จอมศาสตราพลิกดารา – บทที่ 267 นายตรวจทิศพายัพ

บทที่ 267 นายตรวจทิศพายัพ
เรื่องที่ต้องออกจากตำแหน่งขุนนางเมืองขาวพิสุทธิ์หรือไม่ ในใจหลี่มู่จริงๆ แล้วไม่ได้ใส่ใจมากนัก
ช่วงที่เพิ่งมาถึงโลกนี้ เขาจับพลัดจับผลูมาเป็นขุนนางเมืองเพื่อปกป้องตัวเอง และนับว่าเก็บตัวเงียบตลอด แต่ตอนนี้ พลังแท้จริงของเขามากพอที่จะสยบทิศหนึ่งแล้ว จะเป็นขุนนางเมืองหรือไม่ สำหรับเขาแล้วอย่างไรก็ได้ สถานะขุนนางเมืองอย่างเดียวเพิ่มความสำเร็จให้เขาได้ไม่มากนัก และขั้วอำนาจต่างๆ ก็ไม่หวาดกลัวอะไรกับตำแหน่งนี้แน่นอน
หากเข้าร่วมสำนักตรวจการ และได้รับตำแหน่งภายในที่มั่นคงมาละก็ จะทำให้คนอื่นเกรงกลัวได้มากกว่าขุนนางเมืองแน่นอน
ทว่า เพียงแค่สวีเซิ่งเอ่ยขึ้นมา เขาจะว่าง่ายตอบรับทันทีก็คงไม่ได้
เป็นคนทั้งที มันก็ต้องโลภ…ไม่สิ ต้องสำรวมเสียหน่อย
หลี่มู่ทำทีเป็นลังเล คิดนั่นคิดนี่ ราวกับกำลังคิดเรื่องที่ยากจะตัดสินใจ
ใครจะคิดว่านิสัยอย่างสวีเซิ่ง กลับร้อนรนยิ่งกว่าที่หลี่มู่คิดเอาไว้ เขาเอ่ยขึ้น “เด็กน้อยอย่างเจ้ายังจะคิดอะไรอีกเล่า ขอแค่เจ้ารับปากข้ามา ข้ารับประกันได้ว่าจะได้เป็นขุนนางตรวจแถบพายัพของสำนักตรวจการแห่งจักรวรรดิ รวบอำนาจยุทธจักรทิศพายัพ คอยตรวจตราสำนักต่างๆ พวกสำนักต่ำกว่าระดับหก ขั้นต่ำกว่าฟ้าประทาน ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนหรือขั้วอำนาจใด ขอแค่ฝ่าฝืนกฎเหล็กแห่งจักรวรรดิ เจ้าล้วนลงโทษก่อนไต่สวนได้ทั้งสิ้น…”
หลี่กังที่อยู่อีกฝั่ง ตั้งแต่ต้นจนจบกลับนั่งฟังอย่างสงบ นิ่งขรึมไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลี่มู่เมื่อได้ยินดังนี้ ก็แอบสูดหายใจเฮือกเล็กน้อย
นายตรวจทิศพายัพแห่งสำนักตรวจการ?
ตาแก่นี่ก็กล้าพูดออกมาจริงแฮะ
ตำแหน่งนี้มันสูงไปหน่อยจริงๆ
หากเปลี่ยนเป็นคำพูดที่ชัดเจนกว่า ก็คือหัวหลักของพายัพยุทธจักรแห่งจักรวรรดิฉินตะวันตก ผู้นำยุทธจักรทิศพายัพนั่นละ
ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับการยอมรับจากทางการ ดูสมจริงกว่าผู้นำตามนิยายกำลังภายบนโลกที่ได้มาจากการแข่งขันคัดเลือกตั้งมากมาย
หลี่มู่ฟังถึงจุดนี้ ก็คิดจะรับข้อเสนอไว้แล้ว
สวีเซิ่งกลัวว่าหลี่มู่จะไม่รับปาก จึงพูดต่อว่า “อีกอย่าง หลังจากเข้าร่วมสำนักตรวจการ ข้อดียังมีมากจนเจ้าคิดไม่ถึง นิสัยชอบก่อเรื่องถือหางพวกอย่างเจ้า ต่อไปเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ทุกเดือนเจ้ายังจะได้รับเงินเดือนสูงที่เหมาะสมกับตำแหน่งฐานะ ไหนจะเรื่องคุณงามความดีน้อยใหญ่อีก อีกทั้งเจ้ายังแลกเปลี่ยนวิชาและวัตถุดิบสำหรับฝึกฝนในฐานหลักของสำนักตรวจการได้ด้วย ไม่ว่าเครือข่ายเส้นทาง ข้อมูลต่างๆ ทั้งจักรวรรดิของเรา เจ้าก็สามารถอ่านดูและใช้งานได้…กฎหมายจักรวรรดิไม่อาจทำอะไรเจ้า มีเพียงสำนักตรวจการร่วมกับราชสำนักเท่านั้นถึงจะจัดการเจ้าได้ ภายภาคหน้าการเข้าสู่สำนักเทพทุ่งปิดภูผา ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…”
หลี่มู่ฟังแล้วใจกระชุ่มกระชวย
ขาท่อนนี้ใหญ่โตนัก คุ้มค่าที่จะเข้าไปเกาะไว้
ข้อดีมากขนาดนี้ ไม่ว่าค่าตอบแทนหรือตำแหน่ง ก็สูงกว่าการกินเงินเดือนตำแหน่งขุนนางเมืองอย่างเดียวมาก
บนแผ่นดินใหญ่เสินโจว ไม่ว่าจะเป็นสามจักรวรรดิใหญ่ ที่ราบทุ่งหญ้า หรือดินแดนใต้สุด คำว่า ‘ความสะดวกสบาย’ สำคัญเป็นอย่างมาก มีอาจารย์ชื่อดังถึงจะได้รับการยอมรับ เช่นเดียวกับหลี่มู่ ก่อนหน้านี้สังหารผู้ตรวจสวี เล่นงานลู่หลีจื่อ แท้จริงแล้วถือเป็นเรื่องที่ผิดครรลองนัก หากไม่ใช่เพราะพลังของเขาเพิ่มขึ้นรวดเร็ว คงตายไปหมื่นรอบแล้ว
และเมื่อเป็นเช่นนี้ ทางสำนักตรวจการจึงส่งสวีเซิ่งมา หากไม่ใช่ตาเฒ่าสวีใช้ลูกไม้นิรโทษ หลี่มู่ก็คงจะคล้ายกับเคลียร์บอสในเกม คอยรับมือยอดฝีมือที่สำนักตรวจการส่งมาตลอด ท้ายสุดถ้าคนจากสำนักเทพเข้ามาร่วมด้วย ก็เป็นไปได้เช่นกัน
หลี่มู่ไม่ได้กลัวอะไร แต่รู้สึกว่าค่อนข้างยุ่งยาก
เพียงแต่เมื่อเข้าร่วมสำนักตรวจการแล้ว หากต้องออกจากอำเภอขาวพิสุทธิ์ไป หลี่มู่ก็ไม่ยินยอมอีกเหมือนกัน
เพราะเขาวางค่ายกลเอาไว้บนตำแหน่งที่ว่าการเดิมซึ่งอยู่สูงที่สุดของเมืองอำเภอแล้ว บ่มเพาะเอาไว้นานหลายเดือน ชัยภูมิสูงตรงนั้นอยู่กลางระหว่างเขา พลังวิญญาณเต็มเปี่ยม แทบจะกลายเป็นแดนเซียนแล้ว และยังเป็นสถานที่ที่ลงทุนลงแรงไปเยอะด้วย เทียบกับสภาพแวดล้อมเรือนซอมซ่อในตรอกไล่หมูแล้วสมบูรณ์กว่ามาก หลี่มู่คิดจะลงหลักปักฐานระยะยาวที่นี่
ท้ายที่สุด หลี่มู่จึงได้ข้อสรุปกับสวีเซิ่ง
หลี่มู่ตอบรับการเข้าร่วมสำนักตรวจการ แต่จะไม่ย้ายออกจากอำเภอขาวพิสุทธิ์
เรื่องจวนของขุนนางตรวจการ เขาจะเป็นคนจัดการเอง ที่อยู่กำหนดไว้ตำแหน่งเดิมของที่ว่าการอำเภอขาวพิสุทธิ์ ส่วนที่ว่าการจะต้องสร้างใหม่ขึ้นที่อื่นในเมืองแทน
แน่นอน ไม่ใช่ทุกอย่างจะมีอภิสิทธิ์ทั้งหมด หลี่มู่ยังต้องรับผิดชอบหน้าที่บางเรื่อง จำเป็นต้องทำภารกิจที่ทางสำนักตรวจการสาขาหลักสั่งลงมาให้เรียบร้อย ส่วนใหญ่จะเป็นการจับกุมพวกอันธพาลในยุทธจักรบางส่วน รวมถึงการรับมือสายหรือจอมยุทธ์จากจักรวรรดิศัตรู สำหรับหลี่มู่แล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องกดดันอะไร
เมื่อมีผลสรุปเช่นนี้ หลี่กังผู้มีอำนาจจัดการในเมืองฉางอันกลับไม่คัดค้าน
หลี่มู่เดาว่า น่าจะเพราะก่อนหน้าที่ตนเองจะมาศาลาว่าการ หลี่กังกับสวีเซิ่งคงตกลงบางอย่าง และคุยเรื่องเงื่อนไขไว้เรียบร้อยแล้ว หรืออาจเป็นไปได้ว่าสองคนนี้อยู่ในขั้วอำนาจเดียวกัน ดังนั้นจึงมีผลประโยชน์ร่วมกัน
“เอาละ เรื่องของข้าก็เรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆ ท่านเจ้าเมือง ที่เหลือท่านคุยกับเจ้าหนุ่มนี่แล้วกัน” สวีเซิ่งหัวเราะร่า เดินฉับไปนั่งลงข้างๆ สายตาจับจ้องหลี่มู่ ยิ่งมองยิ่งชื่นชม วางมาดเหมือนพ่อตาที่พอใจในตัวลูกสะใภ้มากขึ้นทุกที
หลี่กังยิ้มเล็กน้อย ผงกศีรษะ จากนั้นสายตาจึงหันมาที่ตัวหลี่มู่ “ข้าอยากสนทนากับอาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังของเจ้า”
หลี่มู่ตะลึง รู้ถึงเจตนาของหลี่กังทันที
นี่คือการเมินเฉยต่อสถานะของหลี่มู่ที่ยังไม่สูงพอ ดังนั้นจึงอยากพูดคุยกับคนที่คุยกันได้จริง อธิบายอ้อมๆ ได้ว่าหลี่กังคนนี้แผนสูงเหมือนกัน
หลี่มู่คอยปิดบังอำพรางกับโลกภายนอกตลอด เบื้องหลังของเขาแท้จริงแล้วมีอาจารย์ที่ทั้งยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งอยู่คนหนึ่ง อย่างตอนที่เป็นศิษย์พี่ต้วนสุ่ยหลิว ก็ทำเอาผู้คนมากมายหวาดผวาจริงๆ ในตอนแรกที่พลังหลี่มู่ยังไม่ถึงขั้น นี่เป็นการป้องกันตนเองวิธีหนึ่ง
แต่หลังจากที่พลังของเขาเพิ่มขึ้น เขาก็ไม่ได้ทำเรื่องเช่นนั้นมานานมากแล้ว
ทว่า หลี่กังอาจตรวจสอบมาพอประมาณ และเชื่อมั่นในเรื่องนี้มาก
เขาอยากพูดคุยกับอาจารย์คนที่ว่า ความเป็นไปได้เดียวคือ เขาคิดว่าหลี่มู่ที่จัดการขั้นเหนือมนุษย์ได้ยังไม่อยู่ในระดับที่จะพูดคุยกับตน หรืออาจให้ความช่วยเหลืออะไรตนไม่ได้มาก ไม่ก็เขาเข้าใจว่า ‘เทพสังหารผมสีชาด’ จางปู้เหล่าน่าจะถูกหลี่มู่ล่อออกไป จากนั้นจึงถูกอาจารย์ผู้แข็งแกร่งเบื้องหลังสังหารลง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลี่กังต้องการตกลงบางเรื่องกับขั้วอำนาจน่ากลัวที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้น หรืออาจจะต้องการสร้างความสัมพันธ์เอาไว้
ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นการคาดคะเนอย่างรวดเร็วของหลี่มู่
หลังจากนั้น เขาหัวเราะร่ากล่าว “อาจารย์ของข้ายังไม่อยากพบปะคนภายนอก ท่านอยากคุยอะไรกับเขา พูดกับข้าก็พอแล้ว” นี่เป็นเพราะเจ้าเมืองชายชั่วอย่างเจ้าคิดว่าข้ามีอาจารย์ ไม่ใช่ว่าข้าจงใจโน้มนำเจ้าหรอก
หลี่กังสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยกลับว่า “เจ้าเป็นตัวแทนอาจารย์ได้หรือ?”
หลี่มู่ผงกศีรษะอย่างมั่นใจ “แน่นอน”
“ทุกเรื่องเลย?”
“ได้ทุกเรื่อง”
หลี่กังเมื่อฟังแล้ว ใบหน้าก็เผยความแปลกใจ สายตาที่มองเปลี่ยนไป ไล่สำรวจตัวหลี่มู่ทั้งบนและล่าง ก่อนผงกศีรษะเอ่ย “กระทั่งเรื่องสังหารองค์ชายคนหนึ่งน่ะหรือ?”
หลี่มู่ใจสั่นวูบหนึ่ง
สังหารองค์ชาย?
……
ขณะเดินออกจากประตูที่ว่าการ หลี่มู่ยังมีสีหน้าแปลกประหลาดอยู่
นี่มัน…เป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ
“คุณชาย ตรวจสอบที่มาของคนที่ใช้ตราดัชนีทองได้แล้วหรือขอรับ?” เจิ้งฉุนเจี้ยนที่รออยู่ด้านนอกรีบเข้ามารับ
หลี่มู่ส่ายศีรษะ
เจิ้งฉุนเจี้ยนตกใจ รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
เดิมทีเขาเดาไว้ว่าครั้งนี้หลี่มู่น่าจะได้รับคำตอบที่ต้องการ เพราะจากข่าวคราวของที่ปรึกษาเถียน ใต้เท้าเจ้าเมืองและท่านหลี่มู่สองคนคุยกันที่ห้องโถงนานกว่าครึ่งชั่วยาม ดูแล้วน่าจะเป็นไปได้ด้วยดี เพราะคนอย่างท่านเจ้าเมือง แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ยอมเสียเวลากับเรื่องไร้สาระอยู่แล้ว
แต่คำตอบของหลี่มู่ทำเขาตกใจมาก
“หรือว่าใต้เท้าเจ้าเมือง จะไม่ยินยอม…” เจิ้งฉุนเจี้ยนลองถามหยั่งเชิง
หลี่มู่ส่ายศีรษะ ตอบว่า “ไม่ใช่ การใช้งาน ‘กระจกสยบฟ้า’ จำเป็นต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง พรุ่งนี้ถึงจะได้คำตอบท้ายสุด”
เจิ้งฉุนเจี้ยนถอนใจโล่งอก
“นี่คือความเคลื่อนไหวของกองกำลังคมโลหิตที่นอกเมืองและคำพูดบางส่วนของเมิ่งอู่เมื่อไม่กี่วันนี้ เขาเคยบอกไว้ว่าจะถล่มเรือนซอมซ่อขอรับ” เจิ้งฉุนเจี้ยนส่งรายงานข้อมูลให้อีก และเอ่ยต่อว่า “กองกำลังคมโลหิตเคยวางแผนจะเอากองทัพใหญ่เข้ามายังเมืองฉางอันถึงสามครั้ง แต่ท่านเจ้าเมืองสั่งคนไปขวางไว้ กระทั่งองค์ชายสองก็ยังมาที่ว่าการด้วยตนเอง และจะขอพบเจ้าเมืองด้วยเรื่องนี้ แต่ก็ถูกใต้เท้าปฏิเสธอ้อมๆ ไป”
หลี่มู่รับรายงานมา เมื่ออ่านเนื้อหาด้านในคร่าวๆ ในใจก็พอเข้าใจแล้ว
เหมือนกับที่หลี่กังพูดไว้ทีเดียว
คำพูดของหลี่กังคือ ‘เจ้าคิดว่าเมิ่งอู่หาวิธีรับมือกับเรือนซอมซ่อไม่ได้จริงหรือ? นั่นก็แค่เพราะกองทัพเขาถูกคนของข้าสกัดเอาไว้ที่นอกเมือง ไม่เช่นนั้น ทหารสามหมื่นนายของกองกำลังคมโลหิต พวกเขาถ่มน้ำลายคนละทีเจ้าก็จมหายไปแล้ว’
นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ไม่กี่วันนี้ เมิ่งอู่กับกองกำลังคมโลหิตของเขามาทำตัวท่าดีทีเหลว
หลี่มู่กลับมาที่ตรอกไล่หมูเพียงลำพัง
เรื่องที่ได้ยินในที่ว่าการประจำเมืองวันนี้ ทำเอาเขาตกใจเป็นพิเศษ
เจ้าเมืองขยะหลี่กัง กำลังเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ อยู่ในเมืองฉางอัน ราวกับจระเข้ยักษ์ดึกดำบรรพ์ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำ ไม่มีใครได้เห็นโฉมหน้าของมัน และยากจะรับรู้ถึงความน่ากลัวของสัตว์ยักษ์ใต้น้ำตัวนี้ ทว่า ตอนที่มันโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ จะต้องสร้างคลื่นยักษ์เทียมฟ้าอย่างแน่นอน
หลี่มู่รู้สึกว่า ตนเองในวันนี้นับว่าได้รู้จักกับเจ้าเมืองชายชั่วอย่างแท้จริงเสียที
ไม่สิ ต้องบอกว่าได้เห็นความทะเยอทะยานของเจ้าเมืองคนนี้เล็กน้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารข้อมูลของเจิ้งฉุนเจี้ยน หรือคำวิจารณ์ของคนทั่วไป เมื่อมาเทียบกับสิ่งที่หลี่มู่เห็นวันนี้แล้ว มันไม่เหมือนกันเลยสักนิด ไม่ต้องสงสัยเลย นี่คือคนที่ทำให้หลี่มู่รู้สึกกลัวอย่างแท้จริงหลังจากมาถึงเมืองนี้ ไม่เหมือนกับจางปู้เหล่าที่เอะอะก็ใช้อำนาจบีบบังคับคน ความน่ากลัวของหลี่กังกลับเป็นความสงบเสงี่ยม สุขุมลุ่มลึก
บุคคลที่เป็นเจ้าของเมืองฉางอันทั้งหมดคนนี้ ในช่วงเวลายาวนานที่ผ่านมา เขาสงบเสงี่ยมราวกับไม่มีตัวตนอยู่ จนกระทั่งคนส่วนใหญ่มองข้ามเขาไปจากจิตใต้สำนึกแล้วด้วยซ้ำ
ด้านในเรือนซอมซ่อ หลี่มู่ตรวจดูความก้าวหน้าการฝึกฝนของพวกซ่างกวนอวี่ถิงแล้ว จึงกลับไปยังห้องฝึกลับของตน แล้วเริ่มทำความเข้าใจข้อมูลที่ได้รับมาวันนี้ สวีเซิ่งมอบทรัพยากรในการฝึกฝนบางอย่าง ตัวยา รวมถึงวิชาบางส่วนให้เขา ถือเป็นการ ‘จ่ายล่วงหน้า’ ให้กับการตอบรับคำเชิญ แต่ในสิ่งของเหล่านี้ กลับไม่มีวิธีหลอมอาวุธที่หลี่มู่ต้องการมากที่สุด
หลี่มู่ต้องรีบหลอมดาบวัฏจักรขึ้นมาใหม่โดยเร็วที่สุด
จากแนวคิดที่ได้ในช่วงนี้ ในใจเขามีความคิดที่แปลกไม่เหมือนใครเรียบร้อยแล้ว
……………
จอมศาสตราพลิกดารา

จอมศาสตราพลิกดารา

ตอนที่ 1 – 59 อ่านนิยาย

สำนักฝึกวิชายุทธ์ชั้นสูงบนกลุ่มดาวจื่อเวยได้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายมวลสารขนาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เพื่อให้สะดวกต่อการบุกเบิกดาราจักรทางใต้ของทางช้างเผือก

ชีพจรพลังเซียนของค่ายกลต้องตัดผ่านโลกมนุษย์พอดี หลังจากนี้อีกราว 20 ปี…โลกจะถูกทำลาย

หลี่มู่ เด็กหนุ่มกำพร้าผู้ปราดเปรื่อง

อาศัยอยู่กับซินแสเฒ่าสติไม่ดีที่วันๆ พร่ำเพ้อแต่การฝึกวิชา ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับโลกปัจจุบันนี้สักนิด

แต่แล้ววันหนึ่ง เขากลับถูกส่งไปยังโลกที่เต็มไปด้วยเคล็ดวิชาและยอดฝีมือ

กลายเป็นขุนนางเมืองบนดาวดวงนี้ ออกแรงแค่เล็กน้อยก็ส่งผลร้ายแรงมหาศาล

ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เขาจำต้องสวมบทบาทผู้นำ พร้อมหาวิถีทางกอบกู้โลกให้ทันกาล…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท