หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1023

ตอนที่ 1023

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1023 เขาทรพีกับหัวใจสายฟ้า
หลังจากซื้อลูกผลึกแสงสามลูกมาแล้ว

มู่เฉินก็ไม่คิดที่จะเปิดทันที เพราะกลัวว่าเมื่อสมบัติเปิดออกมาจะไปดึงดูดความสนใจผู้คนอีก แม้ว่าเขาจะไม่กลัว แต่การมีปัญหาก็น่าปวดหัวไม่น้อย

นอกจากนี้เขาก็ไม่อยากให้คนขายรู้ว่าตัวเขามีวิธีพิเศษในการเปิดผนึก กลัวว่าอีกฝ่ายจะเกิดความคิดไม่ดีจนทำให้เกิดเหตุเปลี่ยนแปลง

ดังนั้นเขาจึงเก็บลูกผลึกแสงไปก่อน เขากวักมือให้หานซันและจิ่วโยวจากนั้นทั้งกลุ่มก็จากไปอย่างว่องไว ภายใต้สายตาเศร้าสลดของคนขายร่างผอม

“เราซื้อของที่ต้องการครบแล้ว… ต้องใช้เวลาอีกสองวันกว่าจะเดินทางไปถึงสุสานหมื่นอสูร นี่ก็เย็นมากแล้วข้าแนะนำให้พักที่นี่สักวันแล้วพรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ” เมื่อทั้งสองกลุ่มมารวมตัวกัน หานซันก็เอ่ยแนะนำ

มู่เฉินไม่ได้คัดค้านเพราะเขาต้องการสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อเปิดผนึกลูกผลึกแสงทั้งสามอยู่พอดี แม้ว่าตลาดเสรีจะเต็มไปด้วยผู้คน แต่ก็ยังปลอดภัยกว่าในป่า

เมื่อหานซันเห็นว่าไม่มีใครคัดค้านก็มุ่งหน้าไปทางตะวันตกของตลาดเสรี มีเจดีย์หินซึ่งบางส่วนถูกคนจองไว้แล้ว เห็นได้ชัดว่าที่นี่เป็นที่พักผ่อนของจอมยุทธ์เผ่าต่างๆ

พวกมู่เฉินมองหาเจดีย์ว่างแล้วเข้าไปพักที่ภายใน ทุกคนหลับตาเพื่อเข้าสู่สมาธิ ขณะที่มู่เฉินนั่งลงตรงมุมก็สะบัดแขนเสื้อ ลูกผลึกแสงสามลูกลอยคว้างอยู่ที่เบื้องหน้า

ลูกผลึกแสงทั้งสามถูกปกคลุมด้วยอักขระจางๆ ซึ่งน่าจะเป็นอักขระผนึก

ที่มุมหนึ่งจิ่วโยว มั่วเฟิงและมั่วหลิงก็มองลูกผลึกแสงทั้งสามด้วยความสนใจ พวกเขาอยากรู้เหมือนกันว่ามู่เฉินจะได้อะไรจากลูกผลึกแสงทั้งสามนี้?

ในเจดีย์หิน เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของมู่เฉิน แม้แต่หานซันก็มองมาด้วยความอยากรู้เช่นกัน เขารู้ว่าก่อนหน้ามู่เฉินเปิดผนึกชิ้นหนึ่งได้ทำให้ได้รับแก่นเพลิงหงส์ฟ้าจนไปดึงความสนใจจากฉื้อหงหวู่เข้า เขารู้สึกอิจฉาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากราคาของแก่นเพลิงหงส์ฟ้าเกินกว่าของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดที่จ่ายไปมากเลยทีเดียว

มู่เฉินไม่สนใจสายตาคนอื่น เขาหยิบลูกผลึกแสงมาลูกหนึ่ง จากนั้นก็บีบจนแตก ลูกแสงเย็นเยือกตกลงมาในมือ เขาเห็นว่าบนพื้นผิวมีอักขระสีแดงเข้มชัดเจน ความผันผวนที่ปล่อยออกมายังเหมือนกับลูกก่อนหน้า เห็นได้ชัดว่าถูกประทับไว้ด้วยอักขระของมหาเทพอสูรเช่นกัน

มู่เฉินครุ่นคิดสั้นๆ จากนั้นก็เริ่มทำงานจากด้านในอีกครั้ง เขาสร้างค่ายกลขนาดเล็กอันประณีตก่อนที่จะเทคลื่นพลังของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงลงไปภายใน ค่อยๆ กัดกร่อนผนึกที่สมบูรณ์แบบเพื่อจะแหวกช่องโหว่ออก

มู่เฉินหลับตาครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดขึ้น นั่นเพราะเขารู้สึกได้ถึงผนึกบนพื้นผิวของลูกผลึกแสงเริ่มมีช่องโหว่ให้เห็นแล้ว

เขาไม่ลังเลกำหมัดขึ้นทันใดนั้นก็ควบคุมคลื่นหลิงอัดเข้าไป ขณะเดียวกันพลังงานก็ระเบิดตัวผลึกจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ประกายแสงระยิบระยับกระจายออกไป

เมื่อแสงสลายลง ทุกคนหันไปมองก็เห็นแสงสีม่วงเข้มรวมตัวกันในฝ่ามือของมู่เฉิน แสงสีม่วงเข้มขยายตัวอย่างรวดเร็ว พริบตาก็เปลี่ยนเป็นชุดเกราะสีม่วงเข้มเพรียวบาง

ชุดเกราะะถูกแกะสลักด้วยลวดลายโบราณที่มีเงาภาพนูนสูงต่ำมากมาย กระจายด้วยความผันผวนที่ลึกซึ้ง มิหนำซ้ำยังปลดปล่อยคลื่นพลังน่าอัศจรรย์ออกมาเลือนรางด้วย

ชุดเกราะเพรียวบางพร้อมกับรูปร่างโค้งเว้าเห็นได้ชัดว่าเป็นของสตรี

มู่เฉินประหลาดใจไปเมื่อมองชุดเกราะสีม่วงเข้ม หลังจากเทคลื่นหลิงลงไป ระลอกคลื่นทรงพลังก็ระเบิดออก ก่อตัวเป็นชั้นป้องกันรอบตัวเกราะ

ตู้ม!

มู่เฉินกำหมัดชกลงบนเกราะอย่างหนักหน่วง ชั้นการป้องกันพังทลายลงทีละชั้น แต่ขณะเดียวกันพลังงานบนกำปั้นของมู่เฉินก็หมดลงเร็วเช่นกัน เมื่อกำปั้นแตะลงบนเกราะก็เพียงสร้างรอยตื้นเอาไว้แล้วก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว

“ช่างเป็นการป้องกันที่ทรงพลัง!”

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็หดดวงตาลง กำปั้นของเขาอาจดูบอบบาง แต่พลังที่ใส่ลงไปแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ตอนนี้ชุดเกราะกลับป้องกันการโจมตีของเขาได้อย่างสมบูรณ์

“ของดี นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพคลื่นหลิงด้วย…”

มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะชื่นชม ไม่เพียงแต่ชุดเกราะนี้มีความสามารถในการป้องกันที่ทรงพลัง แต่ยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพคลื่นหลิงจนทำให้ความแข็งแกร่งในการต่อสู้เพิ่มขึ้นด้วย

แค่สองอย่างนี้ก็ทำให้ชุดเกราะนี้เปรียบได้กับอาวุธพบสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็นวัตถุโดดเด่น ราคาสูงเกินกว่าของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดเช่นกัน

“ของดี!”

เมื่อหานซันเห็นสิ่งนี้ ดวงตาก็อดโชนแสงไม่ได้

มู่เฉินยิ้มแล้วสะบัดนิ้ว ชุดเกราะก็บินไปหาจิ่วโยว ในเมื่อชุดเกราะเป็นของสตรี ถ้าจิ่วโยวครอบครองละก็พลังในการต่อสู้ของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย

มองไปที่ชุดเกราะที่พุ่งมายังทิศที่นางอยู่ จิ่วโยวก็ตกตะลึงก่อนที่จะยิ้ม นางไม่ได้ปฏิเสธกลับเรียกเข้ามาด้วยการสะบัดมือก่อนที่ชุดเกราะจะลอยคว้างอยู่เบื้องหน้า นางเปิดริมฝีปากสีแดงชาดเล็กน้อย คลื่นหลิงก็พรั่งพรูออกมาชำระชุดเกราะอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถูกดึงเข้าสู่ร่างกายของนาง

มอบชุดเกราะให้แก่จิ่วโยวแล้ว มู่เฉินก็หันความสนใจไปที่ลูกผลึกแสงอีกสองลูก สุดท้ายผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาด มู่เฉินจัดการกับผนึกโบราณได้สำเร็จ

เมื่อเปิดผนึกเสร็จเรียบร้อย สมบัติที่ปรากฏขึ้นก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน

มีสมบัติสองอย่าง หนึ่งในนั้นเป็นเขาสีดำ รูปร่างโค้งเหมือนธนูที่เต็มไปด้วยรอยกะดำกะด่าง มิหนำซ้ำยังมีรัศมีเหี้ยมหาญน่าอัศจรรย์เปล่งออกมาอย่างคลุมเครือ

เมื่อมู่เฉินมองไปก็ต้องอึ้ง เพราะเขาพบว่าวัตถุนี้คล้ายคลึงกับเขาที่ปรากฏบนร่างเทพอสูรของหานซัน

ดังนั้นเขาจึงมองไปหานซันก็เห็นว่าจอมยุทธ์เผ่าแรดอสูรจ้องมองมาด้วยดวงตาแดงก่ำ… สายตาตกอยู่ที่เขาดำในมือ

“นี่คือเขาของเผ่าแรดอสูรเหรอ?” มู่เฉินค่อนข้างประหลาดใจขณะเอ่ยปากถาม

สายตาของหานซันยังยึดติดอยู่ที่เขาสีดำขณะหายใจหนักหน่วง “น่าจะเป็นของบรรพบุรุษของเผ่าแรดอสูร เขาทรพีของเผ่าพันธุ์ข้าเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดพร้อมด้วยรัศมีร้ายกาจที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเพาะบ่มของเผ่า แม้ว่าเขาชิ้นนี้จะสึกกร่อนจากกาลเวลา แต่ถ้านำติดตัวไปกับพวกข้าก็จะเร่งวิทยายุทธที่ฝึกฝนได้”

มู่เฉินเข้าใจแล้วว่าทำไมดวงตาของจอมยุทธ์เผ่าแรดอสูรถึงเปลี่ยนเป็นสีแดง ทว่าแม้วัตถุนี้จะช่วยในการเพาะบ่มพลังสำหรับเผ่าแรดอสูร แต่มันกลับไม่เป็นประโยชน์กับพวกมู่เฉินมากนัก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการรัศมีที่น่ากลัวแบบนี้

“พี่มู่…”

ลมหายใจของหานซันสงบลงพลางมองมาที่มู่เฉินอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่รู้ว่าเจ้าขายของนี่ให้พวกข้าได้ไหม?”

มู่เฉินเหลือบมองจิ่วโยวและมั่วเฟิง ทั้งคู่ต่างยักไหล่ วัตถุนี้เป็นสมบัติของเผ่าแรดอสูร แต่กลับไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงสำหรับพวกเขา ดังนั้นหากหานซันเสนอราคาที่เหมาะสม ขายให้พวกเขาก็ดี

เมื่อเห็นการตอบสนองของพวกเขา มู่เฉินก็ยิ้มโยนเขาสีดำไปทางหานซัน “ในเมื่อเป็นแบบนี้ พี่หานก็ให้ตามความเหมาะสมเถอะ”

เขาไม่ได้ยกให้เปล่าๆ เพราะหานซันเทียบกับความสัมพันธ์ของเขากับจิ่วโยวและมั่วเฟิงไม่ได้ ถ้าเขาให้ไปโดยไม่คิดราคาก็คงไม่เหมาะเท่าไร เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาในการแบ่งผลเก็บเกี่ยวที่ร่วมมือในอนาคต

หานซันรับเขาไปอย่างระมัดระวังและลูบราวกับว่าเป็นสมบัติล้ำค่า ก่อนที่จะเผยสีหน้าลึกซึ้ง เขาหันหลังกลับกระซิบกระซาบกับสหายข้างหลัง สุดท้ายก็โยนขวดหยกไปให้มู่เฉิน

“พี่มู่ เขาทรพีนี้ไร้ประโยชน์ต่อผู้อื่น แต่กลับเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับพวกข้า หากวางไว้ในโรงประมูลในมหาพันภพราคาอาจจะเกินสองล้านหยดของเหลวจื้อจุน”

หานซันทำท่าอายเล็กน้อยขณะที่พูดต่อ “แต่ตอนนี้พวกข้ามีของเหลวจื้อจุนที่ใช้ได้เพียงสองล้านหยด ซึ่งบรรจุอยู่ในขวดนี้ แบบนี้ที่จริงพวกข้าจะได้เปรียบไป…”

“สองล้านหยด?”

มู่เฉินอดตะลึงงันไม่ได้ จากนั้นเขาก็แอบเดาะลิ้น ตอนแรกเขาคิดว่าหากวัตถุนี้สามารถขายได้สักล้านหยดก็ดีเกินพออยู่แล้ว ไม่คิดว่าเขายังประเมินความสำคัญของสิ่งนี้ต่อเผ่าแรดอสูรต่ำไป

ของเหลวจื้อจุนสองล้านหยด ชดเชยค่าซื้อลูกผลึกแสงทั้งหมดของเขาเลยทีเดียว

“งั้นก็สองล้านหยดตามนี้”

มู่เฉินรับขวดหยกพลางยิ้มเรียบง่าย ราคาดังกล่าวเกินคาดเขาไปมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องต่อรองราคาที่เหลือให้มาก เพราะทั้งสองฝ่ายยังต้องร่วมมือกันอีก

หานซันพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง จอมยุทธ์เผ่าแรดอสูรก็จ้องมองด้วยความปรารถนาดี เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความรู้สึกที่ดีต่อมู่เฉินเพิ่มขึ้นมาก

หลังจากมู่เฉินเห็นพวกหานซันลูบเขาทรพีราวกับสมบัติล้ำค่า เขาก็ไม่ใส่ใจหันไปมองวัตถุชิ้นสุดท้าย…

วัตถุนี้มีสีเงินขนาดประมาณเท่ากำปั้นผิวหยาบ มองดูราวกับหัวใจ สามารถได้ยินเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องอย่างเลือนราง

มู่เฉินจ้องมองวัตถุนี้ สายตาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด นั่นเป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่าวัตถุนี้ดูเหมือนจะบรรจุพลังงานที่น่ากลัวและรุนแรง หากพลังงานระเบิดออกมาแม้แต่เขาก็อาจทนไม่ได้

“นี่คืออะไร?”

มู่เฉินมองไปที่พวกจิ่วโยวด้วยท่าทางสงสัย เห็นชัดว่าเขาไม่สามารถระบุได้ว่าวัตถุนี้คืออะไร

จิ่วโยวกับมั่วเฟิงขมวดคิ้วขณะที่ไตร่ตรองเกี่ยวกับสิ่งนี้ ไม่นานก็เป็นหานซันที่เงยหน้าขึ้นจากเขาทรพีอย่างอ้อยอิ่ง เขามองที่หัวใจสีเงินด้วยความประหลาดใจครุ่นคิดอยู่สั้นๆ ก่อนที่จะพูดว่า “ถ้าข้าเดาได้ถูกต้องวัตถุนี้น่าจะเป็นหัวใจพาฬกินสายฟ้า เป็นของหายากมากแม้แต่ในสมัยโบราณ…”

เมื่อได้ยินคำพูดนี่ ดวงตาของมู่เฉินก็หดลงประกายแสงวูบไหวในดวงตา

“หัวใจพาฬกินสายฟ้ารึ?”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท