หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1017

ตอนที่ 1017

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1017 เร่งรุดเดินทาง
ข้อเสนอของหานซัน มู่เฉินไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ

ไม่ต้องพูดถึงว่าอสูรโบราณโภคะล่อลวงแค่ไหน เพียงแค่เบาะแสเกี่ยวกับวิหคอมตะโบราณในสุสานหมื่นอสูรอย่างเดียวก็มีค่าพอที่จะเสี่ยงแล้ว

นั่นเป็นเพราะเป้าหมายหลักของเขาในการมาในดินแดนเสินโซ่ก็คือการช่วยจิ่วโยวให้ได้รับเลือดศักดิ์สิทธิ์ของวิหคอมตะโบราณ เพื่อทำให้สายเลือดของนางสมบูรณ์และกำจัดข้อเสียที่ได้จากพันธะโลหิตให้หมดสิ้น

ดินแดนเสินโซ่มีพื้นที่ใหญ่โตมโหฬารแฝงด้วยอันตรายทุกรูปแบบ ความต้องการที่จะพบร่องรอยของวิหคอมตะโบราณก็เหมือนการค้นหาเข็มในมหาสมุทร ดังนั้นในเมื่อมีเบาะแสขึ้นมาในตอนนี้ พวกเขาก็ไม่คิดจะปล่อยมันไป

ดังนั้นมู่เฉินและจิ่วโยวจึงไม่ได้ลังเลอะไรมากกับคำชวนของหานซันตอบตกลงทันที

มั่วเฟิงและมั่วหลิงก็เห็นพ้องต้องกัน พวกเขามาที่ดินแดนเสินโซ่เพื่อแสวงหาโอกาสตั้งแต่ต้น แม้สุสานหมื่นอสูรจะอันตราย แต่ก็มีโอกาสยิ่งใหญ่ในนั้น

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็รีบเดินทางกันดีกว่า ที่นี่ห่างไกลจากสุสานหมื่นอสอูร จากการกะระยะของข้า เราต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าวันแม้ว่าจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเต็มพิกัดก็ตาม” เมื่อหานซันเห็นว่าพวกมู่เฉินตกลงร่วมมือ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็กว้างขึ้นจากนั้นก็โบกมือ ร่างเงาสามร่างพลิ้วตัวลงข้างเขา

ร่างพวกเขาปกคลุมด้วยเกราะหนักสีดำ รัศมีเหี้ยมหาญกระจายโดยรอบ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นจอมยุทธ์จากเผ่าแรดอสูร มีสองคนอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเจ็ด แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดก็อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นหกระยะปลายสุด ซึ่งนี่เป็นรูปแบบการรวมตัวที่ทรงพลังนัก

แม้ว่าจอมยุทธ์สามคนของเผ่าแรดอสูรจะห่อหุ้มไปด้วยรัศมีเหี้ยมหาญ แต่พวกเขาก็มีความสุภาพต่อพวกมู่เฉิน เห็นได้ชัดว่าการแสดงความแข็งแกร่งก่อนหน้าของมู่เฉินเอาชนะใจพวกเขาไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คัดค้านหานซันที่ขอความร่วมมือกับกลุ่มมู่เฉิน

ทั้งสี่พยักหน้าให้กับผู้มาใหม่ทั้งสามคน ตอนนี้มีเพียงคนไม่กี่คนอยู่ในซากปรักหักพังแห่งนี้ คนส่วนใหญ่จากไปแล้ว ส่วนเผ่าอีกาสายฟ้าก็พาลู่สุยที่ไม่รู้เป็นหรือตายออกไปตั้งแต่ตอนที่จงเถิงเผ่นหนีแล้ว

มู่เฉินไม่ได้หยุดพวกเขา แม้ว่าเผ่าอีกาสายฟ้าจะน่ารังเกียจ แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่เขาจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด นั่นเป็นเพราะถ้าเขาทำก็อาจทำให้เผ่าอีกาสายฟ้าไม่พอใจ ยังไงพวกเขาก็เป็นสัตว์อสูรที่มีชื่อเสียง ถ้าพวกเขาโกรธขึ้นมาละก็เป็นปัญหาใหญ่แน่

แน่นอนว่าถ้ามีใครบางคนแกว่งเท้าหาเสี้ยนแบบจงเถิง มู่เฉินอาจหาโอกาสฆ่าพวกเขาหากหลบหนีช้า

ดังนั้นตัวตลกอย่างลู่สุย ในเมื่อไม่สามารถคุกคามอะไรได้ เขาก็ขี้เกียจไปสนใจอะไรมาก

เมื่อทั้งสองกลุ่มรวมตัวกัน กลุ่มของพวกเขาก็มีประสิทธิภาพขึ้น มู่เฉินและหานซันไม่ได้ชักช้าอีกต่อไป ออกเดินทางทันทีหลังจากกำหนดทิศทางได้ พวกเขากลายเป็นร่างแสงแปดร่างทะยานออกจากเมืองร้างนี้ไป

เมื่อพวกเขาจากไป เมืองก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง มีเพียงเจดีย์หินโบราณที่ยังตั้งตระหง่าน เมื่อกาลเวลาผ่านไป ร่องรอยที่เหลือไว้บนพื้นผิวก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าครั้งหนึ่งที่นี่เคยรุ่งโรจน์

ขณะที่พวกมู่เฉินออกจากเมืองร้าง

มุ่งหน้าไปยังสุสานหมื่นอสูร ในอีกทิศทางหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป…

ฟิ้ว!

แสงสีทองส่งเสียงหวีดหวิวตกลงบนเนินเขาอย่างน่าสมเพช ในแสงสีทองมีร่างกระเรียนทองคำขนาดใหญ่เมื่อแสงทองแล่นพล่านออกไปก็กลายร่างกลับเป็นมนุษย์

นี่คือจงเถิงและพรรคพวกเผยตัวออกมาด้วยสีหน้าซีดเซียว

“พี่ใหญ่จงเถิง เจ้า…” ใบหน้าของหลิ่วชิงซีดเผือดเมื่อมองไปที่จงเถิง ขณะนี้ใบหน้าชายหนุ่มน่ากลัวอย่างยิ่ง แขนขวาถูกตัดออก เขาเอามืออีกข้างถือแขนขวาไว้ เลือดสดไหลนอง

แม้ว่าเขาจะตัดสินใจหนีอย่างเด็ดขาด แต่แขนเขาก็ยังถูกฟันด้วยกระบี่ของมู่เฉิน

“มู่เฉิน ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

จงเถิงจับแขนที่ขาดไว้ คำรามอย่างอาฆาตมาดร้าย จอมยุทธ์อัจฉริยะเผ่ากระเรียนฟ้าเช่นเขาตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเนื่องจากฝีมือของมนุษย์คนหนึ่ง มากจนถูกตัดแขนไปข้างหนึ่ง หากเรื่องนี้ถูกส่งกลับไปที่เผ่ายากที่จะจินตนาการว่าจะเกิดคลื่นสะท้อนยิ่งใหญ่เพียงใด

“พี่ใหญ่จงเถิง ตอนนี้เราจะทำยังไง?” จงฮั่วถามด้วยสีหน้าซีดขาว ด้วยการบาดเจ็บตอนนี้ของจงเถิง ทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาลดลงมาก หากไปแข่งขันเพื่อโอกาสกับกลุ่มอื่นๆ อีก พวกเขาอาจได้ทิ้งชีวิตไว้ในดินแดนเสินโซ่แห่งนี้เลยก็ได้

สายตาของจงเถิงดุร้าย พักใหญ่ก็หายใจเข้าลึกค่อยๆ สงบอารมณ์ลง พูดอย่างเย็นชาว่า “ไปหาเผ่าคุนเผิงก่อน ครั้งนี้จงชิงเฟิงก็เข้ามาในดินแดนเสินโซ่ในฐานะสมาชิกกลุ่มเผ่าคุนเผิง ถ้าได้รับความช่วยเหลือของเขา เราก็สามารถฆ่ามู่เฉินได้อย่างง่ายดาย!”

เมื่อชื่อจงชิงเฟิงดังขึ้น ดวงตาของหลิ่วชิงและจงฮั่วก็ลุกเป็นไฟ นั่นเพราะชื่อนี้เป็นตำนานมีชีวิตในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ของเผ่ากระเรียนฟ้า ตอนแรกคนผู้นี้ก็เป็นสมาชิกเผ่ากระเรียนฟ้า แต่เนื่องจากความสามารถที่ยอดเยี่ยมจึงไปถูกตาผู้อาวุโสเผ่าคุนเผิงรับเขาเป็นศิษย์และคัดเลือกเข้าสู่เผ่าคุนเผิง ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ในเผ่าคุนเผิงที่มีอัจฉริยะมากมาย เขาก็ยังถือว่าโดดเด่น พรสวรรค์และพลังของเขาเหนือกว่าจงเถิงเสียอีก!

ถ้าจงชิงเฟิงยอมช่วยพวกเขา มู่เฉินจะต้องถูกกระทืบจมดินแน่นอน

แค่คิดถึงภาพน่าเศร้าของมู่เฉินที่โดนกระทืบครั้งแล้วครั้งเล่า พวกหลิ่วชิงก็อดเป็นสุขจากการล้างแค้นไม่ได้ราวกับว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงแล้ว

ความมืดเยือนเข้ามาโอบล้อมพื้นดิน

ค่ำคืนในดินแดนเสินโซ่หนาวจัด กระทั่งฟ้าดินยังเต็มไปด้วยไอเย็นยะเยือก ซึ่งเกิดจากรัศมีความตาย มีจอมยุทธ์เผ่าเทพอสูรมากมายได้ทิ้งร่างไว้ที่นี่ ดังนั้นแม้เวลาจะผ่านไปนับหมื่นปี แต่ในค่ำคืนก็ยังถูกปนเปื้อนด้วยรัศมีความตาย ทำให้เย็นเยือกไปถึงแก่น

ดังนั้นโดยทั่วไปจึงไม่มีจอมยุทธ์คนไหนเลือกเดินทางในเวลากลางคืน พวกเขาจะมองหาสถานที่พักผ่อนเพื่อต่อต้านการรุกรานของรัศมีความตาย

บนภูเขาที่เคยสูงตระหง่าน แต่ตอนนี้พังทลายลงปรากฏถ้ำที่พร่างพราวด้วยแสงสว่างของเพลิงสีขาวนวล นี่เป็นเพลิงพิเศษชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถขับไล่รัศมีความตาย ทำให้ทั้งถ้ำเป็นอิสระจากสิ่งชั่วร้าย

ในถ้ำพวกมู่เฉินนั่งรอบกองไฟมองดูเพลิงสีขาวเต้นระริก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า กลุ่มหานซันเตรียมพร้อมมาก แม้แต่หินไฟชนิดพิเศษก็เตรียมมา ชัดว่าพวกเขาตั้งใจจะไปสุสานหมื่นอสูรมานานแล้ว

“จากความเร็วของเรา น่าจะใช้เวลาอีกสี่วันไปถึงสุสานหมื่นอสูร…”

ที่เบื้องหน้ากองไฟ หานซันพลิกนิ้วประกายไฟลุกโชนก่อตัวเป็นแผนที่ จากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังตำแหน่งหนึ่ง “อีกสองวันเราจะผ่านสถานที่นี่ซึ่งเป็นตลาดเสรี จะมีจอมยุทธ์จากเผ่าอื่นมารวมตัวกัน เราต้องไปเตรียมของบางอย่าง”

“นอกจากนี้…” หานซันมองมู่เฉินและจิ่วโยวแล้วยิ้ม “ที่นี่ก็มีของดีไม่น้อย หากมีโชค เราอาจจะได้รับบางอย่าง ข้าเคยได้ยินว่าในอดีตมีคนโง่ที่ไม่รู้มูลค่าของขายชิ้นส่วนวิทยายุทธระดับเสินทงไปให้คนอื่นในราคาต่ำ”

“ชิ้นส่วนของวิทยายุทธระดับเสินทง?”

มู่เฉินและจิ่วโยวอึ้งไปจากนั้นก็แอบเบ้ปาก เขาคนนั้นโง่จริงๆ แต่คำพูดของหานซันก็ทำให้พวกเขาสนใจมากขึ้น ดินแดนเสินโซ่กว้างใหญ่ไพศาลมีโอกาสมากมายซ่อนอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับโอกาส บางคนอาจมองไม่เห็นมูลค่าและนำสมบัติหายากนั้นมาขาย

“สำหรับสกุลเงินที่ใช้ก็คือของเหลวจื้อจุน แน่นอนว่าเจ้าสามารถใช้ของในการแลกเปลี่ยนได้” หานซันยิ้ม

มู่เฉินพยักหน้า เขาเพิ่งได้รับของเหลวจื้อจุนมาจากจงเถิงล้านหยด บวกกับที่มีอยู่แล้วเขาก็มีของเหลวจื้อจุนอยู่กับตัวเกือบสองล้านหยด หากพบของดีจริง เขาก็สามารถซื้อได้

“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ ทุกคนรีบพักกันเถอะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางตั้งแต่เช้า”

เมื่อหานซันบอกเล่าเกี่ยวกับตลาดเสรีเรียบร้อย เขาก็หยุดคุยแล้วหลับตาเข้าสู่สมาธิ

ที่ด้านข้างจิ่วโยว มั่วเฟิงและมั่วหลิงก็หาที่ทางเข้าสู่สมาธิด้วยเช่นกัน

มู่เฉินเปิดโพรงหินสร้างห้องเพื่อเพาะบ่มแยกออกไป เขานั่งลงแต่ไม่ได้เข้าสมาธิทันที เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ หลับตา

เมื่อหลับตาภาพทิวทัศน์ก็ปรากฏอยู่ในใจ ที่นี่เป็นสนามรบโบราณที่ไม่สามารถมองเห็นปลายเส้นขอบฟ้าได้ มีเพียงไอสังหารเชี่ยวกรากและกลิ่นอายความสิ้นหวังกระจายออกมา

ที่ใจกลางของสนามรบมีร่างเงาสีแดงเข้มยืนตระหง่านราวกับก้อนหิน เหมือนกับว่าต่อให้มีกองทัพและม้านับหมื่นแสนพุ่งเข้ามา ก็ไม่มีทางที่จะขยับเขยื้อนร่างกายของเขาได้

ดวงตาของมู่เฉินจับจ้องอยู่ที่ร่างสีแดงเข้ม ก็เห็นไอสังหารเชี่ยวกรากจากฟ้าดินค่อยๆ มารวมกันที่รอบตัวคนนั้น ทำให้เขาประหนึ่งเทพปีศาจเลยทีเดียว

เงาสีแดงเข้มเงยขึ้นอย่างช้าๆ เหมือนจะเหลือบมองมาที่มู่เฉิน ก่อนที่ไอสังหารจะก่อเป็นถ้อยคำสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนปรากฏบนท้องฟ้า

เมื่อมองไป หัวใจของมู่เฉินก็กระตุกแรง

กระบวนท่าแรกของหมัดปีศาจพลีชีพ—สังเวยปีศาจ!

แม้สุดท้ายมู่เฉินจะออกมาจากเจดีย์โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็แปลกที่ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินผ่านการทดสอบของชั้นห้า นั่นเป็นเพราะในมุมมองของพวกเขานี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย

ทว่าพวกเขาไม่เคยคิดว่าชั้นห้าไม่ใช่การทดสอบความแข็งแกร่ง แต่เป็นความกล้าหาญในการเสียสละตนเอง

มู่เฉินอดทนจนวินาทีสุดท้ายไปกับหมัดทำลายล้าง ดังนั้นเมื่อเขาเห็นว่าร่างกายถูกทำลายโดยหมัด เขาก็รู้ว่าการเดิมพันของตนเองประสบความสำเร็จแล้ว

เดิมพันนี้ก็คือวิทยายุทธระดับเสินทงที่ราชันสงครามโลหิตสร้างขึ้น!

หมัดปีศาจพลีชีพ!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท