หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1021

ตอนที่ 1021

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1021 ปกป้อง
“ไสหัวไป!”

เมื่อเสียงคำรามแผดออกมาราวกับฟ้าผ่าดังกึกก้อง รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋ปิงก็แข็งค้างทีละนิดแล้วแทนที่ด้วยไอเย็นไม่รู้จบ

ความเย็นจัดที่น่ากลัวแผ่กระจายไปทั่วร่าง ทำให้ชั้นน้ำแข็งปรากฏขึ้นบนพื้นทันที

ไป๋ปิงมองมู่เฉินหัวจรดเท้าพูดช้าๆ ว่า “ตัดลิ้นแกออกมา แล้วข้าจะปล่อยแกจากไป”

มู่เฉินยิ้มเยาะเย้ยไม่ปิดบัง “คิดว่าตัวเองเป็นใคร?”

เขารับรู้ได้ถึงอันตรายที่มาจากไป๋ปิงและยังรู้ด้วยว่าอีกฝ่ายมาจากเผ่าหงส์ฟ้า ทว่าคนอย่างเขาก็ไม่กลัว เขามีคนจดบัญชีแค้นเอาไว้มากมาย ในเมื่อมีหนี้แค้นอยู่เยอะแล้วก็ไม่เห็นต้องกังวลอะไร

“แกคิดว่าสามารถปกป้องพวกมันได้รึ? รนหาที่ตาย!”

หางตาของไป๋ปิงกระตุกพร้อมกับริ้วเลือดไต่ขึ้นมาบนดวงตา ใบหน้าอ่อนโยนเริ่มบิดเบี้ยว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเมินใส่เขา

ยิ่งกว่านั้นพลังของอีกฝ่ายก็อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นหกเท่านั้น!

ตู้ม!

เมื่อไป๋ปิงพูดจบ ไอเย็นยะเยือกก็ระเบิดขึ้นระหว่างฟ้าดิน อุณหภูมิลดฮวบลง ทันใดนั้นไป๋ปิงก็เปิดปาก ไอเย็นเยือกสีฟ้ากวาดออก ก่อร่างเป็นมังกรน้ำแข็งโหดเหี้ยมที่อัดแน่นด้วยความเย็น พุ่งเข้าหามู่เฉินอย่างรวดเร็ว

ภายใต้การโอบล้อมของความเย็นนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดทั่วไปก็ถูกแช่แข็งเอาได้ ถ้าเป็นขั้นหกละก็อาจจะถูกแข็งจนกลายเป็นรูปปั้นหิมะเลยก็ได้

นอกจากนี้เผชิญหน้ากับการโจมตีของไป๋ปิง มู่เฉินก็ไม่คิดถอย แสงสีทองพวยพุ่งบนชั้นผิวหนังพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่อาจทำลายได้ เขาชกหมัดออกไป เส้นเลือดเต้นระริกบนแขนกำจายพลังงานอันน่าอัศจรรย์

ตึง!

พลังงานสองสายปะทะกัน ร่างของมู่เฉินก็ไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่เขารู้สึกได้ว่าทันทีที่มีการชนกันพิษไอเย็นก็ไหลเข้ามาในร่างกายของเขา พยายามที่จะหยุดคลื่นหลิงของเขาเอาไว้

ทว่าเผชิญหน้ากับไอเย็นนี้ มู่เฉินก็ไม่สนใจเพราะทันใดนั้นลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่แขนทั้งสองข้างก็เคลื่อนไหว กลืนกินความเย็นนั้นจนหมด

ความเย็นในร่างกายสลายหายไปในทันที

มู่เฉินไม่ได้แสดงสีหน้าใด แสงสีทองระเบิดออก พลังกายพรั่งพรูออกมาอย่างสมบูรณ์ รอยแตกปรากฏบนมังกรน้ำแข็ง สุดท้ายก็ระเบิดออกกลายเป็นเกล็ดหิมะโปรยปรายบนท้องฟ้า

“เป็นไปได้ยังไง?!”

มังกรน้ำแข็งแตกสลาย ม่านตาของไป๋ปิงก็หดตัว ส่วนที่น่ากลัวของมังกรน้ำแข็งไม่ใช่พลังที่ครอบครองแต่เป็นความเย็นที่รุกรานร่างกาย ก่อนหน้าเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความเย็นที่พล่านเข้าสู่ร่างกายของมู่เฉิน แล้วเจ้านี่กระจายพลังออกมาอย่างสมบูรณ์ได้อีกอย่างไร?

หรือว่ามู่เฉินมีภูมิคุ้มกันต่อไอเย็น?

แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไป๋ปิงก็รู้สึกไร้สาระ เขามาจากเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งที่มีไอเย็นฝังอยู่ในร่างกายตั้งแต่กำเนิด จอมยุทธ์ระดับเดียวกันทุกคนจะหวาดกลัวต่อไอเย็นของเขา เป็นไปได้อย่างไรที่อีกฝ่ายจะมีภูมิคุ้มกัน

“ตึง!”

ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้เวลาไป๋ปิงคิดมาก เขากระทืบเท้ารอยแตกก็กระจายใต้พื้นดิน ร่างเขากลายเป็นแสงสีทองทะยานออกมาปรากฏตัวต่อหน้าไป๋ปิงอย่างลึกลับ ความเร็วนี้แม้แต่ไป๋ปิงยังผงะในใจ

เขายากที่จะจินตนาการว่ามู่เฉินที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นหกจะมีความเร็วที่น่ากลัวขนาดนี้ได้อย่างไร

แสงสีทองปรากฏที่เบื้องหน้า เหมือนจะมีแสงสีทองพุ่งออกมาจากดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นเขาก็ตบฝ่ามือออกไป ฝ่ามือนี้ไม่เพียงแต่บรรจุพลังงานในร่างกายเอาไว้เท่านั้น แต่แม้แต่คลื่นหลิงก็ระเบิดเช่นกัน

ฝ่ามือเรียบง่ายซัดออก แต่กลับสร้างรอยร้าวสีดำที่ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวในมิติ นั่นเป็นปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพลังรุนแรงจนถึงระดับที่น่าตะลึงใจ

จอมยุทธ์ไม่น้อยที่อยู่โดยรอบล้วนรับรู้เรื่องนี้ เมื่อพวกเขาเห็นฝ่ามือของมู่เฉิน ใบหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีขณะที่รู้สึกไม่อยากเชื่อ ฝ่ามือนั้นเป็นอะไรที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดธรรมดาก็ไม่สามารถทนได้

ขณะที่ฝ่ามือเคลื่อนเข้ามา ใบหน้าของไป๋ปิงก็เปลี่ยนไปรุนแรง สายตาเขาเคร่งเครียดลงหลายส่วน ไม่กล้าที่จะดูถูกอีกต่อไป เนื่องจากเขาเข้าใจดีแล้วว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นหกน่าสะพรึงเพียงใด

แต่ยามนี้ไม่มีเส้นทางให้ถอยหนีแล้ว ดังนั้นไป๋ปิงจึงไม่ได้เสียใจอะไรในใจเช่นกัน

แสงเย็นวูบวาบในดวงตาของไป๋ปิง ฝ่ามือวาดตราประทับเร็วรี่ ขณะเดียวกันหงส์ฟ้าน้ำแข็งขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นข้างหลัง ปีกสยายออกกลายเป็นโล่น้ำแข็งปกป้องที่เบื้องหน้าไป๋ปิง

ตู้ม!

ฝ่ามือแสงสีทองไม่ได้ลดลง กระทบกับปีกของหงส์ฟ้าน้ำแข็งอย่างจัง ทันใดนั้นคลื่นกระแทกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็กระจายออก พื้นดินที่ทนทานยังแตกร้าว

ปีกน้ำแข็งสั่นไหว แม้แต่ไป๋ปิงที่อยู่เบื้องหลังการป้องกันยังสามารถรับรู้ได้ถึงพลังน่าสะพรึงกลัว ถ้าเขารับการโจมตีนี้ เขาคงบาดเจ็บหนักแน่นอน

ทว่าถูกบีบบังคับให้เป็นแบบนี้โดยจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหก ทำให้ใบหน้าไป๋ปิงมืดครึ้มผิดปกติ จิตสังหารพวยพุ่งขึ้นมาจากในส่วนลึกของดวงตา

วันนี้เขาจะต้องทำให้มันอับอาย!

เมื่อคิดได้ไป๋ปิงก็กัดฟัน จุดชนวนเลือดในกาย ทุกคนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่กวาดออกจากร่างของไป๋ปิงราวกับพายุ

นี่เป็นแรงกดดันที่มาจากสายเลือด

ไป๋ปิงมาจากเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็ง ซึ่งมีสายเลือดสูงส่ง สามารถปราบปรามเทพอสูรสามัญได้ มิหนำซ้ำตอนนี้เขายังจุดชนวนสายเลือด ทำให้แรงกดดันนี้เร้าขึ้นมาถึงขีดสุด

ภายใต้แรงกดดันในระยะใกล้ เทพอสูรสามัญคงต้องกราบกรานที่เบื้องหน้าไป๋ปิงเลยทีเดียว

ทุกคนโดยรอบถอยกันออกไปจ้าละหวั่น พวกเขารู้แล้วว่าไป๋ปิงตั้งใจที่จะบีบให้มู่เฉินคุกเข่าลงด้วยแรงกดดันเพื่อสร้างความอับอายให้ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบหลบออกจากรัศมีด้วยกลัวว่าจะโดนลูกหลงจนอับอายขายขี้ไปด้วย

ไม่ไกลนักฉื้อหงหวู่ไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่เมื่อนางเห็นกระบวนท่าของไป๋ปิง คิ้วก็มุ่นกันแน่น ถึงตัวนางจะหยิ่งทะนงและชื่นชอบในการต่อสู้ แต่นางชอบการชนะแบบตรงไปตรงมา นางดูถูกคนอย่างไป๋ปิงที่พึ่งพาสายเลือดของตนเพื่อสร้างความได้เปรียบ

“ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะซวยเอาแล้ว”

ฉื้อหงหวู่พูดขึ้นในใจ แม้ว่าพลังกายของมู่เฉินจะทรงศักยภาพ แต่ไป๋ปิงก็ฉลาดไม่ธรรมดา เขาเลือกที่จะปราบปรามคู่ต่อสู้ผ่านสายเลือด ด้วยวิธีนี้แม้แต่จอมยุทธ์ที่มีพลังกายที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถต้านทานความอ่อนแอในสายเลือดได้

ภายใต้สายตาจ้องเขม็งของผู้คน มู่เฉินก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่ปกคลุมเข้ามา แต่สิ่งที่แปลกก็คือทุกคนไม่เห็นความกลัวบนใบหน้าของมู่เฉินสักริ้ว ตรงกันข้ามพวกเขากลับเห็นแววครึ่งบึ้งครึ่งยิ้มเย้ยหยัน

“ปราบปรามสายเลือดเรอะ…”

มู่เฉินพึมพำ จากนั้นเขาก็กำหมัดลวดลายหงส์ฟ้าแท้จริงบนแขน ไม่สิ…หลังจากมู่เฉินบรรลุขั้นสองของคัมภีร์หลงเฟิ่ง เทพอสูรทั้งสองในร่างกายเขาก็มีจิตวิญญาณ ดังนั้นพวกมันจึงควรถูกเรียกว่าจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง

ในเมื่อเจ้าคิดจะใช้การปราบปรามสายเลือด งั้นข้าก็จะแสดงให้เห็นว่าการปราบปรามแท้จริงคืออะไร!

จิตวิญญาณหงส์ฟ้าระเบิดแสงสีม่วงทองเข้มข้น ดวงตาที่ปิดสนิทก็เปิดโพลง ทันใดนั้นดูเหมือนจะเกิดแรงกดดันเกินบรรยายปะทุออก

ความกดดันหงส์ฟ้าแท้จริงปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่ แต่ไม่ได้กระจายออก กลับเล็งเป้าไปที่ไป๋ปิงคนเดียว ดังนั้นคนอื่นจึงไม่สามารถรู้สึกได้

ทันใดนั้นหงส์ฟ้าน้ำแข็งที่อยู่ด้านหลังไป๋ปิงก็งุ้มตัวลงราวกับได้เห็นจักรพรรดิ หงส์ฟ้าน้ำแข็งเปล่งเสียงร้องออกมาอย่างหวาดกลัว รัศมีเย็นยะเยือกหดกลับโดยที่ร่างกายสั่นสะท้าน

ในเวลาเดียวกันใบหน้าของไป๋ปิงก็ซีดเผือด สายตาอัดแน่นด้วยความไม่อยากเชื่อ นั่นเป็นเพราะแรงกดดันที่ระเบิดกะทันหันจากร่างมู่เฉิน ทำให้แม้แต่สายเลือดของเขายังเขย่าอย่างบ้าคลั่ง

ปัง!

ความกลัวเพิ่มขึ้นในหัวใจของไป๋ปิง ขาของเขาเริ่มงอลงอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ขณะที่กำลังจะคุกเข่าลง ไป๋ปิงก็ตื่นจากภวังค์ เขารีบดึงตัวเองขึ้นมา ทว่าเข่าข้างหนึ่งก็ยังแตะลงกับพื้น

ผู้คนโดยรอบที่รอฉากมู่เฉินอยู่ในสภาพน่าสมเพชโดยแรงกดดันของสายเลือดหงส์ฟ้าน้ำแข็งก็อ้าปากตาค้างไปหมดกับภาพไป๋ปิงคุกเข่าเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น

ฉื้อหงหวู่ก็เบิกตากว้างในเวลานี้ ความไม่เชื่อฉาบบนใบหน้างดงาม

“ปัง!”

มู่เฉินไม่มีริ้วอารมณ์ใดบนใบหน้า ฝ่ามือที่แตะบนปีกของหงส์ฟ้าน้ำแข็งก็กระตุกด้วยกลิ่นอายของหงส์ฟ้าแท้จริง ทำลายปีกที่ดูแข็งแกร่งของหงส์ฟ้าน้ำแข็งทันที

ไป๋ปิงกระเด็นออกไปอย่างน่าสมเพช สร้างรอยลึกบนพื้นหลายร้อยจั้งก่อนที่จะทรงตัวได้

อ็อก!

เมื่อรักษาร่างกายมั่นคงแล้ว ไป๋ปิงก็กระอักเลือดออกจากปาก คลื่นหลิงทรงพลังรอบตัวหม่นหมองลง เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บพอตัว

ทว่าเขาก็ยังไม่ฟื้นตัวจากความพ่ายแพ้ เขาบื้อใบ้จ้องมองร่างเงาที่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าซีดเซียว

บรรยากาศโดยรอบเงียบกริบ ผู้คนจ้องมองมู่เฉินอย่างตะลึงงัน ตอนนี้ชายหนุ่มได้ดึงแสงสีทองรอบตัวกลับแล้ว ซึ่งทำให้ดูธรรมดามาก

แต่หลังจากได้เห็นการแลกกระบวนท่าแล้ว พวกเขาก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่าในร่างชายหนุ่มมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวเพียงใด

ชายคนนี้มาจากไหนกัน…

ไป๋ปิงเป็นจอมยุทธ์ของเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งนะ!

แต่ตอนนี้ไป๋ปิงกลับอยู่ในสถานะที่น่าสมเพช เขาเป็นยอดอัจฉริยะจากเผ่าไหนกัน?!

ภายใต้สายตาที่จ้องมองนับไม่ถ้วน สายตาที่สงบลงของมู่เฉินก็มองไปที่ไป๋ปิงอีกครั้ง เสียงสงบที่ดังก้องอัดแน่นด้วยความเผด็จการ แต่ก็ไม่มีใครกล้าหักลง

“สองคนนี้ ข้ามู่เฉินปกป้องแน่!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท