ถังซีเคาะประตูห้องทำงานถังเจิ้นหวา จากนั้นก็เดินเข้าไปพร้อมกับเฉียวเหลียง เมื่อถังเจิ้นหวาเห็นถังซีท่านก็ตกตะลึง และงงงันไปชั่วขณะ จากนั้นท่านก็ฉีกยิ้มกว้าง ลุกขึ้นโบกมือให้เธอ “ทำไมจู่ๆ ก็กลับมา หนูควรจะบอกให้ปู่รู้ล่วงหน้าก่อน”
ถังซียิ้ม เข้าไปกอดท่าน พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนูอยากทำให้คุณปู่ประหลาดใจค่ะ” เธอเหลือบมองไปที่โต๊ะทำงานท่านอย่างคุ้นเคยแล้วถามว่า “คุณปู่คะ กำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่เหรอคะ คุณปู่ดูอารมณ์ไม่ดีเลย”
ถังเจิ้นหวารู้ดีว่าหลานสาวท่านเป็นเด็กที่ความรู้สึกไวมาก ไม่ว่าท่านจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่เคยหลอกเธอได้ ก็เหมือนกับตอนที่ท่านป่วยนั่นแหละ เมื่อนึกได้เช่นนี้ถังเจิ้นหวาก็ไม่อยากเก็บซ่อนความจริงจากถังซีอีกต่อไป ท่านมองเฉียวเหลียงและบอกให้เขานั่งลง “ปู่ให้ถังหลิงตรวจสอบเรื่องอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งนั้น และเขาพบเบาะแสมากมาย ซีซีอุบัติเหตุเครื่องบินตกนั้นอาจเป็นการวางแผนของใครบางคนที่พยายามฆ่าหนู”
ถังซีมองหน้าถังเจิ้นหวา อยากถามท่านว่าท่านจำเฉียวเหลียงได้อย่างไร แต่แล้วเธอก็คิดว่าในเมื่อท่านเห็นเธอสวมหน้ากากผิวหนัง คุณปู่ก็น่าจะเดาได้ว่าเฉียวเหลียงก็ต้องสวมหน้ากากเช่นกัน เธอจึงไม่ถามเรื่องนี้ เธอจับมือถังเจิ้นหวาไว้ แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “คุณปู่ไม่ต้องเสียใจนะคะ มันไม่มีค่าพอที่คุณปู่จะต้องเสียใจ”
“ปู่ไม่ได้เสียใจเพราะเป็นคนพวกนั้น แต่เพราะ…” ถังเจิ้นหวาตบหลังมือเธอเบาๆ แล้วถอนหายใจ “แต่เพราะปู่ปกป้องหนูไม่ได้… ถ้าไม่ใช่เพราะคำอธิษฐานของคุณย่าของหนู หนูอาจไม่มีวันได้กลับมาหาปู่”
ถังซีมองถังเจิ้นหวาด้วยสายตาสงสัย พูดตามตรงเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณปู่ถึงมักพูดถึงคุณย่าเสมอ เมื่อท่านพูดถึงเธอ เกิดอะไรขึ้นกับคุณย่า
เมื่อเห็นท่าทางของถังซี ถังเจิ้นหวาก็ยิ้ม ท่านมองหน้าเธอ สูดลมหายใจและกล่าวว่า “เหตุการณ์เดียวกันนี้ ก็เกิดขึ้นกับคุณย่าของหนูด้วย”
“อะไรนะคะ!” ถังซีมองถังเจิ้นหวาด้วยความตกใจ “ทำไม…”
ไม่น่าแปลกใจที่คุณปู่เดาได้อย่างง่ายดายว่าเธอคือใคร ไม่น่าแปลกใจที่คุณปู่เชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ของเธอได้อย่างง่ายดาย ไม่น่าแปลกใจที่คุณปู่… มักเรียกชื่อผู้หญิงอีกคนหนึ่งเมื่อมองภาพคุณย่า ปรากฏว่าคุณย่าก็เป็นเช่นเดียวกันกับเธอ คือได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของคนอื่น
เฉียวเหลียงก็ตกใจเช่นกัน เขาไม่รู้เลยว่าถังเจิ้นหวามีประสบการณ์อันน่าเหลือเชื่อเช่นเดียวกันนี้… ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับภรรยาท่านได้เกิดขึ้นกับหลานสาวของท่านด้วย… เป็นเรื่องเหลือเชื่อ!
ถังเจิ้นหวามองหน้าถังซีแล้วยิ้ม “ตอนแรกปู่ก็ตกใจมาก แต่ตอนนั้นปู่คิดว่าต้องเป็นโอกาสที่พระเจ้ามอบให้ปู่ น่าเสียดายที่ปู่ไม่สามารถแก่เฒ่าไปพร้อมกับคุณย่าของหนูได้”
“คุณปู่…” ถังซีไม่รู้ว่าจะปลอบคุณปู่อย่างไรดี เพราะเธอรู้ว่าการสูญเสียคนที่รักไปนั้นเจ็บปวดเพียงใด ความเจ็บปวดนั้นไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยการปลอบโยนเพียงอย่างเดียว
ถังเจิ้นหวายิ้ม กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ปู่ไม่เป็นไร ปู่แค่เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องคุณย่า พ่อแม่หนู และตัวหนูได้”
หัวใจถังซีปวดร้าวราวกับถูกบีบด้วยมือยักษ์ เธอเม้มริมฝีปาก จับมือถังเจิ้นหวาแน่น “คุณปู่คะ… ตอนนี้หนูก็ยังอยู่กับคุณปู่ไม่ใช่เหรอคะ”
เธอรู้สึกว่าคุณปู่เป็นคนที่เศร้าที่สุดในตระกูล ท่านต้องเฝ้ามองคนที่ท่านรัก คนที่ท่านห่วงใยจากท่านไปทีละคน โดยไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว คุณปู่คือคนที่ทุกข์ทรมานที่สุด
“ฮื้อ ช่างมันเถอะ ปู่จะไม่ยอมให้ใครทำอะไรที่เป็นการทำร้ายหนูได้อีก นับจากนี้ไป” ถังเจิ้นหวากล่าว และมองหน้าเฉียวเหลียง “ปู่ได้ยินมาว่าเธอซื้อหุ้นเอ็มไพร์กรุปไว้ยี่สิบแปดเปอร์เซ็นต์งั้นหรือ”
เฉียวเหลียงมองหน้าถังเจิ้นหวาและยิ้ม “คุณปู่ ต้องการให้ผมทำอะไรเหรอครับ”
“ปู่จะไล่คนพวกนั้นออกจากการเป็นคณะกรรมการ” ใบหน้าถังเจิ้นหวาดูเคร่งเครียด “ปู่เคยคิดว่าคนตระกูลถังไม่มีทางวางแผนทำร้ายเรา แต่ตอนนี้ปู่รู้แล้วว่าปู่คิดผิด ปู่ปล่อยให้พวกเขาอยู่ในเอ็มไพร์กรุปต่อไปอีกไม่ได้!”
“ถ้าทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าคุณปู่ต้อนพวกเขาเข้าไปไว้ที่มุมหนึ่งนะครับ สัตว์ร้ายที่ถูกต้อนเข้ามุมจะกระทำบางอย่างด้วยความสิ้นหวัง ถ้าเป็นแบบนี้พวกเขาอาจทำให้คุณปู่ลำบาก หากคุณปู่อยากกำจัดพวกเขาในคราวเดียว เราต้องไม่ทำแบบผลีผลาม วิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดพืชมีพิษคือ ถอนรากถอนโคนแล้วเผาทิ้ง” เฉียวเหลียงมองหน้าถังเจิ้นหวาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ปล่อยให้เป็นธุระของผมเถอะครับ ถ้าคุณปู่เชื่อใจผม ถ้าจะกำจัดพวกเขา เราจะปล่อยให้พวกเขามีโอกาสกลับมาไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว”
ถังเจิ้นหวาขมวดคิ้ว มองหน้าถังซีซึ่งยิ้มให้ท่านและพยักหน้า “ใช่ค่ะ คุณปู่ หนูเดาไว้แล้วว่าพวกเขาเป็นคนวางแผนฆ่าหนู แต่หนูไม่มีหลักฐานอะไรเลย หนูไม่อยากปล่อยคนที่ต้องการฆ่าหนูให้ลอยนวลไปง่ายๆ จะเป็นการเสียมารยาทสำหรับหนู ถ้าหนูจะไม่เอาคืน!”
“แล้วครอบครัวของฉิงอวี่ล่ะ…” ถังเจิ้นหวามองหน้าถังซี “หนู…”
“พี่ฉิงอวี่จากไปหลายปีแล้ว หนูอดทนกับครอบครัวของเขามามากพอแล้ว หนูคิดว่าเขาจะเข้าใจหนู” ถังซีมองหน้าถังเจิ้นหวาด้วยรอยยิ้มเศร้าบนริมฝีปาก “อย่างไรก็ตาม หนูจะตายเพราะครอบครัวเขาอีกครั้งไม่ได้ค่ะ”
ถังเจิ้นหวาตกใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ ท่านคว้ามือถังซีมากุมไว้ทันทีและกล่าวด้วยความโกรธว่า “อย่าพูดแบบนี้อีก!” จากนั้นท่านก็มองหน้าคนทั้งสองและถามว่า “พวกเธอจะอยู่ในสองตัวตนแบบนี้ไปตลอดชีวิตเหรอ”
ถังซีเม้มริมฝีปาก นี่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน เธอจะอยู่ในฐานะถังซีไปก่อน จนกว่าจะลงโทษคนที่ฆ่าเธอสำเร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นเธอก็จะมีชีวิตด้วยตัวตนของเซียวโหรว
ถังเจิ้นหวาเดาแผนของถังซีออก ท่านพยักหน้า “ปู่ไม่ว่าอะไร ขอเพียงให้หนูกลับมาหาปู่บ้าง…”
ถังซียิ้มและพยักหน้า “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณปู่ เมื่อหนูเป็นถังซีหนูกลับมาได้ หนูก็จะทำแบบเดียวกันได้ เมื่อหนูเป็นเซียวโหรว”
เซียวโหรวควรเข้ามาครอบครองสิทธิ์ทั้งหมดในความรับผิดชอบของถังซี หลังจากรับช่วงมรดกทรัพย์สินของเธอ
ทั้งสามคุยกันเกี่ยวกับแผนการในขั้นต่อไป และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงฉินซินหยิ่ง ถังเจิ้นหวากล่าวอย่างเย็นชา “คนตระกูลฉินล้วนเป็นคนชั่วร้าย ปู่ไม่ได้ห้ามไม่ให้หนูคบกับฉินซินหยิ่ง เพราะดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเพื่อนคนเดียวของหนู ตอนนี้หนูเพิกเฉยต่อคนในตระกูลฉินได้เลย สำหรับฉินซินหยิ่ง… ก็ขึ้นอยู่กับหนูว่าจะจัดการกับเธออย่างไร”
ถังซียิ้ม แล้วทันใดนั้นเธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอมองถังเจิ้นหวาและถามว่า “คุณปู่คะ คนตระกูลฉินมีความขุ่นเคืองอะไรต่อเราหรือเปล่าคะ ฉินเย่ว์แสดงท่าทางเหมือนเป็นศัตรูกับหนูอยู่เหมือนกันค่ะ”
“ขุ่นเคืองเหรอ!” ถังเจิ้นหวาเค้นเสียง และกล่าวอย่างเยือกเย็น “เขากับเราคือศัตรูคู่อาฆาต!”
ท่านมองหน้าถังซี แล้วยิ้มออกมา “แต่ถึงยังไง นั่นก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว…”