จอมศาสตราพลิกดารา – บทที่ 175 สำรวจขั้นฟ้าประทาน

บทที่ 175 สำรวจขั้นฟ้าประทาน

นี่คือจุดที่หลี่มู่สนใจ

หากอาศัยโอสถหมื่นโลหิตก็ข้ามสู่ขั้นฟ้าประทานได้ เช่นนั้นก็หมายความว่าพลังของยาสามารถยกระดับพลังฝึกของจอมยุทธ์ เท่ากับว่าเส้นทางที่เขาอยากจะไปถึงขั้นทะลวงสวรรค์เพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่ง

ในเมื่อซินแสเฒ่าก็เคยพูดถึงวิธีหลอมเม็ดโอสถบางอย่าง

หากหลอมยาได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าตัวเขาก็สามารถลองด้านนี้ดูได้หรอกหรือ?

ก้นบึ้งดวงตาของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ฉายแววโมโหพาดผ่าน

หลี่มู่เดาไม่ผิด ‘โอสถหมื่นโลหิต’ มีข้อบกพร่องจริงๆ

เขาได้ ‘โอสถหมื่นโลหิต’ มาระยะหนึ่งแล้ว เหตุที่ไม่ได้กินทะลวงขั้นมาโดยตลอดก็เพราะถึงยาเม็ดนี้จะมีสรรพคุณทรงพลัง มีพลังชีวิตมหาศาล แต่ยาที่หลอมขึ้นจากเลือดจากหัวใจของผู้บริสุทธิ์หมื่นคน ข้างในมีคำสาปและความพยาบาทของสรรพชีวิตก่อนตาย หล่อหลอมได้ยาก ทำให้หลังจากที่กินยานี้เข้าไปแล้วจะเกิดผลข้างเคียงรุนแรง

ผลข้างเคียงนี้แสนสาหัสนัก…

ถึงแม้จะช่วยให้เขาทะลวงเข้าขั้นฟ้าประทานได้ แต่กลับทำให้หลังจากที่ก้าวเข้าสู้ขั้นฟ้าประทานแล้วศักยภาพน้อยมาก ขีดจำกัดต่ำ กระทั่งชั่วชีวิตยากจะทะลวงสู่ขั้นเหนือมนุษย์ได้ เท่ากับว่าเมื่อก้าวเข้าไปแล้วก็หมดสิ้นอนาคต

ดังนั้น ก่อนหน้านี้ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์จึงลังเลมาตลอด

อายุขัยของเขาไม่มาก ติดอยู่ที่ด่านสุดท้ายของขั้นฟ้าประทาน จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจอาศัยพลังฝึกของตัวเองก้าวไปอีกขั้นได้ ถึงขนาดต้องอาศัยเลือดของสาวพรหมจรรย์มาชะลอความแก่ชราของตัวเอง แต่การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับดื่มพิษแก้กระหาย ในใจของเขาก็รู้อย่างชัดแจ้งว่าอาศัยตัวเองทะลวงขั้นเองน่าจะไม่มีหวัง แต่ยังรู้สึกโชคดีอยู่บ้าง…

ทว่าศึกบนลานประลองวันนี้ แรกเริ่มเขาดูถูกหลี่มู่ เดิมทีคิดว่าขั้นปรมาจารย์สุดสูงรุ่นอาวุโสของตนสามารถบดขยี้เด็กหนุ่มได้อย่างสบายๆ ใครจะรู้ว่า…

ถูกบีบบังคับจนไม่มีทางให้ถอย ทำให้เขาตัดสินใจกลืนกินยานี้ ก้าวเข้าสู่ขั้นฟ้าประทานก่อนแล้วค่อยว่ากัน

“จะตายอยู่แล้วยังอยากรู้อยากเห็นอยู่อีก” ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ถามหลี่มู่ แน่นอนว่าไม่รอให้ตอบ แสงเพลิงทั่วร่างกะพริบวาบ อาการบาดเจ็บที่หมัดฟื้นตัวทันที ความเร็วในการสมานตัวไม่ด้อยไปกว่าหลี่มู่ก่อนหน้านี้เลย จากนั้นร่างเขาขยับไหว ลงมือก่อนทันใด

“ท่ากระบี่ทิ่มแทง!”

มือทั้งสองของเขาผลักออกข้างนอก แสงกระบี่วาววับพุ่งรวมออกมาจากฝ่ามือ

‘กระบี่สวรรค์สิบหกท่า’ ที่สำแดงในตอนนี้ แข็งแกร่งกว่ายามที่เป็นขั้นยอดปรมาจารย์ก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่เท่า

แสงกระบี่เหมือนจะฉีกทึ้งท้องฟ้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ เหมือนฉีกผ้า

“ฮ่าๆ นี่อับอายจนโมโหแล้วกระมัง?” หลี่มู่ไม่กริ่งเกรงแม้แต่น้อย ใช้วิชาหมัดชกออกไปเช่นกัน แต่วิชาที่กระตุ้นกลับเป็นแก่นแท้ของ ‘สัมผัสจิตดุจธนู’

ครืน!

ในอากาศ พลังปราณระเบิดออก ท่ามกลางกระแสปั่นป่วนราวมีเศษโลหะแตกกระจายอยู่ แต่แท้จริงแล้วเป็นภาพมายาที่เกิดจากระลอกคลื่นของแสงกระบี่และคมศรเท่านั้น

ครั้งนี้ หลี่มู่ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ถอยหลังไปสองก้าว

หมัดของทั้งสองฝ่ายต่างบาดเจ็บ

นี่หมายความว่าความต่างชั้นของพลังระหว่างทั้งสองคนกำลังลดลงด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา หลี่มู่อยากจะใช้พลังเข้าข่มล้วนๆ นั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว

“ฮ่าๆๆๆ…” ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์หัวเราะร่า “หลี่มู่ สัมผัสซะ นี่แหละคือความแตกต่าง เรื่องราวของยอดปรมาจารย์รุ่นเยาว์จะจบลงวันนี้แล้ว”

เขารู้สึกว่าสภาพร่างกายดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อลงมืออีกครั้ง ‘กระบี่สวรรค์สิบหกท่า’ ปั่นป่วนวายุและเมฆา หลังจากเข้าสู่ขั้นฟ้าประทานแล้วสำแดงกระบวนท่าเดิมอีกครั้ง พลานุภาพก็ต่างไปจากก่อนหน้านี้ ในท้องฟ้ามีปราณกระบี่กวาดซัด ต่างให้กำเนิดและทำลายกันและกัน ราวกับสายอัสนี และก็เหมือนลำแสง

หลี่มู่รวบรวมสมาธิ รับมือศัตรูเต็มกำลัง

ตูม ตูม ตูม!

เสียงระเบิดน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นไม่หยุดหย่อน

ในที่สุด ศึกใหญ่ของผู้แข็งแกร่งทั้งสองก็เข้าสู่ช่วงที่ร้อนแรงที่สุด

พลังที่เหมือนไม่ใช่มนุษย์ กลวิชาดั่งเทพเซียน ทำให้ผู้ชมการต่อสู้รอบๆ ตาลาย

ต่อให้เป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่บนเวทีชมการต่อสู้ก็ต้องตะลึงเพราะการต่อสู้เช่นนี้

ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ก้าวเข้าสู่ขั้นฟ้าประทาน เปลี่ยนโฉมใหม่ พลังแท้จริงยกระดับขึ้นหลายเท่า แต่พลังที่หลี่มู่สำแดงออกมาก็ทำให้พวกเขายากจะเชื่อได้ ใช้พลังของขั้นยอดปรมาจารย์ปะทะกับธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ที่เพิ่งก้าวสู่ขั้นฟ้าประทานซึ่งหน้า ความแข็งแกร่งทรงพลังเช่นนี้เกินขอบเขตกฎเกณฑ์ของทฤษฎีการฝึกยุทธ์บนโลกใบนี้ไปแล้ว

การต่อสู้เดือดพล่านร้อนแรง

อากาศเป็นหย่อมใหญ่ๆ ระเบิดกระจาย

กระแสลมปั่นป่วนพุ่งออกมาดุจกระจกโปร่งแสงที่แหลกละเอียด

คลื่นพลังน่าครั่นคร้ามทำลายเวทีประลองอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด ค่ายกลวิชาเวททที่ป้องกันเวทีแหลกทลายลงโดยสิ้นเชิง เวทีประลองหินปริแตกเป็นร่องไม่ขาดสาย ทั่วทั้งเวทีประลองส่งเสียงสนั่นหวั่นไหว ใกล้จะพังครืนลงมาอยู่รอมร่อ

“ถอยไป ทุกคนถอยไปเดี๋ยวนี้”

บนเวทีชมการต่อสู้ ไช่จือเจี๋ยและเหล่าทหารลุกขึ้นทันที ก่อนตะโกนสั่งเสียงดัง

ฝูงชนที่ชมการต่อสู้อยู่รอบเวทีประลองก็ตระหนักได้ว่าเหตุการณ์ไม่สู้ดีแล้ว

ค่ายกลบนเวทีประลองสะเทือนจนพังทลายไปแล้ว เพิ่มพลังป้องกันอีกยาก เวทีใกล้จะถล่มเต็มที ควันหลงจากพลังการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งทั้งสองขยายขอบเขตกินพื้นที่กว้างไปเรื่อยๆ หากยังอยู่ในรัศมีรอบเวทีประลองสามสิบสามจั้ง เกรงว่าคลื่นพลังจะแผ่ระลอกมาถึงในพริบตา ถึงตายก็ยังไม่รู้ว่าตายอย่างไร

ฝูงชนต่างถอยหลังไป แตกตื่นฮือฮายกใหญ่

ในชั่วพริบตา รอบเวทีประลองในระยะหกสิบหกจั้งกลายเป็นพื้นที่โล่งกว้าง

ต่อให้เป็นคนที่เชื่อมั่นในพลังของตนเพียงใดก็ไม่กล้าประมาทในเวลานี้ ถึงอย่างไรทั้งสองฝ่ายที่ประลองกันอยู่คนหนึ่งคือผู้แข็งแกร่งไร้พ่ายขั้นฟ้าประทาน อีกคนหนึ่งคือผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานขั้นยอดปรมาจารย์ นี่คือเทพเซียนประลองยุทธ์ หากไม่ระวังตัว คลื่นพลังเพียงสายเดียวก็อาจฉีกผู้แข็งแกร่งขั้นปรมาจารย์ออกเป็นชิ้นๆ ทันที

ตูม ตูม ตูม!

การปะทะอันบ้าคลั่งเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น

ทันใดนั้น…

“ฮ่าๆๆๆ ผู้เยาว์ที่โง่เขลา เจ้าติดกับข้าแล้ว ฮ่าๆๆ การใหญ่ของข้าสำเร็จแล้ว” เสียงระเบิดหัวเราะดังขึ้นมา ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ดีดตัวถอยหลัง ใบหน้าเผยความดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง ทิ้งระยะห่างและหยุดโจมตี

บนตัวเขามีบาดแผลส่วนหนึ่ง ล้วนแต่เป็นแผลจากวิชาธนูเพลงหมัดที่หลี่มู่โจมตีออกมา แต่เทียบกับยามที่ยังไม่ได้ก้าวสู่ขั้นฟ้าประทานก็ดีกว่ามาก หลังจากลำแสงดุจเปลวไฟหมุนวนทั่วร่าง บาดแผลทั้งหมดก็หายไปสิ้น

เทียบกันแล้ว สภาพของหลี่มู่ดูสะบักสะบอมกว่าเล็กน้อย

หลังจากไปถึงขั้นฟ้าประทานแล้ว อานุภาพ ‘กระบี่สวรรค์สิบหกท่า’ ของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น สามารถทำลายการป้องกันเนื้อหนังกล้ามเนื้อ ทำร้ายถึงอวัยวะภายในและกระดูกของเขาได้ ตอนนี้ บนแขนทั้งสองของหลี่มู่มีรอยราวกระบี่เชือดเฉือนหลายแผล เนื้อเหวอะหวะเห็นกระดูกขาวอยู่ข้างล่าง หน้าอกและหลังต่างมีบาดแผล เลือดชุ่มโชก

แต่ความคิดและสติของหลี่มู่ไม่ช้าลงเลยแม้แต่น้อย กลับกระปรี้กระเปร่าสดชื่น

โดยเฉพาะดวงตาสุกใสคู่นั้น ราวกับดวงดาวส่องกะพริบก็ไม่ปาน

เขาไม่ได้เสียดสีตอกกลับ แต่กลับจ้องธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์

เห็นร่างของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพิสดาร

เปลวไฟกำลังภายในที่ห่อหุ้มร่างเขาอย่างบ้าคลั่งค่อยๆ หดกลับเข้าไปในกายทั้งหมด สนามพลังเพลิงที่แน่นหนาราวไฟนรกก็หดหายไปทีละชุ่น ทำให้คนรู้สึกเหมือนพลังของเขากำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ร่างเงาของเขากลับชวนให้รู้สึกว่ารางเลือน เหมือนจะหลอมรวมเข้าไปในเส้นแสงสว่างรอบๆ

จอมยุทธ์ที่พลังแท้จริงล้ำลึก พลังจิตวิญญาณของพวกเขาสัมผัสผ่านไป เห็นอยู่ชัดๆ ว่าธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ยืนอยู่ที่เดิม แต่กลับเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ เป็นพื้นที่ว่างเปล่า

การเปลี่ยนแปลงประหลาดดำเนินต่อไป

ดวงตาของหลี่มู่ยิ่งวาววับ

เขาโคจรพลังจิตวิญญาณ เบิก ‘เนตรสวรรค์’ ที่อยู่ตรงหว่างคิ้วขึ้นเงียบๆ

อย่าเข้าใจผิดไป เขาไม่ได้พิศวาสร่างเปลือยเปล่าของผู้ชาย

เขามองทะลุผ่านเสื้อผ้าของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ โคจรพลังจิตวิญญาณรวมไปอย่างไม่เสียดายสิ่งใด จากนั้นก็มองผ่านเนื้อหนัง กระดูก มองทะลุร่างของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ และเห็นพลังงานประหลาดหลายกลุ่มก่อตัวอยู่ที่จุดตันเถียนของฝ่ายตรงข้าม กำเนิดและโคจรไปตามเส้นชีพจร ไหลไปตามแขนขาองคาพยพ…

‘เยี่ยมไปเลย นี่คือแก่นแท้ของขั้นฟ้าประทาน…’

ในดวงตาของหลี่มู่ประหนึ่งมีแสงดาวหมุนวน

ดวงตาที่สามตรงหน้าผากเขาดวงนั้นเปิดออกกว้างกว่าวันที่ชมการร่ายรำของฮวาเสี่ยงหรงในหอสดับเซียนเล็กน้อย ประมาณเส้นผมสองเส้น ดังนั้นจึงมองเห็นได้มากยิ่งขึ้น อานุภาพไม่ใช่แค่มองทะลุเสื้อผ้าหรือกำแพงแล้ว แต่สามารถสำรวจการโคจรของกำลังภายในได้ด้วย

นี่คือผลจากการฝึกฝนพลังให้มั่นคงที่ ‘เรือนซอมซ่อ’ ในตรอกไล่หมูวันสองวันมานี้ของเขา

ยาม ‘เนตรสวรรค์’ เปิดออกจะเงียบเชียบทั้งยังยากจะสัมผัสได้ จึงไม่มีใครสังเกตเห็นภาพนี้

ละอองหมอกสีขาวแปลกประหลาดที่ราวกับหมอกยามอรุณรุ่งในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงทะลักออกมาจากทุกรูขุมขนบนร่างของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์

กลิ่นอายประหลาดกลุ่มหนึ่งแผ่ซ่านออกมาจากในร่างของเขา

คล้ายเซียนแต่ไม่ใช่เซียน เหมือนกลิ่นอายที่จะหลุดพ้นจากโลกมนุษย์ และเพิกเฉยต่อเรื่องทางโลก

หลุดจากโซ่ตรวนของสิ่งที่ไม่ใช่ของตน เกิดการผลัดเนื้อเปลี่ยนกระดูกของขั้นฟ้าประทาน

ละอองหมอกขาวลอยขึ้นช้าๆ สุดท้ายก็มาถึงเหนือศีรษะของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ขึ้นไปสามฉื่อ หลอมรวมกันราวกับกลีบดอกไม้เบ่งบาน ก่อนจะบานออกช้าๆ กลายเป็นรูปร่างดอกไม้บานสะพรั่งสามดอก

สามดอกไม้รวมยอด

นี่คือสัญญาณของกำลังภายในที่ฝึกฝนจนถึงขั้นสุดยอดแล้ว

บนโลกก็มีคำกล่าวว่า ผู้ฝึกกำลังภายในเมื่อฝึกฝนจนถึงขีดสุดจะสามารถทำได้ถึงสามดอกไม้รวมยอด

‘เนตรสวรรค์’ ของหลี่มู่อยู่ในสภาพเปิดอยู่ตลอด มองเห็นการโคจรและการเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายภายในร่างของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ได้ชัดเป็นที่สุด

สำหรับเขานี่เป็นโอกาสเยี่ยมยอดหายากอย่างไม่ต้องสงสัย ได้เห็นการกำเนิดของผู้แข็งแกร่งไร้พ่ายขั้นฟ้าประทาน เห็นขั้นตอนการยกระดับจากพรแสวงสู่พรสวรรค์ได้ชัดเจน หลักการลึกซึ้งทั้งหมดปรากฏอยู่ในสายตา นี่เท่ากับได้สำรวจการเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์เลยทีเดียว

สุดท้าย หลังจากที่สามดอกไม้รวมยอดอยู่เหนือศีรษะของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์แล้ว ลำแสงแดงเพลิงวาววับกลุ่มหนึ่งกับดอกไม้สามดอกในอากาศก็พุ่งขึ้นมา

ลำแสงแดงเพลิงกลุ่มนี้ราวกับวัตถุของจริง ดั่งแสงยามบุกเบิกฟ้าดินครั้งแรก ทำให้คนไม่อาจจ้องมองได้

“พลังฟ้าประทาน!”

“ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ฝึกฝนได้พลังฟ้าประทานเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ”

“แย่แล้ว หลี่มู่จบเห่แล้ว ครั้งนี้ไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์อีกแล้ว พลังฟ้าประทานสามารถสังหารพลังที่มานะฝึกเองได้ในชั่วพริบตา”

“นั่นก็คือพลังฟ้าประทานในตำนานอย่างนั้นรึ?”

“มีพลังฟ้าประทานถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่งไร้พ่ายขั้นฟ้าประทานที่แท้จริง สามารถบดขยี้ขั้นต่ำกว่านี้ได้”

เสียงตื่นตะลึงฮือฮานับไม่ถ้วนดังมาจากเวทีชมการประลองที่เหล่าบุคคลผู้ยิ่งใหญ่อยู่กันอย่างแน่นขนัด

……………………

จอมศาสตราพลิกดารา

จอมศาสตราพลิกดารา

ตอนที่ 1 – 59 อ่านนิยาย

สำนักฝึกวิชายุทธ์ชั้นสูงบนกลุ่มดาวจื่อเวยได้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายมวลสารขนาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เพื่อให้สะดวกต่อการบุกเบิกดาราจักรทางใต้ของทางช้างเผือก

ชีพจรพลังเซียนของค่ายกลต้องตัดผ่านโลกมนุษย์พอดี หลังจากนี้อีกราว 20 ปี…โลกจะถูกทำลาย

หลี่มู่ เด็กหนุ่มกำพร้าผู้ปราดเปรื่อง

อาศัยอยู่กับซินแสเฒ่าสติไม่ดีที่วันๆ พร่ำเพ้อแต่การฝึกวิชา ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับโลกปัจจุบันนี้สักนิด

แต่แล้ววันหนึ่ง เขากลับถูกส่งไปยังโลกที่เต็มไปด้วยเคล็ดวิชาและยอดฝีมือ

กลายเป็นขุนนางเมืองบนดาวดวงนี้ ออกแรงแค่เล็กน้อยก็ส่งผลร้ายแรงมหาศาล

ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เขาจำต้องสวมบทบาทผู้นำ พร้อมหาวิถีทางกอบกู้โลกให้ทันกาล…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท