หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1052

ตอนที่ 1052

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1052 ทำลายล้าง
แสงสีเงินพุ่งผ่านขอบฟ้า

ยิงไปยังเหล่าอสูรวิญญาณที่ไล่กวดตามมา รัศมีแห่งการทำลายล้างอัดแน่นอยู่ในแสงสีเงินนั้น

แสงสีเงินพุ่งผ่าน ถึงแม้จะดูไม่โดดเด่น แต่ก็ทำให้ร่างอสูรวิญญาณขั้นเก้าหยุดชะงักลงตามสัญชาตญาณ ดวงตากลวงโบ๋จ้องมองไปที่แสงสีเงิน แม้ว่ามันจะไม่มีสติปัญญา แต่สัญชาตญาณของมันก็รับรู้ถึงรัศมีแห่งการทำลายล้างจากแสงที่ไม่โดดเด่น

แม้ว่ามันจะตายไปแล้ว แต่ถ้าถูกแสงสีเงินนี้เข้าละก็ได้กลายเป็นเถ้าธุลีหายไปตลอดกาลแน่…

ดังนั้นอสูรวิญญาณขั้นเก้าจึงถอยกลับทันท่วงทีตามสัญชาตญาณที่บอกว่าให้หนี มิฉะนั้นวันนี้คงจะถูกทำลายสิ้นซากอย่างแท้จริง

ปัง!

ทว่าถึงสัญชาตญาณของอสูรวิญญาณขั้นเก้าเฉียบคม แต่อสูรวิญญาณขั้นแปดที่อยู่ด้านหลังกลับด้อยกว่าหลายส่วน ดังนั้นพวกมันยังคงมุ่งมั่นพุ่งเข้ามาแบบไม่คิดชีวิต เมื่ออสูรวิญญาณขั้นเก้าถอยหลังกลับก็ชนเข้ากับกลุ่มอสูรวิญญาณขั้นแปด ทุกอย่างสับสนอลหม่านไปหมด

ในขณะนั้นเองที่ร่างอสูรวิญญาณขั้นเก้าที่ถอยกลับก็หยุดลง

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

ในช่วงเวลาสั้นๆ แสงสีเงินก็ปรากฏตรงหน้า มันสั่นเบาๆ อึดใจเสียงระเบิดน่าสะพรึงก็ปะทุจากแสงสีเงิน

ครืน!

ราวกับว่าเทพสายฟ้าแห่งการทำลายล้างยาตราลงมาเองพร้อมกับเสียงกึกก้องน่ากลัวดันพื้นดินเบื้องล่างขึ้น คลื่นเสียงพุ่งผ่านไปหมื่นจั้ง ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจเสียงดังก้องก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจนในทุกที่รัศมีหมื่นลี้

ประกายสายฟ้าบนท้องฟ้าเหมือนของเหลวสายฟ้าที่ควบแน่นตกลงมาจากท้องฟ้า ทันใดนั้นทั่วบริเวณเปลี่ยนเป็นเงิน มากจนกระทั่งเมฆรัศมีความตายหนาทึบก็ถูกสายฟ้าเจาะทะลวงแล้วเหือดหายไป

ความผันผวนที่น่ากลัวพวยพุ่งและระเบิดออกมา

สายฟ้าสะท้อนให้เห็นในม่านตาของมู่เฉิน เขามองการสั่นสะเทือนโลก แววหวาดผวาก็ปรากฏในดวงตา เห็นได้ชัดว่าพลังหัวใจพาฬกินสายฟ้าเกินความคาดหมายของเขาไปมาก

พลังช่างทำลายล้างแบบสุดยอด

ไม่มีจอมยุทธ์ที่อยู่ใต้ระดับตี้จื้อจุนสามารถต้านทานการโจมตีที่น่ากลัวนี้ได้

ดังนั้นมู่เฉินจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ปีกหงส์ฟ้ากระพือส่งเขาไปในทางตรงกันข้ามกับหัวใจพาฬกินสายฟ้า หากเขาอยู่ใกล้กับผลกระทบมากเกินไป ก็จะถูกลากเข้าไปในวังวนหายนะแน่

เมื่อถอยออกมา ตราประทับก็เปลี่ยนไป ร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มด้วยริ้วแสงแวววาวสีทอง เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังก้อง เทพอสูรทั้งสองพุ่งออกจากร่างเขากลายเป็นภาพมายาขดอยู่รอบตัวเขา ก่อร่างเป็นปราการป้องกันทรงประสิทธิภาพ

แต่หลังจากเร้ากายามังกรหงส์ออกมาแล้ว มู่เฉินก็ยังไม่ไว้ใจ เขาเร้าร่างเทพสุริยะห่อหุ้มตัวเองไว้อีกชั้น

ตู้ม!

เมื่อมู่เฉินใช้การป้องกันเต็มรูปแบบแล้ว หัวใจพาฬกินสายฟ้าที่อยู่ไกลก็ระเบิด ภายใต้การกระตุ้นของเขา

นี่เป็นพลังงานสายฟ้าจากพาฬกินสายฟ้าโบราณที่สะสมมาเป็นเวลายาวนาน

เสียงฟ้าคำรนกวาดออกราวกับลอนคลื่นนับไม่ถ้วนพัดกระจายไปในระยะไกล ในเส้นทางที่พาดผ่าน มิติแตกสลาย รอยแตกแผ่ซ่านบนพื้นดิน ล้อมรอบหุบเขาขนาดใหญ่ทั้งหมด

ในเส้นทางที่สายฟ้ากวาดผ่านทุกสรรพสิ่งกลายเป็นเถ้าถ่าน

กลุ่มอสูรวิญญาณขั้นแปดโดนเป็นกลุ่มแรก ร่างตายซากของพวกเขาช่างไร้ประโยชน์ที่เบื้องหน้าคลื่นกระแทก เมื่อสายฟ้าแลบแปลบปลาบร่างพวกมันก็สั่นเทิ้มก่อนที่จะสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

ร่างสุดท้ายที่ยังคงอยู่คืออสูรวิญญาณขั้นเก้า รัศมีความตายมหึมาพวยพุ่งออกมาจากร่างมัน แต่ก็สามารถขัดขวางคลื่นสายฟ้าได้แค่พริบตา จากนั้นสายฟ้าก็โหมกระหน่ำทำลายรัศมีความตายปกคลุมร่างมันเอาไว้

ยามนี้ทั่วบริเวณราวกับโลกสายฟ้า

ขณะที่กลุ่มอสูรวิญญาณถูกกลืนกิน มู่เฉินก็ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีเช่นกัน แม้ว่าเขาจะถอยกลับออกไป แต่เขาก็ยังประเมินพลังของพาฬกินสายฟ้าน้อยไป

ดังนั้นถึงเขาจะใช้ความเร็วเต็มที่ในการถอยก็ยังสามารถเห็นคลื่นกระแทกสายฟ้าไร้ขอบเขตพุ่งใกล้เข้ามาหาจากระยะไกล สุดท้ายก็กระแทกกับร่างเทพสุริยะจังใหญ่

ปัง!

วินาทีนั้นฟ้าดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น รอยร้าวเริ่มแผ่กระจายไปทั่วร่างเทพสุริยะก่อนที่จะระเบิดและจางหายไป

อ็อก!

ต่อให้มีร่างเทพสุริยะคุ้มครอง มู่เฉินก็ยังกระอักเลือดเต็มปาก ร่างกายราวกับจะแตกสลาย สุดท้ายก็ดิ่งพสุธาตกลงสู่พื้น กระดูกเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง

สายฟ้ายังคงครอบงำชำระล้างหุบเขาใหญ่ทั้งหมดจนสะอาด…

พื้นที่ไกลจากหุบเขา เมื่อจิ่วโยวและคนอื่นๆ ที่กำลังถอยห่างเห็นคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวร่างกายก็หยุดชะงักลงพลางจ้องมองไปด้วยสายตาเคร่งเครียด

“น่ากลัวอะไรแบบนี้” หานซันอึ้งไป แม้จากตรงนี้เขายังรู้สึกว่าคลื่นกระแทกน่ากลัวเพียงใด ถ้าเขาอยู่ใกล้คงตายคาที่แน่นอน

จิ่วโยวกัดริมฝีปากเบาๆ แววกังวลพลุ่งพล่านในดวงตา แต่จากนั้นนางก็หายใจลึก “ระวังรอบๆ อย่าปล่อยให้ใครมาใกล้”

มั่วเฟิงและคนอื่นๆ พยักหน้ารับรู้ ตอนนี้พวกเขาได้แต่หวังว่ามู่เฉินจะไม่เป็นไร

ขณะที่จิ่วโยวหยุดอยู่บริเวณนี้เพื่อเฝ้าระวัง ชายชุดสีฟ้าบนยอดเขาทางเหนือก็มองไปที่ทิศทางนั้นแล้วขมวดคิ้ว นั่นเป็นเพราะเมื่อสักครู่เขารู้สึกถึงคลื่นกระแทกของพลังงานหลิงรุนแรง

ชายคนนี้ก็คือไป๋หมิงแห่งเผ่าหงส์ฟ้า

“พี่ใหญ่ไป๋หมิง นั่นมันพลังงาน?” ที่ด้านข้าง ไป๋ปิงก็ปรากฏขึ้นด้วยอาการหวาดกลัว เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความรุนแรงของพลังงานในฟ้าดิน

“พลังงานรุนแรงนี้น่าจะเป็นของสายฟ้า กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าก็คงไม่สามารถต้านทานพลังนั้นได้” ไป๋หมิงหรี่ตาลง ก่อนที่แววตาจะวูบไหวด้วยความเข้าใจ เขายิ้มอ่อน “ดูเหมือนว่าข้าประเมินค่าไอ้บ้านั่นมากเกินไป ถูกอสูรวิญญาณขั้นแปดบีบจนถึงขั้นนี้เชียว”

ในมุมมองของเขา การรวมกลุ่มของพวกมู่เฉินไม่ง่ายนักที่จะฆ่าอสูรวิญญาณขั้นแปด หากพวกเขาต้องการที่จะฆ่ามันโดยไม่บาดเจ็บล้มตายก็จะต้องใช้หัวใจพาฬกินสายฟ้าอย่างเดียว

ไป๋ปิงอึ้งไปจากนั้นก็เอ่ยอย่างดีใจ “มันใช้หัวใจพาฬกินสายฟ้าแล้วรึ?”

“พลังงานดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่มีกลุ่มใดที่เข้ามาในดินแดนเสินโซ่มี นอกเหนือจากหัวใจพาฬกินสายฟ้าในมือมันแล้ว ก็น่าจะไม่มีคนอื่นอีก”

ไป๋หมิงผงกหัวขณะที่ความเคร่งเครียดวูบไหวในดวงตาก่อนที่จะพูดต่อ “แต่พลังของมันช่างน่ากลัวจริงๆ หากไอ้เหลือขอนั่นใช้กับข้า ข้าก็คงไม่รอด”

“หึ แต่จากนี้ไปไอ้บ้านั่นจะทำอะไรได้ในมือของพี่ใหญ่ไป๋หมิงอีก?” ไป๋ปิงแสยะยิ้ม

ไป๋หมิงยิ้มบาง เมื่อไม่มีหัวใจพาฬกินสายฟ้า มู่เฉินก็เปรียบเสมือนมดตัวหนึ่งในสายตาของเขา หากพบกันอีกครั้ง เขาจะบอกอีกฝ่ายว่าโง่เง่าแค่ไหนที่ทำให้เขาขุ่นเคือง

“จัดการกับอสูรวิญญาณขั้นแปดตรงหน้าเราก่อน” ไป๋หมิงส่ายหัว เลิกสนใจเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของมด เขาเงยหน้ามองออกไป ฝูงอสูรวิญญาณถูกกำจัดโดยจอมยุทธ์เผ่าหงส์ฟ้าหมดแล้ว มีเพียงอสูรวิญญาณขั้นแปดที่ยังคงอยู่พยายามหลบหนีอยู่

เขากำมือ พัดน้ำแข็งสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นในพริบตา จากนั้นร่างของเขาหายไป เมื่อเผยตัวขึ้นอีกครั้งก็ยืนค้ำอยู่เหนือร่างอสูรวิญญาณขั้นแปดแล้ว

ฟิ้ว!

รัศมีสีฟ้าน้ำแข็งเย็นเยือกกวาดออกมาราวกับหงส์ฟ้าสยายปีก เปลี่ยนเป็นกระแสคลื่นกลืนกินอสูรวิญญาณขั้นแปด รัศมีเย็นเยือกกวาดผ่าน ก็เหลือเพียงรูปปั้นน้ำแข็งถูกทิ้งไว้

ไป๋หมิงพลิ้วลงมาบนหัวของรูปปั้นเบาๆ ด้วยสีหน้าไม่แยแส จากนั้นก็ใช้ปลายเท้าเตะเบาๆ รูปปั้นน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยง ก่อนจะสลายกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง

หัวใจที่เต็มไปด้วยรัศมีความตายลอยขึ้นมาแล้วถูกไป๋หมิงคว้าไป เขาเคล้าคลึงหัวใจไปมา สายตากลับจ้องมองไปยังระยะไกล รอยยิ้มเย้ยหยันผุดขึ้นที่มุมปาก

หวังว่ามู่เฉินจะยังกล้ามุ่งหน้าเข้าสู่ส่วนใน เขาอยากบอกให้มันรู้ว่ามดที่กล้าแหย่สัตว์ใหญ่โตน่าเศร้าแค่ไหน

ในหุบเขาที่วินาศสันตะโรผาหินและยอดเขาโดยรอบถูกปรับให้ราบเตียนเหมือนพื้นเรียบ มีรอยแตกยาวนับไม่ถ้วนแผ่กระจายไปทั่วพื้นดินราวกับเหว

หุบเขาขนาดใหญ่แห่งนี้ถูกทำลายล้างไปอย่างสิ้นเชิง

ปัง!

บนดินแดนวิปโยค ก้อนหินก้อนใหญ่กระเด็นออกไป ร่างเงาหนึ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นก็พลิ้วตัวลงมาบนพื้นดิน เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นร่างเต็มไปด้วยบาดแผล มีรอยเลือดที่มุมปาก รูปร่างหน้าตาดูสะบักสะบอมอย่างยิ่ง

นี่ก็คือมู่เฉินนั่นเอง

เขาเช็ดรอยเลือดพลางก้มศีรษะลงมองหุบเขาที่พังทลายด้วยความหวาดผวาฉายในดวงตา พลังสายฟ้าของพาฬกินสายฟ้าทรงพลังเกินไป

มู่เฉินกวาดสายตาออกไป ไม่มีร่องรอยอสูรวิญญาณอีก ชัดว่าพวกมันถูกทำลายล้างอย่างสมบูรณ์

“ไม่รู้ว่าดอกบัวมรกตเก้าโคจรเป็นยังไงบ้างแล้ว?”

เมื่อนึกถึงสิ่งล้ำค่านี้ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไป เขาทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว เขามาที่นี่เพื่อดอกบัวมรกตเก้าโคจรและยังใช้หัวใจพาฬกินสายฟ้า หากผลกระทบจากคลื่นกระแทกของหัวใจพาฬทำลายมันไป ตับไตไส้พุงของเขาคงกลายเป็นสีเขียวคล้ำจากการตรอมตรม

ฟิ้ว!

มู่เฉินทะยานข้ามพื้นที่วิปโยค จากนั้นก็ไปปรากฏตัวอยู่ในบึงรัศมีความตาย แต่ในเวลานี้บึงถูกทำลายลงอย่างมากพร้อมกับรัศมีความตาย

เมื่อเห็นภาพนี้หัวใจของมู่เฉินก็ดิ่งลง เขาเพิ่มความเร็วยิ่งขึ้นไปอีก พุ่งไปที่ใจกลางบึงพลางกวาดสายตาไปทั่ว จากนั้นเขาก็เห็นบ่อน้ำใสยังคงเงียบสงบอยู่ในบึง โดยรอบมีมวลน้ำสีดำซึ่งแบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

ที่ส่วนลึกของบึงดอกบัวสีเขียวมรกตกระเพื่อมเบาๆ เปล่งประกายแสงสีเขียวที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตไร้ขอบเขต

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท