หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1003

ตอนที่ 1003

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1003 เก็บเกี่ยว
ในมิติเหลื่อมซ้อน

เส้นแสงนับไม่ถ้วนบินฉวัดเฉวียน แก่นหยดสายฟ้ากะพริบวูบไหวด้วยแสงสีเงิน เสียงฟ้าร้องดังก้อง

ฟิ้ว!

บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเส้นแสง ร่างทั้งห้าเดินทางอย่างรวดเร็ว แรงดูดทรงพลังระเบิดจากพวกเขาแต่ละคนดึงเส้นแสงใกล้เคียงเข้าไป

ปัง! ปัง!

เมื่อเส้นแสงพุ่งเข้ามาปะทะ ความเจ็บปวดมหาศาลก็ตีขึ้น เสียงโหยหวนดังก้องไปทั่ว แต่ละเสียงช่างเศร้าสลด ทำให้ทั่วมิติดูน่าขนลุกยิ่งนัก ทำให้เลือดของคนฟังเย็นเยือกลง

แต่ที่เบื้องหน้าของร่างแสง มู่เฉินซึ่งเป็นผู้นำนั่งเงียบๆ บนเบาะสายฟ้า แรงดูดที่ระเบิดออกมาจากร่างทรงพลังที่สุด ดังนั้นเส้นแสงที่เขาดึงเข้ามาก็มากที่สุดในหมู่ทั้งห้าคนด้วย

ด้วยลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่ปกป้องร่างกาย เขาจึงไม่ได้กังวลมากเหมือนกับหานซัน จงเถิง มั่วเฟิงและสีคุน ไม่ว่าอย่างไรให้เขาได้เพลิดเพลินกับสิ่งนี้เสียก่อน

ปุ! ปุ!

เส้นแสงหลายสายพุ่งเข้าใส่แล้วยิงเข้าสู่ร่างกาย เมื่อแก่นสายฟ้าเข้ามาเขาก็ถูกความเจ็บปวดรุนแรงเล่นงานไปทั่ว ร่างกายถูกปกคลุมด้วยเลือด จากหัวจรดเท้าไม่มีชิ้นเนื้อดีเลย เขาดูขาดวิ่นมองไม่เห็นรูปลักษณ์ได้

ขณะที่ร่างกายถูกเฉือนทำลาย ลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบนแขนก็กะพริบวูบไหวด้วยสีม่วงทอง ราวกับว่าพวกมันมีความสุขและเขมือบพลังงานของแก่นสายฟ้าที่เข้ามาในร่างกายของมู่เฉินอย่างไม่เคยอิ่ม ในเวลาเดียวกันเทพอสูรทั้งสองยังส่งเสียงคำราม ซึ่งช่วยบรรเทาความเจ็บปวดรุนแรงของมู่เฉิน

ทว่าแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากลวดลายเทพอสูรทั้งสอง มู่เฉินก็ยังคงถูกทรมานด้วยความเจ็บปวดรุนแรงจนถึงจุดที่เขาวิงเวียน ได้แต่พึ่งพาสัญชาตญาณและความมุ่งมั่นในการดึงเส้นแสงเข้ามาหา

ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วในการดูดของเขายังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายทุกเส้นแสงที่วิ่งผ่านเขาก็จะถูกดูดเข้าไปทั้งหมด

การดูดกลืนอย่างบ้าคลั่งของเขา ทำให้สี่คนที่อยู่ไกลออกไปหนังหัวชาหนึบ เมื่อมองไปที่ร่างที่ปกคลุมด้วยเลือดและแก่นสายฟ้า พวกเขาต่างก็รู้สึกหวาดกลัวในหัวใจ

ชายคนนี้เป็นคนบ้าชัดๆ!

แม้พวกเขาจะมีร่างกายเทพอสูรก็ยังไม่กล้าที่จะดูดซับด้วยวิธีนี้ แต่ในฐานะมนุษย์มู่เฉินกลับประสบความสำเร็จ เมื่อเห็นการกระทำของเขา คนอื่นๆ ก็อดสงสัยตัวเองไม่ได้…

ตกลงใครกันแน่ที่เป็นเทพอสูร?

คนอื่นเหลือบตามองในระยะไกล ขณะนี้พวกเขาเข้าใกล้รัศมีแสงมากขึ้นแล้ว ยามนี้พวกเขาเดินทางมาได้เกินครึ่งทาง ดังนั้นคงอีกไม่นานพวกเขาก็จะเข้าสู่ชั้นสี่ของเจดีย์ ในเวลานั้นโอกาสสำหรับการชำระล้างร่างกายก็จะหายไปเช่นกัน

แต่ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าโอกาสเหลืออีกไม่มาก แต่ทั้งสี่ก็ส่ายหัวค่อยๆ ลดอัตราการดูดลง นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้สึกได้ว่าร่างกายของพวกเขาเริ่มไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากการชำระล้างนี้ได้แล้ว

หากพวกเขาฝืนทำก็อาจทำลายร่างแทน ซึ่งผลกำไรนี้จะไม่ชดเชยกับความสูญเสียเลย

สำหรับมู่เฉิน…เขาคงมีวิธีพิเศษบางอย่าง มิฉะนั้นเขาไม่มีทางบ้าคลั่งถึงระดับนี้แน่นอน

“สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อเขาจริงๆ!”

ใบหน้าของจงเถิงมืดครึ้มลง เพราะเขาตระหนักได้ว่ามู่เฉินคนที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกลับแซงหน้าเขาไปครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากเข้ามาในเจดีย์ฝึกพลังกาย ทำให้เขาได้แต่อ้าปากกินฝุ่น

“ในชั้นสี่ข้าต้องหาวิธีกำจัดมันให้ได้” จิตสังหารเพิ่มขึ้นในหัวใจของจงเถิง มู่เฉินได้รับผลประโยชน์มากเกินไปแล้ว ถ้ายังปล่อยดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มู่เฉินอาจจะได้รับอาวุธเทพไป ถึงตอนนั้นกระทั่งเขาก็คงต้องหลบหนีไป

ขณะที่จิตสังหารพุ่งทะยานขึ้นในหัวใจจงเถิง เบาะสายฟ้าทั้งห้าก็ยังคงเดินทางต่อไป แต่คราวนี้ความเร็วในการดึงเส้นแสงของคนอื่นๆ เริ่มลดลง โดยที่มู่เฉินบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเขาต้องการได้รับแก่นสายฟ้าทั้งหมดของมิตินี้

ดวงตาของทั้งสี่คนแดงก่ำจากการมอง ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจหลับตาให้รู้แล้วรู้รอด สิ่งที่ตาไม่เห็นก็ทำให้หัวใจไม่โศกเศร้า

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในลักษณะแบบนี้ พักใหญ่คนอื่นๆ ก็รู้สึกถึงบางสิ่งจึงลืมตาขึ้นมา ที่เบื้องหน้าพวกเขารัศมีทรงกลดของเจดีย์ฝึกพลังกายชั้นสี่ปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น เส้นแสงก็ลดลงไปเช่นกัน

พวกเขาหันหัวกลับไปมองเส้นแสงที่ค่อยๆ ถอยห่างออกไป ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความเสียดาย ทว่าพวกเขาไม่ได้เป็นจอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงถอนความเสียดายในใจทิ้งอย่างรวดเร็ว เริ่มตรวจสอบพัฒนาการในร่างกายของตนทันที

การตรวจสอบทำให้เกิดความปีติยินดีบนใบหน้าทุกคน เพราะพวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ไร้ขอบเขตในร่างกาย นอกจากนี้ร่างกายของพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นจากการชำระล้างนี้

การชำระล้างด้วยแก่นสายฟ้า ทำให้พวกเขาได้รับผลประโยชน์มากมาย

ขณะที่พวกเขามีความสุขจากพัฒนาการนี้ มู่เฉินที่นั่งอยู่บนเบาะสายฟ้าหน้าสุดก็เปิดดวงตาขึ้น เมื่อดวงตาเปิดออกร่างเขาก็เปล่งประกายแสงสีทองทันที

ขณะที่แสงสีทองพวยพุ่งขึ้น ร่างกายขาดวิ่นก็ฟื้นสภาพในทันที ลวดลายสีทองก่อตัวขึ้นบนผิวหนังของเขา ราวกับเกล็ดมังกรและขนหงส์ฟ้าซึ่งดูแปลกประหลาดอย่างมาก

เขาก้มศีรษะมองลงไปที่แขน ริ้วแสงสีม่วงทองของลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็ลึกล้ำยิ่งขึ้น มังกรแท้จริงยกกรงเล็บขึ้นซึ่งดูคมชัดกว่าเดิมปกคลุมไปด้วยแสงสีม่วงเปล่งรัศมีคมกริบไม่อาจอธิบายได้ ดูราวกับว่าสามารถทะลุผ่านมิติได้

ปีกหงส์ฟ้าแท้จริงที่ปรากฏก็ดูงดงามยิ่งนัก เมื่อกางออกก็ดูราวกับว่าสามารถบินได้หมื่นลี้ในพริบตา ครอบคลุมผืนฟ้าและผืนดิน…

โดยเฉพาะดวงตาของมังกรและหงส์ฟ้าเมื่อเปรียบเทียบกับรอยแยกเล็กๆ ก่อนหน้า ดวงตาของพวกมันเปิดเกือบจะถึงกึ่งหนึ่งแล้ว แสงสีทองที่อยู่ใต้เปลือกตาทำให้รู้สึกเคารพบูชา

เห็นได้ชัดว่ามังกรและหงส์ฟ้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากผ่านการชำระล้างแก่นสายฟ้านี้

เมื่อมู่เฉินสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะปลื้มปีติในหัวใจ ก่อนที่จะกำมือลงอย่างช้าๆ เมื่อนิ้วมือทั้งหมดกำเข้าหากัน ก็ดูเหมือนมีพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถทำลายภูเขาได้รวบรวมขึ้นอย่างรวดเร็ว

มู่เฉินเหวี่ยงกำปั้นออกเบาๆ โดยไม่มีแรงกระเพื่อม แต่เส้นทางของกำปั้นทำให้มิติเกิดการบิดเบี้ยว นี่เป็นพลังที่เขาพึ่งพาพลังกายเพียงอย่างเดียว เป็นหมัดที่สามารถบดขยี้ได้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหก

รอยยิ้มพึงพอใจเผยบนใบหน้าของมู่เฉิน ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ถูกทรมานอย่างเปล่าประโยชน์ ผลของการชำระล้างด้วยแก่นสายฟ้าแข็งแกร่งกว่าผลที่ได้จากสามชั้นแรกรวมกันเสียอีก

แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเขาผ่านประสบการณ์ทรมานร่างกายของแต่ละชั้นมาได้ บางทีแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงในตอนนี้ ก็คงยากสำหรับเขาที่จะทนรับความเจ็บปวดรุนแรงนี้ได้

หลังจากตรวจสอบพัฒนาการของตนเสร็จ มู่เฉินก็ยืนขึ้นบนเบาะมองไปที่วงแสงชั้นสี่

ไม่ไกลกันจากทางซ้ายและทางขวาทั้งสี่คนก็ตามมาทันพลางเลื่อนสายตามองไปที่มู่เฉิน แม้ว่าจะไม่มีสีหน้าท่าทางใดๆ แต่พวกเขาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยขึ้นในใจ

นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้สึกได้ว่ามู่เฉินอันตรายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มพูนขึ้นมากหลังผ่านการชำระล้าง

แสงเย็นเยือกวาบผ่านดวงตาของจงเถิง ดูเหมือนว่าพลังของมู่เฉินจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่เขาผ่านแต่ละชั้น เมื่อเขาเห็นมู่เฉินครั้งแรกก่อนที่จะเข้าสู่เจดีย์ฝึกพลังกาย แม้ว่ามู่เฉินจะมีความสามารถบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา

แต่ใครจะคิดว่าหลังจากผ่านมาสามชั้น มู่เฉินกลับทำให้เขารู้สึกอันตรายขึ้นทีละน้อย…ละน้อย พัฒนาการที่มีน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

“ต้องหาโอกาสกำจัดเสี้ยนหนามนี้ให้ได้!”

จงเถิงกัดฟัน จิตสังหารในใจก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น

มู่เฉินยืนอยู่บนเบาะสายฟ้าก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหาร เขาเหลือบมองจงเถิงที่มีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเขาเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกเล็กน้อยเช่นกัน จงเถิงสร้างปัญหาให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า ดูเหมือนเขาจะต้องหาโอกาสลงมือจัดการอีกฝ่ายแล้ว

หากเขาต้องการกำจัดศัตรูประเภทนี้ ก็ต้องจัดการให้หมดจด

ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา เมื่อเปรียบเทียบกับโอกาสในเจดีย์ฝึกพลังกาย จงเถิงเป็นเรื่องที่ไม่ควรยกขึ้นมาพิจารณา ซึ่งชัดเจนว่ามู่เฉินแยกปัจจัยนี้ออกได้

ขณะที่ความคิดวนเวียนอยู่ในใจของมู่เฉิน สายตาของหานซันก็ร้อนระอุขึ้น เมื่อเขามองไปที่รัศมีแสงที่เชื่อมโยงไปยังชั้นสี่ ก่อนที่ร่างจะทะยานหายเข้าไปในรัศมีแสง

หลังจากนั้นอีกสามคนก็ตามไปอย่างกระชั้น ขณะที่พุ่งเข้าไปในรัศมีแสง

เมื่อมองไปที่ร่างเงาที่หายไป มู่เฉินก็ยิ้มบาง ความคาดหวังกะพริบในดวงตา เขาได้รับประโยชน์มากมายจากสามชั้นแรกแล้ว ไม่รู้ว่าในชั้นสี่จะมีการทดสอบประเภทใดรอเขาอยู่

มู่เฉินถูแขนตนเองเบาๆ หากเขายังมีความลังเลใจเกี่ยวกับกายามังกรหงส์ที่จะถึงขั้นสองก่อนหน้า ตอนนี้เขาก็มั่นใจแน่นอนแล้ว

ตราบใดที่เขาบรรลุคัมภีร์หลงเฟิ่ง คนอย่างจงเถิงก็ไม่เป็นภัยคุกคามในสายตาอีกต่อไป ในเวลานั้นการกำจัดจงเถิงก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

เพียงแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มู่เฉินก็ยิ้มบาง จากนั้นเท้าแตะลงบนเบาะส่งแรงทะยานออกไปราวกับกระเรียนยักษ์ เข้าใกล้รัศมีทรงกลดชั้นสี่ของเจดีย์ฝึกพลังกายโบราณ

เจดีย์ฝึกพลังกายชั้นสี่ หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท