หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1047

ตอนที่ 1047

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1047 ล้อมล่า
เมื่อมู่เฉินเตรียมการพร้อมทุกอย่าง

เสียงลมฉีกอากาศก็ดังก้องที่ด้านหลังก่อนที่คนอื่นๆ จะทะยานเข้ามา

ทั้งสี่คนกระจายความสุขบนใบหน้า เมื่อครู่ที่พวกเขาจัดการกับอสูรวิญญาณขั้นเจ็ดสิบกว่าร่าง พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์แล้วว่าอาวุธเสมือนมหหสวรรค์ทรงพลังแค่ไหน

ด้วยวัตถุเหล่านี้ ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุด พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวแล้ว

เมื่อมู่เฉินเห็นความมั่นใจของพรรคพวกก็ยิ้มให้ก่อนที่จะมองเข้าไปในป่าส่วนลึก รัศมีความตายเริ่มหนาแน่นขึ้น ดูเหมือนว่าอสูรวิญญาณขั้นแปดก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปร

“ต่อไปเรามากำจัดเจ้าตัวใหญ่นี่กันดีกว่า”

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ใบหน้าของคนที่เหลือก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด พวกเขารู้ชัดว่าอสูรวิญญาณขั้นแปดไม่เหมือนกับขั้นเจ็ดเลย เช่นเดียวกับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดที่แข็งแกร่งกว่าขั้นเจ็ดหลายขุม

ด้วยอาวุธเสมือนมหสวรรค์ พวกเขาสามารถอยู่ยงคงกระพันในระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดได้อย่างสบาย แต่ถ้าพวกเขาประมือกับระดับจื้อจุนขั้นแปดของแท้ ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน

แต่เวลานี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำตัวหงออีกแล้ว พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันก็พยักหน้าหนักแน่น ส่วนจอมยุทธ์เผ่าแรดอสูรทั้งสามคนก็หลบฉากไปด้านหลัง การต่อสู้ที่กำลังจะระเบิดขึ้นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดธรรมดาอย่างพวกเขาไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้

เมื่อเห็นทุกคนเตรียมพร้อม มู่เฉินก็ไม่ชักช้าสะบัดมือออกไป ร่างเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าไป ไม่กี่วินาทีก็ทะยานเข้าไปในป่าส่วนลึก

พรรคพวกสี่คนก็ติดตามมาอย่างใกล้ชิด

ซ่า! ซ่า!

มู่เฉินพลิ้วตัวลงตรงเบื้องหน้าต้นไม้ใหญ่ รัศมีความตายที่นี่หนาแน่นมากจนดูเหมือนข้นเหนียวไปจนถึงจุดที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับอยู่ในบึงโคลน

สายตาเขาจับจ้องอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีร่างเงาสีดำนั่งอยู่เงียบๆ รัศมีความตายน่าสะพรึงกลัวหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายเมื่อมันสูดดม

นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันทรงพลังกำจายออกจากร่างมันด้วย

ภายใต้สายตาของพวกเขาที่จ้องมองไป ร่างเงาสีดำก็เปิดดวงตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นกลวงโบ๋ มีเพียงรัศมีความตายหมุนคว้างราวกับหลุมดำ หากคนทั่วไปถูกจ้องมองนานเกิน กระทั่งพลังชีวิตที่มีก็จะถูกดึงออกจากร่างและถูกกลืนกินจากวิญญาณร้าย

ไม่มีสติปัญญาใดในสายตามีแต่ความรู้สึกชั่วร้าย ภัยคุกคามที่ปล่อยออกมายิ่งกว่าอสูรวิญญาณที่พวกเขาเคยพบมามาก

สีหน้าของพวกจิ่วโยวเคร่งขรึมลงมาก ชัดว่าสัมผัสได้ถึงความยากในการจัดการของอสูรวิญญาณขั้นแปดที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ร่างนั้นยืนขึ้นช้าๆ ร่างกายของมันดูเหมือนจะแข็งทื่อ แต่ไม่มีความรู้สึกเฉื่อยชาใดๆ กลับเหมือนสามารถพุ่งทะยานประหนึ่งสายฟ้าฟาดทันทีที่เคลื่อนไหว

“โฮก!”

เสียงคำรามลึกต่ำสะท้อนจากลำคอ ขณะที่อสูรวิญญาณมองกลุ่มมู่เฉินด้วยม่านตาหลุมดำ เสียงคำรามช่างเต็มไปด้วยการข่มขู่คุกคาม

“แม้ว่าจะไม่มีสติปัญญา แต่สัญชาตญาณไม่ต่ำเลย” มู่เฉินอึ้งไป มีบาดแผลฉกรรจ์ทั่วร่างมันและมันรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการต่อสู้ ดังนั้นจึงส่งเสียงคำรามข่มขู่พวกเขา

“แต่วันนี้ข้าต้องได้หัวใจแก”

แม้ว่าอสูรวิญญาณตัวนี้จะไม่เข้าใจคำพูดของมู่เฉิน แต่มันสามารถสัมผัสได้จากสัญชาตญาณ ทันใดนั้นรูม่านตาสีเทาดำก็ถูกห่อหุ้มด้วยรัศมีความตาย เสียงคำรามดังกึกก้องยิ่งขึ้น

ตู้ม!

รัศมีความตายเชี่ยวกรากกวาดออก ต้นไม้รอบด้านล้มระเนระนาด ก่อนที่อสูรวิญญาณจะกลายเป็นลำแสงสีเทาพุ่งออกมา

ความเร็วของมันราวกับเสียงฟ้าร้อง พริบตาก็ปรากฏขึ้นไม่ไกลจากพวกเขา จากนั้นซัดหมัดออกมา รัศมีความตายรุนแรงกวาดออก มองจากที่ไกลราวกับมังกรขนาดพันจั้งที่สร้างขึ้นจากรัศมีความตาย

มังกรคลื่นความตายพุ่งใส่ ฉีกเหวลึกขึ้นบนพื้น ทุกสิ่งที่ขัดขวางจะสลายกลายเป็นเถ้าถ่านโดยรัศมีความตาย

เมื่ออสูรวิญญาณขั้นแปดโจมตีก็แสดงถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัว

ใบหน้าของจิ่วโยวเคร่งเครียด นางก้าวออกไปเป็นคนแรก คลื่นหลิงในร่างกายไหลเวียนโดยไร้การหน่วงเหนี่ยวใดๆ ไม้เทพโทษาในมือยิงลำแสงสีดำออกมา ความมืดมิดกลืนแสงรอบข้างอย่างสมบูรณ์

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

ไม้เทพโทษาสั่นไหว ขณะที่แสงสีดำไหลเวียนก็ขยายขนาดอย่างรวดเร็ว เมื่อมีความยาวประมาณสิบจั้งก็ฟาดลงมา ทันใดนั้นดวงจันทร์สีดำก็ลอยขึ้นในสวรรค์และโลก แสงทั้งหมดหายไปภายใต้ดวงจันทร์สีดำนี้

เมื่อดวงจันทร์สีดำเคลื่อนลงมาพร้อมกับไม้สีดำก็ทะลุผ่านมังกรคลื่นความตาย จากนั้นร่างใหญ่โตก็หดตัวลงเกือบครึ่งด้วยความเร็วที่เห็นได้ชัด

ทว่าแม้มันจะหดลงเหลือครึ่งหนึ่ง รัศมีความตายที่เหลือก็ยังคงมีขนาดใหญ่ พลังที่ครอบครองน่าอัศจรรย์ใจนัก

“กระดิ่งทิพย์เพลิงแดง!”

แต่ในเวลาเดียวกัน เสียงร้องแผ่วเบาก็ดังกึกก้อง กระดิ่งสีแดงลอยอยู่บนท้องฟ้า ตัวกระดิ่งสั่นไหวส่งเสียงก้องกังวาน เปลวไฟเอนกอนันต์กวาดออกมา ทันใดนั้นมหาสมุทรเพลิงก็แผดเผาฟ้าดิน อุณหภูมิในมิติเพิ่มสูงขึ้นทันที แม้กระทั่งอากาศก็เผาไหม้

ปัง!

มหาสมุทรเพลิงโหมกระหน่ำใส่ร่างมังกรยักษ์ ทันใดนั้นการระเบิดที่น่ากลัวและรุนแรงก็ดังสนั่นหวั่นไหว อุณหภูมิสูงขึ้นมาก แม้แต่ป่าไม้สีเทาซีดก็ลุกไหม้อยู่ด้านล่าง

โฮก!

รัศมีความตายพุ่งออกมาจากปากของมังกรขณะพยายามดับมหาสมุทรเพลิง

ตู้ม!

พลองสีดำและหอกทองคำโบราณพุ่งเข้ามาในจังหวะนี้ตามด้วยแรงเคลื่อนไหวเชี่ยวกราก ประสานพลังฉีกทึ้งมังกรคลื่นความตายออกจากกันจนสลายกลายเป็นแสงสีเทา

ที่เบื้องหลังมู่เฉินมองทั้งสี่ประสานพลังแล้วสามารถสลายการโจมตีของอสูรวิญญาณขั้นแปดได้ ริ้วความตื่นตะลึงก็วูบไหวในดวงตา ด้วยพลังอาวุธเสมือนมหสวรรค์สี่ชิ้น ชัดว่าพวกจิ่วโยวพอมีคุณสมบัติที่จะเผชิญหน้ากับระดับจื้อจุนขั้นแปดได้แล้ว

ทว่านี่น่าจะเป็นแค่ชั่วคราวเนื่องจากอสูรวิญญาณยังไม่ได้แสดงพลังอย่างเต็มที่

โฮก!

ขณะที่ความคิดนี้พล่านไปในหัวใจของมู่เฉิน ทันใดนั้นเสียงคำรามความตายก็ดังกึกก้อง ลำแสงสีดำพุ่งออกมาจากรัศมีความตายบนท้องฟ้า ปรากฏตรงหน้ากลุ่มของจิ่วโยวแล้วซัดฝ่ามือออกไปฉับพลัน

ครืน!

นี่เป็นฝ่ามือที่ดำราวกับน้ำหมึก กระทั่งท้องฟ้ายังมืดมิดลงทันใด ลวดลายแห่งความตายแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า หากสิ่งเหล่านี้บุกรุกเข้าไปในร่างกายของใครละก็ คนคนนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน

ทั้งสี่คนสีหน้าเปลี่ยนแปรทันที โดยไม่ลังเลพวกเขาก็เร้าอาวุธเสมือนมหสวรรค์ในมือ แสงที่กำจายออกช่วยต้านทานลวดลายแห่งความตายไว้ได้

แต่การต่อต้านก็กินเวลาไม่กี่อึดใจก่อนที่รัศมีหลิงรอบตัวพวกเขาจะมืดลง ฝ่ามือที่ปกคลุมด้วยคลื่นความตายซัดลง ทั้งสี่คนได้รับบาดเจ็บกระเด็นออกไปในสภาพสะบักสะบอม

อ็อก! อ็อก!

เลือดกบปาก พวกเขาดูน่าอนาถอย่างมาก ทว่าโชคดีที่แต่ละคนมีอาวุธเสมือนมหสวรรค์ปกป้องร่างจากรัศมีความตาย

ตอนนี้พวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าอสูรวิญญาณขั้นแปดร่างนี้ทรงพลังเพียงใด แม้จะมีอาวุธเสมือนมหสวรรค์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้

โฮก!

อสูรวิญญาณคำราม รัศมีความตายหนาแน่นกลายเป็นลูกคลื่นขนาดมโหฬารกวาดมาทางด้านหลังพวกเขา เงาร่างสีเทาดำก็ทะยานออกมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ามันตั้งใจจะฆ่าผู้บุกรุกให้ได้โดยเร็วที่สุด

ตู้ม!

แต่ขณะที่มันซัดพลังเข้าหาทั้งสี่ แสงสีทองก็เบ่งบานขึ้นบนท้องฟ้าฉับพลัน ร่างเทพสุริยะปรากฏขึ้นพร้อมกับฝ่ามือสีทองกดลงมา เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

ตึง!

เผชิญหน้ากับการโจมตีฉับพลันของมู่เฉิน อสูรวิญญาณก็เหวี่ยงหมัดออก รัศมีความตายดุเดือดปะทะกับฝ่ามือทองคำที่กดทับลงมา

คลื่นกระแทกรุนแรงระเบิดขึ้น ฝ่ามือทองคำขนาดใหญ่ไม่สามารถทำอะไรอสูรวิญญาณได้แม้แต่น้อย

โฮก!

ม่านตาสีเทาดำจับจ้องอยู่ที่มู่เฉินก่อนที่มันจะแผดเสียงคำรามลึก มันสามารถรู้สึกได้ว่าภัยคุกคามที่มู่เฉินปล่อยออกมาแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคนพวกนี้

ดังนั้นมันจึงไม่ได้ไล่ตามทั้งสี่คน พริบตาก็กลายเป็นร่างแสงยิงเข้าใส่ร่างเทพสุริยะ อสูรวิญญาณอ้าปากกว้าง รัศมีความตายรวมตัวกันรุนแรง ก่อนที่จะบีบอัดราวกับเป็นลูกระเบิดความตาย

แม้แต่มิติรอบปากก็บิดเบี้ยว

เมื่อมู่เฉินเห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหดตาลง อสูรวิญญาณขั้นแปดจัดการลำบากจริงๆ แม้ว่าจิงฉิงเทียนจะมาอยู่ที่นี่ ก็คงจะถูกฆ่าตายในไม่กี่กระบวนท่า

ครืน!

รัศมีความตายควบแน่นจนถึงขีดสุดในปากอสูรวิญญาณ สุดท้ายก็กลายเป็นลำแสงมรณะยิงทะลุมิติพุ่งเข้าหามู่เฉิน

ตู้ม! ตู้ม!

ประจันหน้ากับการโจมตีที่น่ากลัวของอสูรวิญญาณ มู่เฉินก็ไม่กล้าที่จะประมาท ดวงอาทิตย์สีทองลุกโชนขึ้นในร่างเทพสุริยะ ก่อนที่จะระเบิดเป็นของเหลวสีทองพุ่งออกมา

ของเหลวสีทองก่อตัวเป็นคทาทองคำในมือมู่เฉิน จากนั้นก็โบกมันลงปะทะกับลำแสงมรณะ

เสียงกัมปนาทดังขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา ป่าเบื้องล่างถูกถอนรากถอนโคน ต้นไม้น้อยใหญ่แตกกระจายจากแรงกระแทก

ทั้งสี่คนมองไปที่ท้องฟ้าด้วยสายตากังวล มู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขา ถ้ากระทั่งเขายังไม่สามารถจัดการกับอสูรวิญญาณขั้นแปดได้ ภารกิจของพวกเขาจะต้องลำบากยิ่งแน่นอน

ตู้ม!

แสงสีทองกวาดออกบนท้องฟ้า ร่างเทพสุริยะถลาออกไปพร้อมกับรอยแตกปรากฏบนพื้นผิวก่อนที่จะระเบิดเป็นประกายแสงสีทองปกคลุมท้องฟ้า

ส่วนอสูรวิญญาณก็แค่ถอยออกไปไม่กี่ร้อยจั้งเท่านั้น แม้ว่ารัศมีความตายรอบตัวจะไม่เสถียรครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก

เมื่อเห็นฉากนี้หัวใจของพวจิ่วโยวก็ดิ่งลง ความแข็งแกร่งของอสูรวิญญาณขั้นแปดเกินความคาดหมายของพวกเขา นั่นเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว

ภายใต้สายตาเป็นกังวล เงาร่างของมู่เฉินก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าสีทองพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียด ขณะมองไปที่อสูรวิญญาณซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยรัศมีความตายเชี่ยวกราก จากนั้นเขาก็ถอยออกมาโดยไม่ลังเล

โฮก!

ขณะที่มู่เฉินถอยกลับ อสูรวิญญาณก็คำรามเสียงบาดหู มันกระทืบเท้าลงบนพื้น ร่างกลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งเข้าไล่ล่ามู่เฉิน

ความเร็วของอสูรวิญญาณขั้นแปดรวดเร็วมาก เพียงไม่กี่อึดใจก็ไล่ตามมู่เฉินทันแล้ว แต่ขณะที่มันกำลังจะหมุนเวียนรัศมีความตายเพื่อโจมตี มู่เฉินก็หยุดชะงักลงทันที แสงสีดำวูบไหวในดวงตาเขาขณะมองศัตรู จากนั้นเขาก็คลี่ยิ้ม มือสร้างตราประทับทันที

ฮึ่ม! ฮึ่ม

เมื่อตราประทับสร้างขึ้น สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งบนท้องฟ้าเปล่งแสงพราว ลวดลายเส้นสายปรากฏขึ้นในบริเวณนี้ เส้นสายเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดใหญ่หลายค่ายกล…

กะจำนวนค่ายกลคงมีไม่ต่ำกว่าสิบค่ายกลเลยทีเดียว

เพื่อล่าอสูรวิญญาณขั้นแปด ชัดว่ามู่เฉินเทหมดหน้าตัก สร้างทุกค่ายกลที่ศึกษามาแล้วใช้ประโยชน์ได้!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท