หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1034 เจ็ดตะวัน-คทาขวางฟ้า
ตู้มมม!
เมื่อดวงตะวันดวงที่เจ็ดลุกโชนขึ้นจากหัวใจของร่างเทพสุริยะ ริ้วแสงที่ปรากฏก็ราวกับอัญมณี รัศมีลึกลับแผ่กำจายออกไปปกคลุมสวรรค์และโลก
เกลียวแสงนับไม่ถ้วนที่กระจายออกจากร่างเทพสุริยะพุ่งเข้าไปเขย่าสวรรค์ ทำให้มิติเกิดการบิดเบือน
มู่เฉินก็เงยหน้ามองดวงอาทิตย์ดวงที่เจ็ดในร่างเทพสุริยะ ความสุขกระจายเต็มใบหน้า เขาไม่คิดว่าความพยายามนี้จะประสบความสำเร็จจริงๆ
ด้วยพลังกาย เขาสามารถสร้างดวงอาทิตย์ที่ดวงเจ็ดได้ นำทักษะเทห์สวรรค์ของร่างเทพสุริยะเปิดเจ็ดตะวันออกมาใช้ได้!
ตอนแรกจากการประเมินของมู่เฉิน อย่างน้อยตัวเขาก็ต้องบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดให้ได้ก่อนที่จะปลดปล่อยดวงอาทิตย์ดวงที่เจ็ด แต่ไม่คิดว่าเมื่อกายามังกรหงส์บรรลุขั้นสอง พลังกายของเขาจะทะยานเกินกว่าพลังหลิง จนมีความสามารถในการปลดปล่อยดวงอาทิตย์ดวงที่เจ็ดได้
ฮา
เมื่อดวงอาทิตย์ดวงที่เจ็ดถูกปลดปล่อยออกมา มู่เฉินก็สูดหายลึกสุดปอดก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น กระแสคลื่นทองคำขยายอย่างรวดเร็วในม่านตา มองจากที่ไกลราวกับดาวหางสีทองที่พุ่งมาจากนอกโลก ซึ่งเต็มไปด้วยพลังงานการทำลายล้าง
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเต็มกำลังของจิงฉิงเทียน มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีก ตราประทับในมือเปลี่ยนแปลงเร็วรี่ ก่อนที่เสียงลึกต่ำจะก้องกังวานในหัวใจ “คลื่นเก้าตะวัน เปิดเจ็ดตะวัน”
ครืน!
ทันใดนั้นดวงตะวันทั้งเจ็ดก็ระเบิดขึ้นในร่างเทพสุริยะ สายธารสีทองกวาดออก ในเวลานี้ร่างเทพสุริยะราวกับมีรูปร่างแท้จริงเมื่อมองจากระยะไกล
สายธารสีทองไหลผ่านร่างเทพสุริยะ สุดท้ายก็มารวมตัวกันในมือก่อร่างเป็นคทาทองคำขนาดมหึมาที่ยากจะพรรณนา คทามีเก้าส่วน ทุกส่วนมีความยาวเก้าพันเก้าร้อยจั้ง เมื่อรวมทุกส่วนเข้าด้วยกันก็มีขนาดเกือบหมื่นจั้ง ประหนึ่งเสาหลักที่สามารถรองรับผืนฟ้า ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างสวรรค์และโลก
บนคทามีลวดลายนับไม่ถ้วนสลักอยู่ กำจายความผันผวนแปลกประหลาด ราวกับว่าท้องฟ้ายังถูกแยกออกเป็นสองส่วน
ร่างเทพสุริยะถือคทาทองคำในมือ จากนั้นก็เหวี่ยงใส่กระแสคลื่นสีทอง
“เปิดเจ็ดตะวัน คทาขวางฟ้า!”
เสียงต่ำลึกดังก้องกังวานในใจมู่เฉิน ขณะที่คทาทองคำขนาดมหึมาเหวี่ยงลงมา ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำมืด มีเพียงแสงสีทองคลี่กระจาย ราวกับว่าคทาบรรจุด้วยพลังน่าสะพรึงกลัวที่สามารถแบ่งแยกสวรรค์และโลกออกจากกันได้
เมื่อมู่เฉินโบกคทาออก ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน
แม้แต่จิงฉิงเทียนที่สงบสติไว้มั่น ดวงตาก็ยังหดเกร็ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะยังมีกระบวนท่าที่ทรงพลังเช่นนี้เหลืออยู่อีก
“บ้าเอ๊ย นั่นมันคัมภีร์เทพประเภทไหนกัน? ทำไมถึงทรงพลังขนาดนี้?!”
คลื่นโหมกระหน่ำไปทั่วหัวใจของจิงฉิงเทียน พลังของคทามู่เฉินไม่ได้ด้อยไปกว่าสามหมัดเทพของเขาเลย แต่หมัดเทพราชสีห์สามกลืนกินถือเป็นวิทยายุทธระดับเสินซู่ขั้นเต็มที่ดีที่สุดของเผ่าราชสีห์ทองคำ ยากสำหรับคนทั่วไปที่จะฝึกฝน แล้วมู่เฉินมีวิชาระดับคล้ายคลึงกันแบบนี้ได้อย่างไร?
ทว่าแม้หัวใจจะสั่นไหว แต่จิตสังหารในแววตาของจิงฉิงเทียนก็ยังข้นคลั่ก เขามีความมั่นใจมากกับวิชาของตนเอง เขาเชื่อว่าเมื่อพลังการทำลายล้างพุ่งเข้าโจมตี มู่เฉินก็จะตายคาที่แน่
“แกเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามจริงๆ แต่วันนี้ข้าคือผู้ชนะ!”
จิงฉิงเทียนแผดร้องในใจ จากนั้นกระแสคลื่นทองคำที่พุ่งทะลุขอบฟ้าก็ปะทะกับคทาทองคำขนาดใหญ่ที่มู่เฉินโบกสะบัดหนักหน่วงออกมา
จังหวะที่ปะทะกันชั้นฟ้าและชั้นดินก็แข็งตัว ทุกสรรพเสียงเงียบงัน ความสว่างและความมืดสลับไปมา แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือไม่มีเสียงระเบิดดังก้องจากการปะทะ ราวกับว่าแม้แต่เสียงก็ถูกกลืนหายโดยการปะทะของคลื่นหลิงยิ่งใหญ่
คทาทองคำมหึมาและกระแสคลื่นทองคำชนกันพร้อมกับมิติยุบตัวเป็นหย่อมๆ พลังงานที่น่ากลัวสองสายกัดกร่อนซึ่งกันและกันอย่างรุนแรง
เมื่อพลังงานพล่านไปถึงขีดสุด คลื่นพลังทั้งสองสายก็ไม่สามารถรักษาความสมดุลได้อีกต่อไป ดังนั้นพายุสีทองที่น่าสะพรึงกลัวจึงกวาดออกอย่างรุนแรง
ปัง!
พายุกวาดอาละวาดรุนแรง ส่งผลกระทบต่อท้องฟ้าในรัศมีหนึ่งพันลี้
ร่างของมู่เฉินและจิงฉิงเทียนเป็นคนแรกที่ได้รับผลกระทบ พวกเขากระเด็นออกไปพ่นเลือดเป็นสาย ทว่าโชคดีที่ทั้งสองคนตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่ละคนรีบเรียกร่างเทห์สวรรค์และร่างเทพอสูรออกมาป้องกันทันท่วงที
แต่ถึงอย่างนั้นร่างเทพของพวกเขาก็จางลงอย่างรวดเร็ว ชัดว่าไม่สามารถทนต่อคลื่นกระแทกที่น่ากลัวได้…
แคร็ก!
รอยแตกกระจายออกบนร่างเทพสุริยะ ก่อนที่จะระเบิดภายใต้สีหน้าเคร่งเครียดของมู่เฉิน ในเวลาเดียวกันราชสีห์ทองคำเก้าหัวก็เปล่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราดแล้วระเบิดเป็นแสงสีทอง
อ็อก!
ทั้งสองกระอักเลือดอีกคำ สภาพแต่ละคนดูน่าอนาถมาก
การปะทะกันทรงพลังสิ้นสุดลงที่จอมยุทธ์ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บตามกัน!
“มู่เฉิน…ขวางการทำลายล้างหมัดเทพราชสีห์สามกลืนกินได้รึ?” ฮั่วหยังตกตะลึงเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้านี้ ความหวาดผวาพลุ่งพล่านออกมาจากดวงตา กระบวนท่าของจิงฉิงเทียนเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุดยังยากที่จะแบกรับ แล้วมู่เฉินทำได้อย่างไรด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกที่มี?
ใบหน้าของจิงเลี่ยเขียวคล้ำ ซึ่งแฝงด้วยความตกตะลึงคลุมเครือ นั่นเป็นเพราะผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้เหนือการควบคุมของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ตั้งแต่เริ่มต้นพวกเขาไม่คิดเลยว่าจิงฉิงเทียนที่พวกเขามองว่าเป็นจอมยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดก็ยังถูกขัดขวางโดยมู่เฉินได้
จิงฉิงเทียนเป็นจอมยุทธ์ที่สามารถแข่งขันกับอัจฉริยะเทพอสูรชั้นยอดได้พอฟัดพอเหวี่ยงเลยนะ!
สายตาของจิงเลี่ยเปลี่ยนไป สุดท้ายก็สงบใจลงก่อนจะกัดฟัน แม้ว่าเขาจะตัดสินมู่เฉินผิดพลาด ปล่อยให้มู่เฉินสามารถพลิกสถานการณ์ได้ แต่ความแข็งแกร่งของทั้งสองกลุ่มยังเท่าเทียม ที่สุดแล้วกลุ่มของมู่เฉินก็ไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้
บนท้องฟ้าจิงฉิงเทียนค่อยๆ เช็ดรอยเลือดที่มุมปากออก สายตาจ้องเขม็งไปที่มู่เฉินด้วยจิตสังหารพลุ่งพล่านทั่วนัยน์ตา สถานการณ์ตอนนี้เกินความคาดหมายของเขามากเช่นกัน
พลังของมู่เฉินนั้นเหนือกว่าที่เขาคาดไว้ไปไกล
“แม้แต่หมัดเทพราชสีห์กลืนกินก็ไม่สามารถฆ่ามันได้…” ดวงตาของจิงฉิงเทียนแสดงความโหดเหี้ยม แต่ใบหน้าเคร่งเครียดล้นเหลือ จากการปะทะกันกระบวนท่าก่อน แม้ว่ามู่เฉินจะขัดขวางการโจมตีไว้ได้ แต่ก็น่าจะได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน ดังนั้นนี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการฆ่ามู่เฉิน!
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ไอสังหารก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสายตาของจิงฉิงเทียนทันที
ทว่าขณะที่ความตั้งใจฆ่าในดวงตาพุ่งสูงขึ้น มู่เฉินซึ่งอยู่ไกลออกไปก็สัมผัสได้จึงเงยหน้าขึ้น จากนั้นมุมโค้งเยือกเย็นก็ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
ฝ่าเท้ากระทืบลงไป เขาไม่สนใจแม้แต่จะเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก ร่างเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าหาจิงฉิงเทียนทันที
“รนหาที่ตาย!”
เมื่อจิงฉิงเทียนเห็นว่ามู่เฉินยังกล้าที่จะทะยานเข้าหา แววเหี้ยมโหดในสายตาก็หนาแน่นยิ่งขึ้น ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะพอใจกับผลลัพธ์นี้ นอกจากนี้มู่เฉินยังสามารถหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขที่จะแบ่งปันกันเรื่องสมบัติของอสูรโบราณโภคะ แต่ใครจะไปคิดว่าความทะเยอทะยานของอีกฝ่ายจะมากกว่านั้น มู่เฉินต้องการเอาชนะเขารึ? เพ้อฝันชัดๆ!
ฟิ้ว!
ขณะที่จิงฉิงเทียนแผดเสียงลั่น ร่างเงาของมู่เฉินก็พุ่งออกมามองไปที่จิงฉิงเทียนอย่างไม่แยแส ดวงตาพวยพุ่งด้วยไอสังหาร เขาวาดตราประทับด้วยมือเดียว เสียงคำรามลึกระเบิดออกมาจากหัวใจ “คัมภีร์เทพเส่อเซิน หมัดปีศาจพลีชีพ!”
ทันใดนั้นไอสังหารไม่มีที่สิ้นสุดก็กวาดออกมาจากภายในหัวใจมู่เฉิน ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะเดียวกันรัศมีน่ากลัวก็ระเบิดจากร่างราวกับกับพายุทอร์นาโด
รัศมีนี้น่าทึ่งมาก มีความตั้งใจที่จะเสียสละตนเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม
นี่คือการเอาชีวิตเข้าแลกอย่างแท้จริง!
ดวงตามู่เฉินเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขณะวาดหมัดออกไป ภายใต้หมัดไม่เหลือทางถอยให้ บีบตัวเองให้เข้าสู่เส้นทางมรณะอย่างแท้จริง!
เมื่อจิงฉิงเทียนเห็นการโจมตีของมู่เฉินที่สละชีวิตเพื่อจะทำลายของศัตรู ใบหน้าก็เปลี่ยนแปลงรุนแรง หัวใจของเขาสั่นคลอนเพราะไม่คิดว่ามู่เฉินจะเป็นคนโหดเหี้ยมเช่นนี้
ต่อให้ตัวเองต้องตาย ก็ต้องฆ่าเขาให้ได้!
มู่เฉินถึงกับยอมสละชีวิตเพื่อสมบัติของอสูรโบราณโภคะเลยเรอะ?
“ไอ้บ้า! วิกลจริต!”
จิงฉิงเทียนคำรามลั่นจากหัวใจ จิตวิญญาณการต่อสู้หดหายไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ต้องการที่จะตายที่นี่เพื่อสมบัติอสูรโบราณโภคะ เขาเป็นอัจฉริยะของเผ่าราชสีห์ทองคำที่มีอนาคตไกล จะมาตายที่นี่ได้ไง?
เมื่อจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เหือดหาย รัศมีของจิงฉิงเทียนก็ถูกกดทับลง เขารีบถอยหนีจ้าละหวั่นในสภาพน่าสมเพช
ดวงตาแดงก่ำของมู่เฉินมองไปที่จิงฉิงเทียนที่ถอยกรูดออกไป แสงก็พริบพราวในดวงตา รอยยิ้มเยาะเย้ยแขวนอยู่บนมุมปาก กระบวนท่าที่เขาใช้ไม่ใช่หมัดปีศาจของจริง นี่เป็นเพียงเจตจำนงเสียสละตนเองที่ได้มาจากการทำความเข้าใจในกระบวนการกระหายเลือด นั่นหมายความว่าขณะนี้กระบวนท่านี้เป็นเพียงหน้าฉากเท่านั้น!
แต่ในการต่อสู้บางครั้ง เมื่อรัศมีถูกกดทับ ผลลัพธ์ก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว!
ยามนี้จิตวิญญาณการต่อสู้จิงฉิงเทียนมอดไหม้ไปหมดแล้ว เขาไม่มีความสามารถที่จะสู้ได้อีกต่อไป
จิงฉิงเทียนก็รู้เรื่องนี้อย่างชัดเจนในหัวใจ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะถอยทันที ไม่เหลือความเฉียบคมในการเผชิญหน้ากับมู่เฉินต่อไป
ตู้ม!
มู่เฉินกระทืบเท้า ร่างทะยานไปอย่างลึกลับปรากฏตัวเบื้องหน้าจิงฉิงเทียนก่อนที่ชุดหมัดจะรัวออกมา เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังก้อง หมัดที่น่าสะพรึงกลัวทำลายแนวปกป้องคลื่นหลิง ซัดลงบนอกของจิงฉิงเทียนที่สูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้
ปัง! ปัง!
เสียงลึกต่ำดังขึ้น ใบหน้าของจิงฉิงเทียนก็ซีดเผือด เลือดกระอักออกมาไม่หยุด ร่างกระเด็นออกไปตกลงพื้นดินราวกับว่าวสายป่านขาด สร้างรอยลึกยาวพันจั้ง
ร่างจิงฉิงเทียนนอนพังพาบอยู่ในรอยลึก ทั่วตัวเต็มไปด้วยเลือดโดยที่คลื่นหลิงลดฮวบลง
มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้า สีแดงในดวงตาหายไปอย่างสมบูรณ์ ใบหน้าซีดลงเล็กน้อย แต่สายตายังคงความคมชัดขณะที่จ้องมองลงมาราวกับเหยี่ยว
เบื้องล่างตกอยู่ในความเงียบอย่างสมบูรณ์
ทุกคนมองจิงฉิงเทียนที่พ่ายแพ้สิ้นเชิงอย่างตะลึงงัน ใครจะคิดได้ว่าสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บจะถูกพลิกกลับด้วยรัศมีการเสียสละชีวิตของมู่เฉิน
ตอนนี้จิงฉิงเทียนบาดเจ็บหนักอย่างแท้จริง ไม่สามารถต่อสู้กับมู่เฉินได้อีก!
จิ่วโยวและหานซันอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ความสุขจะพล่านในนัยน์ตา
ส่วนจิงเลี่ยและฮั่วหยังมีสีหน้าซีดขาว พวกเขารู้สึกว่าร่างกายเย็นยะเยือก
พวกเขารู้ว่าในศึกแย่งชิงสมบัติอสูรโบราณโภคะครั้งนี้พวกเขาแพ้อย่างสมบูรณ์แล้ว…