันจะเป็นนางแบบให้เอง”